ตอนที่ 113 ร่ำไห้ กระอักเลือด ริษยา P2
'เย่ว์ถิง'เกือบเปลี่ยนเป็นหมีไปทั้งตัวชูอุ้งมือและคำรามลั่น รัศมีสีทองที่ฉายออกมาคล้ายกับว่ามันเปล่งออกมาจากตัวของเขา ในที่สุด รัศมีสีทองก็รวมลงในฝ่ามือทั้งสองของเขา อุ้งเท้าหมีสีทองดูเหมือนจะเก็บกักพลังมหาศาลเอาไว้
เมื่อ'เย่ว์ถิง'ย่ำเท้าลง ก็ทำให้ให้พื้นเวทีสั่นไหวได้ทั้งหมด แม้แต่ในบรรดาผู้ชม นักรบที่อ่อนแอที่สุด ยังรู้สึกสั่นไหวภายใต้บรรยากาศที่กดดัน หนักหน่วงของ'เย่ว์ถิง' พวกเขาแทบล้มลงหมดสติ ขณะที่หน้าซีดด้วยความตกใจ
“พี่สาม ผิวของข้าหนามากหลังจากข้ากลายร่างเป็นหมี ไม่ถูกตัดได้ง่ายๆ ท่านไม่ต้องออมมือในการจู่โจมข้า ไม่ต้องห่วงตัวข้า เมื่อเย่ว์ถึงพูดจบ เขายกอุ้งมือของเขาขึ้น เดินเข้ามาทีละก้าว ทีละก้าวทำให้พื้นเวทีสั่นไหวและมีเสียงดังกึกก้อง เย่ว์ปิงกลัวจนหน้าถอดสี นางมองดูพี่สามของนาง เย่ว์หยางและหวังว่าเขาจะมีวิธีรับมือกับเย่ว์ถิง”น้องเจ็ด, นักรบที่แข็งแกร่งไม่ใช่มีแต่พลังเพียงอย่างเดียว แค่นั้นยังไม่พอ เขาต้องมีความเร็ว รวดเร็วดุจเทพเจ้า””
พอพูดถึงตอนนี้ ร่างของ'เย่ว์หยาง'ก็หายไปทันที
หมัดของเขาทุบลงไปที่หลังศีรษะของ'เย่ว์ถิง'เหมือนค้อนกระหน่ำ 'เย่ว์ถิง'เหยียดมือออกมาตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนใจอะไรอื่น 'เย่ว์หยาง'หมอบลงหลบการโจมตีของ'เย่ว์ถิง'อย่างชาญฉลาด และในขณะเดียวกันใช้ขาทั้งสองตวัดเตะอย่างรวดเร็วราวกับกังหัน แรงระดมเตะทำให้'เย่ว์ถิง'ถูกต้อนจนต้องถอยหลัง
เมื่อ'เย่ว์ถิง'ใช้มือหมีตะปบลงมาที่ขาของเขา 'เย่ว์หยาง'ก็ก็ลอยตัวอยู่ในอากาศและใช้ขาทั้งสองยันเข้าที่ศีรษะของ'เย่ว์ถิง' ด้วยท่าเตะที่สวยงามส่งผลให้เย่ว์ถิงกระเด็นออกจากเวทีเหมือนลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมาจากปืนใหญ่ 'เย่ว์ถิง'ตกลงไปบนพื้นเสียงดังสนั่น ร่างของเขาจมลงไปในพื้นดินทั้งตัว ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่น่าสมเพท
“พี่สามสุดยอดจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกสำหรับข้าที่โดนเล่นงานโดยไม่สามารถโต้ตอบได้เลย อย่างไรก็ตามข้าไม่บาดเจ็บอะไรเลย เรามาสู้กันอีกครั้งเถอะ”
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของผู้ชม
'เย่ว์ถิง'ปีนขึ้นมาและกระโจนเข้าไปในเวทีอีกครั้ง ถ้าว่ากันตามกฎ เขาควรจะแพ้ไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และต้องการจะสู้กับ'เย่ว์หยาง'อีก ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบ สมาชิกตระกูลเย่ว์ทุกคนแข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนได้อย่างไร? ยังไม่ต้องพูดถึง'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน' แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าตระกูลเย่ว์ยังมี'เย่ว์ปิง'ที่มีสัตว์อสูรสายพฤกษาที่ทรงพลัง
ตอนนี้ สมาชิกตระกูลเย่ว์อีกคนหนึ่ง 'เย่ว์ถิง'ที่ไม่กลัวเจ็บตัวยังปรากฏตัวขึ้นมาอีก ยังมีเจ้าสวะจอมเพี้ยนอย่างคุณชายอีกด้วย ตระกูลนี้ ไม่มีใครธรรมดาเลย พวกเขาเป็นตัวประหลาดที่มีฝีมือน่ากลัว
“เจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ใช่ไหม?”
