ตอนที่แล้วตอนที่ 113 ร่ำไห้ กระอักเลือด ริษยา P2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 115 ก้าวหน้าระหว่างสู้

ตอนที่ 114 เดชนางพญา


เมื่อนางพญากระหายเลือดถูกเรียกออกมา อาจเป็นเพราะนางยังโกรธ'เย่ว์หยาง'ที่ไม่สนใจการคัดค้านก่อนๆ นั้นของนาง  นางพยายาแข็งขืนกลับเข้าไปในคัมภีร์เอง  ต่างจาก'โคเงา'ผู้แสดงให้เห็นความกล้าหาญและความสามารถพิเศษ  นางยังใช้ปีกสีทองคลุมร่างตัวเองไว้ ไม่ยินดีให้ใบหน้านางปรากฏต่อหน้าผู้คน  ดูเหมือนนางจะเก็บตัวเอง ตรงข้ามกับนิสัยโอ้อวดของ'เย่ว์หยาง'  กับการปรากฏตัวบนเวทีของนาง

พวกอสูรตัวเล็กตัวน้อยบนเวทีต่างหวาดกลัวจนหมอบลงกับพื้นโดยไม่กล้าขยับ  ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นคลื่นแสงสีทองถูกปล่อยออกมาจากปีกของนางซึ่งขยายออกมาก่อตัวเป็นรัศมีนางพญา สัญลักษณ์พิเศษสำหรับจ้าวอสูรทอง  พวกมันคงไม่รู้ว่านางคือจ้าวอสูรทอง

แน่นอนว่า นักสู้มีความรู้สึกที่แหลมคม ไม่จำเป็นต้องมองดูนางพญากระหายเลือด ก็รู้สึกได้ว่านางพญากระหายเลือดที่ถูกเรียกออกมานี้ แข็งแกร่งขนาดไหน อสูรทองระดับ 3  สำหรับนักสู้อย่าง'จุนอู๋โหย่ว'และผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'  อาจจะนับว่าไม่สูง  แต่นางคือจ้าวอสูรทอง ไม่มีขีดจำกัดที่จะพัฒนาในอนาคต ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางพญากระหายเลือดนี้เป็นอสูรร่างมนุษย์

นางคืออสูรที่มีปัญญา นี่หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่ามีความเป็นไปได้ในการเลื่อนระดับของนางในอนาคต  บางทีนางสามารถเปลี่ยนเป็นอสูรระดับแพลตตินัมหรือแม้แต่ระดับเพชรในตำนานก็ได้ ถ้าผู้ที่เรียกนางออกมาเป็นคนมีชื่อเสียงหรือเป็นนักสู้ระดับ 6 หรือ ระดับ 7  อย่างนั้น'เย่ว์ซาน'และ'เย่ว์หลิ่ง'คงจะไม่อิจฉาเท่าใดนัก  ทว่า คนที่เรียกนางพญากระหายเลือดออกมากลับเป็นคนที่ได้คัมภีร์อัญเชิญมาเมื่อครึ่งปีที่แล้ว  มันเป็นสวะที่ไม่เคยทำสัญญากับอสูรได้สำเร็จ

'เย่ว์ซาน'และ'เย่ว์หลิ่ง'รู้สึกริษยาจนถึงระดับที่รู้สึกได้ว่าแรงดันโลหิตแทบจะดันจะเลือดออกทางทวารทั้ง 7 'เย่ว์หยาง'เรียกมันออกมาต่อหน้า'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้และบิดาของพวกเขา  ตอนนี้พวกเขาไม่อาจพยายามฆ่า'เย่ว์หยาง'ได้อีกต่อไป เนื่องจาก'จุนอู๋'ฮ่องเต้ทรงรักอัจฉริยะเหมือนกับเป็นเลือดเนื้อและชีวิตของพระองค์

พระองค์จะต้องโปรดเจ้าเด็กสวะผู้นี้เป็นที่สุดแน่  ถ้าพวกเขาต้องการฆ่าเขาต่อหน้า'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้ ถ้าเป็นอย่างนั้นวันคืนที่เจริญของเขาก็จะจบลง  ปีที่'เย่ว์ชิว'ตายในการรบ 'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้ทรงพิโรธราวกับอัสนีบาต  นอกจากสั่งประหารขุนศึกนับสิบนายที่มาช่วย'เย่ว์ชิว'ไม่ทันเวลาแล้ว  พระองค์ยังส่งกองกำลังบุกแดนปีศาจสังหารขุนพลปีศาจหลายร้อยให้ตายตาม'เย่ว์ชิว'ไปด้วย...