'เย่ว์หยาง'ไม่ได้ใช้ดาบของเขา
ถ้าเขาพลั้งมือฆ่า'เย่ว์ถิง'ไป บางทีผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่' ที่อุตส่าห์สละความพยายามลงไป จะไม่มีผู้สืบทอดเหลือ เกรงว่าท่านจะซึมเศร้าจนฆ่าตัวตัวตาย ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ตระกูลเย่ว์จบแน่ แม่สี่และ'เย่ว์ปิง'อย่าฝันเลยว่าจะมีชีวิตที่ดีในอนาคต
ขณะที่พวกเขาจะเต็มไปด้วยความสำนึกผิด อย่างไรก็ตาม สั่งสอนให้บทเรียนเจ้าหมีโง่นี่ก็คงไม่เป็นปัญหา 'เย่ว์หยาง'เคลื่อนไหวเร็วขึ้นราวกับสายฟ้าใช้หมัดของเขากระหน่ำไปที่'เย่ว์ถิง'จนเขาไม่รู้เหนือรู้ใต้ ในที่สุดเขาก็ใช้พลังเตะที่รุนแรงส่งร่างของเขากระเด็นตกเวทีอีกวาระหนึ่ง
“พี่สาม! ดูเหมือนว่าข้าจะรู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่บาดเจ็บนะ มาเล่นกันต่อเถอะ”
'เย่ว์ถิง'ผู้นี้ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกับ'ฮุยไท่หลาง' แมลงสาบที่ไม่มีทางตายไม่ว่าจะถูกตีกี่ครั้งก็ตาม ความจริงพลังของเย่ว์ถิงน่ากลัวมาก แต่เขาไม่สามารถจู่โจม'เย่ว์หยาง'ได้ถูก มิฉะนั้นร่างเล็กๆ ของ'เย่ว์หยาง'คงไม่สามารถทนต่ออุ้งเท้าหมีได้
'เย่ว์หยาง'ใช้พลังไม่มียั้งด้วยพลังฝีมือและความเร็วของเขา 'เย่ว์หยาง'ต่อยตีน้องห้าของเขาเต็มที่มากกว่าตอนที่เขาถูกสาวงามในฝันทุบตีเสียอีก มันเกือบไปถึงจุดที่การต่อสู้เปลี่ยนไป
“ข้าก็ต้องการสู้ด้วย”
'เสวี่ยทันหลาง' ผู้มีท่าทีเย็นชาแต่หัวใจกลับรุ่มร้อนและยังคิดเข้าร่วมต่อสู้ด้วย เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ในที่สุดก็ตะโกนอย่างมีอารมณ์
“แม้ว่าข้าจะเป็นแขก แต่ข้าต้องการสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้พี่สาวข้า คุณชายสาม เตรียมรับการโจมตีของข้า”
เขาเรียกอสูรรูปร่างเหมือนพายุหมุนออกมาทำให้เวทีตกอยู่ในความเย็นยะเยือก ผู้ชมทำอะไรไม่ถูกจึงด้แต่สั่นด้วยความหนาวเย็น ขณะที่พวกเขาเห็นเสวี่ยทันหลางตั้งใจขยายขนาดพายุหมุนให้ใหญ่กว่าเดิมถึงสิบเท่าและมากขึ้นไปอีก ผู้ชมถึงกับแตกกระจายกันไปคนละทิศ นี่ไม่ตลกแล้ว ถ้าพวกเขาโดนพายุที่น่ากลัวเล่นงานเข้า พวกเขาจะต้องตายโดยไม่เหลือแม้แต่กระดูก
พื้นที่เวทีทั้งหมดตกอยู่ในความเย็นยะเยือกถึงเยื่อกระดูกขณะที่น้ำแข็งเริ่มจับตัวกันนับไม่ถ้วน แม้แต่ดาบวิเศษฮุยจินของเย่ว์หยางที่มีปราณปีศาจยังแข็งตัวอย่างช้าๆ พอเห็นเช่นนี้ 'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน'พากันโดดลงมาบนเวทีทันที แล้วเรียกคัมภีร์ของตนเองออกมา 'เย่ว์เทียน'แสร้งกล่าวว่า
“น้องทันหลาง นี่เป็นการต่อสู้ของพี่น้องเรา เป็นการประลองกันภายในตระกูลของเรา ทำไมท่านต้องเข้ามาแทรกแซงด้วยเล่า?”
“ถูกแล้ว น้องทันหลาง โปรดหยุดก่อน โปรดลงมาจากเวทีแล้วกลับไปนั่งที่ก่อน และสังเกตดูการต่อสู้เถอะ”
แม้ว่าทั้งสองคนจะพูดคำเหล่านั้น แต่การกระทำของพวกเขากลับเป็นอีกอย่าง ทั้งคู่กลับเรียกราชสีห์เพลิงและนกแร้งทองออกมาตามลำดับ เตรียมล้อมจู่โจม'เย่ว์หยาง' เกี่ยวกับเรื่องฆ่า'เย่ว์หยาง' พวกเขาไม่ได้ตั้งความหวังมากนัก
ยิ่งกว่านั้น ภายใต้การจับตาของผู้ชม มันคงเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายแก้ตัวว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริงๆ อย่างไรก็ตามพวกเขามุ่งมั่นที่จะเอาชนะเจ้าคนดื้อด้าน'เย่ว์หยาง' พวกเขาต้องการให้เย่ว์หยางได้รับบทเรียน ไม่ว่าเขาจะมีฝีมือก้าวหน้าเพียงใดก็ตาม เขาก็ยังตามหลังพวกเขาทั้งสองที่เป็นอัจฉริยะมานาน กับเย่ว์ถิงในฐานะที่เป็นโล่เดินได้และ'เสวี่ยทันหลาง'กับพลังสังหารที่น่ากลัว พวกเขารู้สึกว่าโอกาสที่จะเอาชนะ'เย่ว์หยาง'มาถึงจนได้
“น้องเจ็ด! อะไรทำให้เจ้าคิดว่าพี่สู้กับสี่คนนี้ตามลำพัง?”
จู่ๆ 'เย่ว์หยาง'ก็ถามขึ้น
“พี่สามแข็งแกร่งที่สุดอย่างชัดเจน แข็งแกร่งที่สุดตลอดไป ข้าก็ยังจะช่วยพี่สาม”
'เย่ว์ปิง'กำมือน้อยๆ แน่น สีหน้านางเด็ดเดี่ยวเหลือเชื่อ ไม่มีความกลัวเหลืออยู่ขณะต้องต่อสู้กับหนึ่งในสามดาวเพชรฆาตผู้ยิ่งใหญ่ 'เสวี่ยทันหลาง' นางมั่นใจในฝีมือของพี่ชายนาง
“เด็กดี! แต่เจ้าควรยืนอยู่ตรงนั้นคอยเชียร์พี่ของเจ้า รอจนกว่าข้าชนะแล้ว จากนั้นเจ้าค่อยตะโกนให้คนสนใจว่าเจ้ามีพี่ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เมื่อพี่ของเจ้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครรังแกเจ้าได้ สาปส่งเจ้าพวกที่ดูถูกพี่ชายของเจ้าได้เลย!”