อย่างไรก็ตาม 'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้ไม่สามารถหาศพของ'เย่ว์ชิว'พบจนถึงบัดนี้  สถานการณ์ทั้งหมดกลายเป็นเรื่องลึกลับและยังคงมีความหวังเล็กๆ สำหรับ'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้ว่า'เย่ว์ชิว'อาจยังมีชีวิต  ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์แบบนี้  'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้อาจจะฆ่าคนไปมากกว่านี้ก็ได้

แม้ว่า'จุนอู๋โหย่ว'จะเป็นฮ่องเต้มีพระทัยเอื้ออารีย์ทรงปฏิบัติต่ออาณาประชาราษฎร์เป็นอย่างดีจนประชาชนสมญานามพระองค์ว่าจักรพรรดิยิ้ม  แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าพระองค์จะไม่ทรงฆ่าคน ความจริง ทั้ง'เย่ว์ซาน'และ'เย่ว์หลิ่ง'รู้ดีว่าบรรดาจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งสามพระองค์ หรือบางทีอาจเป็นจักรพรรดิในทวีปมังกรทะยานทั้งหมด  'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้ทรงเป็นจักรพรรดิที่ฆ่าคนมากที่สุดตลอดรัชสมัยของพระองค์

“อย่าเพิ่งงอนกันสิ, ข้าแค่ขอให้เจ้าช่วยข้าสำแดงเดชนางพญาข่มพวกเขาทุกคนเท่านั้น เสร็จงานแล้วข้าจะซื้อลูกอมแอปเปิลเลี้ยงเจ้านะ”

'เย่ว์หยาง'ดึงคัมภีร์เงินมาไว้ในมือของเขา  ทันทีที่โล่แสงหายไปเขาก็เดินมาอยู่ที่ข้างๆ นางพญากระหายเลือดลูบปีกเกลี้ยกล่อมนางเบาๆ  กลุ่มผู้ชมเหงื่อตกพูดไม่ออกทันที ไม่มีทางที่นางพญากระหายเลือดจะชอบกินลูกอมแอปเปิล

“…..^(!~@#$”

นางพญายื่นมือออกมาจากใต้ปีกนาง  จากนั้นพูดภาษาปีศาจที่ไม่มีใครเข้าใจ เหมือนกับว่าจะขอบางสิ่งบางอย่างจาก'เย่ว์หยาง'

“อ๋า... นางยังพูดได้ด้วย”

“ข้าจะเป็นลมเสียให้ได้”

หมายความว่ายังไงที่อสูรสามารถพูดได้?

แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่า อสูรที่ครอบครองอยู่นั้นมีระดับปัญญาที่สูงส่ง ไม่ใช่ว่าในโลกนี้จะไม่มีสัตว์อสูรชั้นทอง แต่ว่าอสูรทองที่มีระดับสติปัญญาสูงส่งจนสามารถพูดได้มีน้อยกว่าน้อย 'เย่ว์ซาน'และ'เย่ว์หลิ่ง'แทบอยากจะฆ่าตัวตาย  พวกเขาไม่อยากมีชีวิตต่อไปจริงๆ นี่มันชักจะเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้  เรื่องโชคดีทั้งหมดในโลกนี้ไปรวมอยู่ในไอ้สวะผู้นี้ได้อย่างไร?  สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ!

ต่อให้พวกเขารวบรวมอัจฉริยะด้านมีโชคทุกคนในโลกได้  พวกเขาก็ยังไม่มีโชคใกล้เคียงกับเจ้าเด็กนี่  ตอนนี้โชคทั้งหมดไปรวมอยู่ในไอ้สวะนี่อีก  อะไรเป็นจุดเปลี่ยนให้เจ้าสวะนี่กลายเป็นคนที่ทรงพลังได้ถึงเพียงนี้?  มันคงไม่ดีกว่าแน่ที่เปลี่ยนอัจฉริยะให้เป็นอัจฉริยะมากขึ้น มันไม่ยุติธรรม! มันไม่ยุติธรรม... สวรรค์ส่งเสริมเจ้าเศษสวะนี่มากเกินไปแล้ว!

“เจ้าต้องการฮุยจินเหรอ? นี่มันอาวุธประจำตัวของข้า  เจ้าก็แอบเม้มมีดทองฆ่ามังกรไปเล่มหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ? ถึงเจ้าจะใช้มัน  เจ้าก็คงใช้สู้ได้อย่างเดียว ... ลืมเสียเถอะ  ข้าจะให้เจ้ายืมดาบจันทร์เสี้ยว  จำไว้นะ! แค่ให้ยืมเท่านั้น”

'เย่ว์หยาง'ยัดดาบจันทร์เสี้ยวไว้ในมือเรียวงามของนางพญากระหายเลือด  เขาคิดว่าเขาจัดการปัญหาได้แล้ว  เขาคิดไม่ถึงว่านางพญากระหายเลือดจะยื่นมือออกมาอีกข้างหนึ่ง

“!@#$%^&)&^()#_#^#”

นางพูดเร็วปรื๋ออีกครั้ง  ไม่มีใครเข้าใจความหมายของคำพูดนาง

“เจ้าต้องการรางวัลสำหรับต่อสู้เหรอ? เฮ้ เฮ้ เฮ้,  เจ้าไม่รู้ตัวบ้างหรือ ตอนนี้เจ้าเป็นอสูร?  ดูอย่างเจ้าฮุยไท่หลางสิ,  มันไม่เคยเรียกร้องรางวัลใดๆ จากข้าเลย”

'เย่ว์หยาง'เตือนนางพญากระหายเลือดไม่ให้เอาแต่ใจตัวเอง  นางควรดูตัวอย่างจาก'ฮุยไท่หลาง'ที่ทำงานหนักเหมือนเป็นกรรมกร

“โฮ่ง โฮ่ง!”

'ฮุยไท่หลาง'กระดิกหางดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม นางพญากระหายเลือดยังคงแบมือต่อไป ไม่มีทีท่าว่าจะชักมือกลับ 'เย่ว์หยาง'ไม่มีทางเลือก ได้แต่เอาแก่นเวทของมังกรวางลงในมือข้างหนึ่งของนาง  เขารู้สึกว่านางคุกคามเขาต่อหน้าผู้คน  เขาต้องไม่ยอมเสียมากไปกว่านี้อีก ไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ตาม  อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะไม่มีทรัพย์ติดตัวใดๆ เลย แต่หุ่นนางก็ไม่เลว

ช่างเถอะ.. นางคงได้ใช้ตัวนางชดเชยแทน... ว่าแต่นางเป็นอสูร  ถ้ามนุษย์กับอสูรมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน  นั่นเป็นเรื่องเลวร้ายไปหน่อยไม่ใช่เหรอ?   เขาเป็นคนดี ที่สำคัญคือยังเป็นหนุ่มบริสุทธิ์  แม้ว่าเย่ว์หยางจะคิดว่าตนเป็นเด็กดีก็ตาม  ถ้าตกต่ำถึงจุดหนึ่ง คงทำอะไรประเจิดประเจ้อหนักแน่

“อ๊า....”