'เย่ว์หยาง'ยื่นมือออกมาและเรียกคัมภีร์ชั้นเงินออกมาและเรียก'โคเงา'ออกมาด้วย เขายังคงเพิ่มเงาปีศาจที่สามารถเพิ่มความสามารถให้นางได้อีกร้อยเท่า 'โคเงา'คำรามลั่นขณะที่นางใช้หมัดซัดใส่ราชสีห์เพลิงบิน ไฟออกมาจากจมูกของนางขณะที่ตาของนางเปล่งแสงสีแดง มองดูโกรธเกรี้ยว อาวุธลับที่'เย่ว์หยาง'เก็บไว้ถูกนำออกมาใช้ในที่สุด แม้แต่แร้งทองที่บินอยู่ในอากาศพยายามจะหลบยังร้องออกมาอย่างทุกข์ทรมานและร่วงลงมาหัวโหม่งพื้นตายทันที
“เอ๋?”
ฮ่องเต้'จุนอู๋โหย่ว'และผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน
พวกท่านไม่เคยคิดว่า'เย่ว์หยาง'เจ้าเด็กบ้านี่เน้นแต่การฝึกวิทยายุทธ จะมีอสูรที่แข็งแกร่งอย่างนั้นด้วย อสูรพิทักษ์ชั้นทองแดงระดับ 5 ด้วยหรือ? เพิ่งจะทำสัญญากับคัมภีร์มาไม่นานนี่เองไม่ใช่หรือ? แล้วเขาเลื่อนระดับมาขนาดนี้ได้อย่างไร? ไม่มีใครคอยช่วยเหลือเขา เขาเปลี่ยนคัมภีร์ไปเป็นชั้นเงินแล้ว นี่..เจ้าเด็กบ้านี่ไปทำอะไรมา? เขาปรับระดับเพิ่มเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? เขาผ่านการต่อสู้มาแล้วกี่ครั้ง ถึงยกระดับมาได้ขนาดนี้? มันแค่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี เขาก็มีคัมภีร์ชั้นเงินเสียแล้ว และยังยกระดับอสูรพิทักษ์เป็นชั้นทองแดงระดับ 5 นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ
“นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้ามีอสูรชั้นทองแดงระดับ 5 ได้อย่างไร? เจ้าเพิ่งจะทำสัญญากับคัมภีร์ได้ไม่นานนี่”
'เย่ว์เยี่ยน'คนที่เกลียดสหายผู้น่าสงสารมากที่สุดแทบจะเป็นบ้าเพราะความโกรธ
“อ๊า.. ข้าทำพลาดจนได้ ข้าเพิ่งจะทำสัญญากับคัมภีร์ได้ไม่นานเลย ดังนั้นก็เลยไม่คุ้นเคยกับการอัญเชิญ เข้าพลั้งเผลอเรียกอสูรมาผิดตัว เดิมทีตั้งใจจะเรียกนางพญากระหายเลือด อสูรทองออกมา ทำไมถึงเรียกโคเงาชั้นทองแดง ที่ระดับต่ำกว่าออกมา พลาดจนได้ ดูเหมือนข้าจะเป็นสวะมาตั้งแต่เกิด ก็เลยเรียกอสูรออกมาไม่ถูกตัว”
เมื่อ'เย่ว์หยาง'พูดอย่างนี้ 'เย่ว์เยี่ยน'โกรธจัดจนแทบกระอักเลือด
“เจ้าฝันอยู่หรือเปล่า? เจ้าไม่มีทางที่จะมีอสูรระดับทองได้แน่”
'เย่ว์เยี่ยน'ต้องการจะกลืนกิน'เย่ว์หยาง'ทั้งตัวและกินเลือดกินเนื้อเขาไม่ให้เหลือ
“ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งแน่นอน เจ้ามีนัยน์ตาที่ยอดเยี่ยม ข้าไม่มีอสูรชั้นทองแน่นอน ข้ามีแต่จ้าวอสูรทองเท่านั้น”
เมื่อ'เย่ว์หยาง'เรียกนางพญากระหายเลือดออกมา ทุกคนในที่นั้นเหมือนกับกลายเป็นหินไปในทันที อย่างน้อยมีผู้ชมประมาณหนึ่งในสามกระอักเลือดล้มลงกับพื้นทันที 'เย่ว์เยี่ยน'เป็นหนึ่งในพวกนั้น แต่ไม่ใช่เพราะความตกใจ มันเป็นเพราะความโกรธ