เมื่อนางพญากระหายเลือดได้รับแก่นเวทมังกรมาแล้ว  นางสยายปีกอย่างกระตือรือร้นทันที  พอกระพือปีกคราเดียว นางก็เหินขึ้นไปบนท้องฟ้าและส่งเสียงหวีดร้องอย่างตื่นเต้น แม้ว่านี่จะไม่ใช่เสียงกรีดร้องที่เป็นไม้ตายประจำตัวนาง แต่มันก็เป็นการบันลือเสียงของจ้าวอสูรทอง ซึ่งทำให้สัตว์อสูรน้อยที่อ่อนแอกลัวจนสมองฝ่อ บนเวที บรรดาอสูรที่'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน'เรียกออกมา นอกจากหุ่นอสูร  สัตว์อสูรอื่นต่างก็ตัวสั่นและก้มหัวลง

พวกมันเกือบจะทิ้งเจ้านายของพวกมันแล้วหนีไป ถ้าไม่ใช่เพราะ'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน'ควบคุมพวกมันอย่างสุดความสามารถ  อสูรเหล่านี้คงเผ่นลงจากเวทีไปแล้ว นี่ยังคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ  แม้ว่าพวกมันจะลักษณะที่ทรงพลังพอๆ กับอสูรชั้นทองแดงเมื่อเทียบกับอสูรสามัญ  แต่ในยามเผชิญกับจ้าวอสูรทอง พวกมันกลับไม่มีอะไร นางพญากระหายเลือดไม่สนว่าคนอื่นๆ จะมีปฏิกิริยาตอบสนองนางเช่นไร  นางแผ่แสงรัศมีเป็นวงกว้างอยู่บนท้องฟ้าอย่างเพลินใจ  คลื่นเสียงที่ยิงออกมาจากปากนางเหมือนกับว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่ได้รับดาบจันทร์เสี้ยวกับแก่นเวทของมังกรจากมือ'เย่ว์หยาง'

“ข้าอยากจะเป็นลมเสียให้ได้ แม่นี่เป็นนักขุดทองชัดๆ”

'เย่ว์หยาง'รู้สึกว่าถ้านางต้องการแก่นเวทมังกรทุกครั้งที่นางถูกเรียกออกมา  มีหวังหมดตัวกัน ดูเหมือนว่าเขาไม่ควรปล่อยให้เป็นแบบนี้นานไป  เขาต้องอบรมนางเมื่อนางกลับมา นางสมควรเป็นบริวารที่เชื่อฟังที่ควรจะอ้าปากตอบรับว่า

“ได้ค่ะ เจ้านาย”

ไม่ใช่มาพูดเรียกร้องเอาแต่สิ่งที่ตนเองต้องการ

“เจ้าบ้านี่ว่าเพี้ยนแล้ว แม้แต่อสูรของเขาก็เพี้ยนตามด้วย”

'เสวี่ยทันหลาง'พูดไม่ออกเหมือนกัน เหมาะสมกันดีแล้ว

*บึ้ม!*

เมื่อทุกคนจับตาดูแต่นางพญากระหายเลือด เกิดเสียงลั่นจนแก้วหูแทบแตก    ทุกคนสะดุ้งและหันไปมองที่มาของเสียง  พวกเขาเห็นว่า'โคเงา'กำลังยกดาบปีศาจขนาดยักษ์ของนางผ่าหุ่นเหล็กที่'เย่ว์เทียน'เรียกออกมาจนขาดกลาง  อีกด้านหนึ่งหุ่นไฮดร้าขอ'งเย่ว์เยี่ยน'เข้ามาช่วยต่อสู้  แต่มันถูก'โคเงา'ยับยั้งไว้  นางยืดแขนออกมาและคว้าศีรษะหุ่นไฮดร้าบีบไว้แน่น

ประกายไฟแล่บออกพร้อมกับเสียงแตกหัก  ภายใต้สายตาที่มึนงงของผู้ชม  'โคเงา'ดึงกระชากหัวยาวของไฮดร้าออกมาอย่างป่าเถื่อนโดยไม่สนใจการจู่โจมจากหัวไฮดราอีกแปดหัว  หลังจากนั้น นางค่อยใช้มือจับตรงช่องที่กระชากศีรษะขาดไป แล้วค่อยๆ ฉีกทีละนิดๆ จนในที่สุดทั้งร่างของหุ่นไฮดราขาดออกเป็นสองเสี่ยง

นางล้วงเอาแก่นเวทขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในเครื่องจักรออกมา 'เย่ว์เยี่ยน'อยากจะร้องไห้จนตายนัก นั่นคือแก่นเวทของไฮดรา แก่นเวทที่มีค่าที่สุดของเขา  มันทำให้เขาต้องเปลืองเลือดและเหงื่อไปมากกว่าจะได้แก่นเวทนั้นมา เขาคาดไม่ถึงมาก่อนว่าหุ่นไฮดราสามารถใช้มันเป็นอาวุธลับได้  แก่นเวทของมันกลับถูกฝ่ายตรงข้ามชิงเอาไปแล้ว 'ฮุยไท่หลาง'ว่องไวมาก ด้วยความไวราวสายฟ้าแล่บ มันขโมยแก่นเวทของไฮดรามาจาก'โคเงา'แล้ว ไม่ว่ามันจะคิดว่ามันไวแค่ไหนก็ตาม  แต่มันก็ยังไม่ไวกว่า'เย่ว์หยาง'

'เย่ว์หยาง'เตะมันกระเด็นและชิงเอาแก่นเวทของไฮดรามาไว้ในมือของเขา  อีกด้านหนึ่ง นางพญากระหายเลือดลงมาถึงในเวลาเดียวกัน  นางรู้ค่าแก่นเวทที่ขุดออกมาจากหัวของอสูรหุ่น  อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์หยาง'กลับเตะใส่สะโพกของนางจนกระเด็นออกนอกเวที

“ใครบังอาจชิงของจากข้า?”

'เย่ว์หยาง'โกรธจัด ถ้าเขาในฐานะที่เป็นเจ้านายไม่ยินยอมให้บริวารทำอะไรบางอย่าง ก็ต้องไม่มีใครทำอะไรตามใจตนเองได้

“…”

ผู้ชมต่างปาดเหงื่อตกตะลึงกับภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา คนอื่นๆ จะปฏิบัติต่ออสูรระดับทองแดงเหมือนกับเป็นลูกหัวแก้วหัวแหวนของเขาเอง  พวกเขาจะระมัดระวังอย่างเต็มที่และจะไม่พยายามด่าว่าพวกมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เจ้าผู้นี้กลับทำตรงกันข้าม   ขนาดกล้าใช้เท้าเตะจ้าวอสูรทอง ทำให้ผู้คนแต่ละฟากฝั่งหัวเราะกันลั่น

แต่การณ์กลับตรงกันข้าม เพราะการกระทำของ'ฮุยไท่หลาง'  เมื่อมันคลานออกมาจากพื้น มันไม่ได้หักหลังเจ้านายมันเหมือนที่คนคิดว่าน่าจะเป็น  มันกลับวิ่งมาอยู่ที่แทบเท้าของ'เย่ว์หยาง'และกระดิกหางอย่างน่ารักแทน 'เย่ว์หยาง'เตะมันลงเวทีอีกครั้ง

“ขอข้าพักก่อน ข้าไม่เคยเห็นแก่นเวทของไฮดรานี้มาก่อน นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า”

นางพญากระหายเลือดที่อยู่อีกด้านหนึ่งโกรธจัดที่'เย่ว์หยาง'เตะนาง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะอารมณ์เสียมากเพียงใด นางก็ไม่กล้าทำร้าย'เย่ว์หยาง'ทำได้เพียงกรีดร้องอย่างขัดใจ เสียงกรีดร้องของนางดังก้องไปทั้งเวที ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบที่ศีรษะ อสูรระดับต่ำล้มลงหมดสติทันที นักรบธรรมดาถึงกับหน้ามืดมองเห็นดาวหมุนรอบศีรษะตนเองขณะที่พวกเขาเกือบจะล้มลงกับพื้น

'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน'รู้สึกถึงอันตราย  พวกเขาต้องหนี แต่มันสายเกินไปแล้ว  นางพญากระหายเลือดใช้ดาบจันทร์เสี้ยวฟันใส่ทั้งสองคนอย่างดุเดือด  ทั้งสองคนเตรียมพร้อมรวบรวมความกล้าและสั่งให้อสูรของตนเผชิญหน้าศัตรูทันที