ตลอดชีวิตของพวกเขา พวกเขาไม่เคยเห็นคนผิดธรรมดาอย่างมาก 'เย่ว์หยาง'ทำสัญญากับคัมภีร์ไม่ถึงปี และเขามีอสูรผู้พิทักษ์ชั้นทองแดงระดับ 5 แล้ว และยังมีนางพญากระหายเลือด อสูรทองระดับ 3 ยิ่งไปกว่านั้น นางพญากระหายเลือดยังเป็นจ้าวอสูรทองอีกด้วย นี่คืออสูรที่นักสู้ระดับต่ำกว่า 6 ยังไม่กล้าคิดฝันว่าจะมีได้ พวกเขาไม่เคยคิดว่าเจ้าสวะนี้จะสามารถควบคุมอสูรที่ทรงพลังอย่างนี้ในเวลาที่น้อยกว่าครึ่งปี
ผู้คนอีกหนึ่งในสามเริ่มร้องไห้ 'เย่ว์เทียน'เป็นหนึ่งในวพวกเขา เจ้าสวะนี่ ข่มเหงคนอื่นๆ มากขนาดนี้ได้อย่างไร? เขาเรียก'โคเงา' อสูรทองแดงระดับ 5 ออกมาฆ่าแร้งทองทันที มันก็เกินพอแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาปกปิดความสามารถ? ไม่น่าต้องทำให้คนอื่นอิจฉาด้วยเหรอ? ไม่น่าต้องทำเหมือนใจกว้างข่มคนอื่นให้ด้อยกว่าจนทำอะไรไม่ถูกด้วยหรือ? เจ้าเด็กนี่มีพลังมากเกินไปและข่มเหงคนมากเกินไป
เขาควรถูกสวรรค์ลงโทษ เขาต้องถูกฟ้าผ่าตาย ยังมีอีกหนึ่งในสามที่ไม่เชื่อตาตัวเองและ'เย่ว์ถิง'ก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาทุกคนขยี้ตาตัวเอง พวกเขารู้สึกเหมือนว่าอยากเอาหัวกระแทกพื้นให้ตาย ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่เชื่อว่านี่คือความจริง และคนกลุ่มย่อยๆ อย่าง'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต, ผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่', 'เย่ว์ซาน', 'เย่ว์หลิ่ง', 'เฟิงเสี่ยวหยุน', 'เฟิงขวง', 'เสวี่ยทันหลาง' ผู้เฒ่า'ห้า'และหญิงงาม มีไม่กี่คนที่ตะลึงจนตัวแข็งเป็นหิน
พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ นางพญากระหายเลือด จ้าวอสูรทองเป็นอสูรที่ฉลาด แต่มันกลับทำสัญญากับผู้เริ่มใช้คัมภีร์อัญเชิญที่ทำสัญญามาไม่ถึงครึ่งปี ถ้าพวกเขาเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นๆ ฟัง คนอื่นๆ จะเชื่อกันไหม? แม้แต่คนโง่ก็คงไม่เชื่อเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม ความจริงก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขา หรือว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตา? ถ้ามันเป็นจริง อย่างนั้นเจ้าเด็กบ้านี่ไปได้อสูรที่แข็งแกร่งขนาดนั้นมาจากไหน?
ฝ่าย'เย่ว์หยาง'ยังสงบและใจเย็นอยู่ได้ ไม่ใช่แค่'โคเงา'และนางพญากระหายเลือดเท่านั้น? เทียบกับ'เสี่ยวเหวินหลี'ผู้มีคัมภีร์ชั้นเพชรและอสูรทองลึกลับ เทียบกับอสูรที่เขามีอยู่ในคัมภีร์เทพอีก พวกเขาเป็นเหมือนแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งของความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา ยังไม่ต้องพูดถึง'เสี่ยวเหวินหลี' แม้แต่นางพญาดอกหนามมงกุฎทองในอนาคตก็ยังแข็งแกร่งกว่านางพญากระหายเลือดตั้งหลายเท่า พวกเขาจะตกตะลึงกันหรือไม่? จะกระอักเลือดและเป็นลมหรือไม่? จะร้องไห้ไม่ยอมหยุดกับเรื่องนี้หรือไม่? เขาก็แค่ปล่อยให้พวกเขาแสดงความสามารถร้องไห้, กระอักเลือดและริษยากันต่อไป
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=113