พวกเขาคาดไม่ถึงว่านางพญากระหายเลือดจะใช้คลื่นเสียงโจมตีได้อีก  จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้านและในหัวเกิดอาการเบลอว่างเปล่า  ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะโล่ของคัมภีร์ปกป้องไว้ หัวของพวกเขาอาจระเบิดไปแล้วเพราะคลื่นเสียงที่น่ากลัวนี้ ด้วยโล่ที่ป้องกันอยู่ทำให้พวกเขาไม่ได้รับผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม อสูรของเขา เช่นราชสีห์เพลิง, เสือดำสายฟ้าและทหารเพลิงกลับประสบเคราะห์ อสูรทั้งสามนั้นที่ปกติจะแสดงเดชกำลังของพวกมันเอง กลับตัวกระตุกงออย่างเจ็บปวด

หูของพวกมันมีเลือดไหลออกขณะที่มันร้องออกมาอย่างน่าสงสาร ขาของพวกมันสั่นเทิ้มจนแทบไม่เหลือกำลัง เหมือนกับพยัคฆ์ที่กระโจนใส่ฝูงแกะ  นางพญากระหายเลือดวิ่งไปข้างหน้าควงดาบจันทร์เสี้ยวและฟันใส่เสือดำสายฟ้าที่อยู่ใกล้นางที่สุด เลือดพุ่งออกมาอย่างน่ากลัว

ภายในครึ่งนาที  อสูรชั้นทองแดง 3 ตัวถูกนางฆ่าเรียบจนเลือดสาดกระจาย  พวกมันไม่เหลือซากศพที่สมบูรณ์แม้แต่ตัวเดียว  หัวของอสูรถูกตัดขาด ร่างขาดเป็นชิ้น เนื่องจากนางพญากระหายเลือดควักเอาแก่นเวทออกมาจากตัวพวกมัน  เลือดและสมองกระจายไปทั่วบริเวณ ฟันของทุกคนกระทบกันกึกๆ ขณะที่พวกเขามองดูนางพญากระหายเลือดอย่างหวาดกลัว ร่างของนางย้อมไปด้วยเลือดและสมอง

พอเห็นนางควักแก่นเวทที่ยังเปื้อนเลือดสดๆ ออกมาและเห็นใบหน้าเปื้อนเลือดของนางแสดงอาการพึงพอใจ  พวกเขาถึงกับตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก  เป็นเหมือน นางพญากระหายเลือดในตำนานที่กล่าวถึงกัน  มีฝีมือสังหารที่นองเลือดสมชื่อนางจริงๆ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

“มันจบแล้ว”

'เย่ว์เทียน'เห็นว่าอสูรที่แข็งแกร่งทั้งหมดของเขาตายและแก่นเวทถูกนางพญากระหายเลือดควักออกมา  ความรู้สึกสิ้นหวังจากการเป็นนักสู้อัจฉริยะกลายเป็นสวะทำให้เขาตาเหลือกค้างเป็นลมหมดสติทันที

“มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร, ไม่..ไม่..”

'เย่ว์เยี่ยน'คุกเข่าลงกับพื้นมองดูราชสีห์เพลิงที่รักของเขา  เขาพูดอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ร่ำไห้อย่างเดียว

“อ่า.. สาวน้อย (โคเงา) ส่งพี่ใหญ่และน้องสี่ลงเวทีแบบให้เกียรติด้วยนะ”

พอ'เย่ว์หยาง'โบกมือให้ 'โคเงา'ก็โถมเข้าหา'เย่ว์เทียน'ที่หมดสติและ'เย่ว์เยี่ยน'ที่ยังนั่งคุกเข่าร่ำไห้อยู่  ตอนนี้พวกเขาไม่มีโล่แสงคอยปกป้องแล้ว  จะหาเวลาดีๆ แบบนี้ทุบตีเขาหนักๆ ได้ที่ไหน?

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=114

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด