ตอนที่แล้วตอนที่ 111 ท้ารบในตระกูล P2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 113 ร่ำไห้ กระอักเลือด ริษยา P2

ตอนที่ 112 ร่ำไห้ กระอักเลือด ริษยา P1


ตอนแรกลุงใหญ่'เย่ว์ซาน'แสดงท่าทางเหมือนคนใจดีและเป็นคนชั้นสูงที่ถ่อมตน  เขาฉีกยิ้มเต็มใบหน้า มองดูสุภาพ  เขาโค้งคำนับมาที่ฮ่องเต้'จุนอู๋โหย่ว'และบิดาของเขา จากนั้นประสานมือคารวะตัวแทนจากตระกูลทั้งสามและหันมาพยักหน้าให้'เย่ว์หยาง'

“ซานเอ๋อ!  ข้าเข้าใจในความกระหายใคร่รู้ของเจ้า  แต่ทุกอย่างที่เจ้าปรารถนาจะเติมเต็ม เจ้าจะต้องปกป้องความภูมิใจ และมีความอดทนในการฝึก  อีกทั้งยังหมายความว่าเจ้าไม่ควรรีบเร่งจนเกินควร  ก่อนอื่นเจ้าควรฝึกพื้นฐานก่อน และทำความเข้าใจให้เต็มที่เพื่อให้มีรากฐานที่แข็งแกร่ง นี่คือวิธีเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่แท้จริง  พอเห็นเจ้าเต็มไปด้วยความกล้าหาญทะเยอทะยานข้าก็พลอยสุขใจไปกับเจ้าด้วย  ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกับได้เห็นน้องสามปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าข้าอีกครั้ง  ลุงรองของเจ้ากับข้าจะพยายามช่วยสนับสนุนเจ้าอย่างดีที่สุดและเราจะช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งเต็มที่เหมือนกับน้องสามทีเดียว  แม้ว่าจะยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ว่าในเวลาใดเวลาหนึ่ง ไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ถ้าเจ้าพบเรื่องลำบากอะไรขึ้นมา  เจ้ามาหาลุงรองหรือข้าก็ได้  แม้ต้องทุ่มให้ทุกอย่างเราก็จะช่วยเจ้า  แค่บอกสิ่งที่เจ้าต้องการออกมาทั้งหมด ไม่ต้องกั๊กเอาไว้”

*กราวววว....*

พอได้ยินคำพูดที่จริงใจเหล่านี้  บรรดาผู้ชมทั้งหลายอดใจไม่ได้จึงปรบมือให้'เย่ว์ซาน' ลุงผู้แสนจะห่วงใยหลานชาย

“……”

'เย่ว์ปิง'ได้แต่นิ่งเงียบ

นอกจากนี้ คนภายนอกเหล่านั้นไม่รู้เรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตระกูลเย่ว์  ใครจะรู้กันว่าจิตใจของคนผู้นี้ มีพิษเช่นเดียวกับพิษงู? พอเห็นเขาชิงเป็นฝ่ายมีเปรียบด้วยการกระทำที่หลอกลวงเช่นนั้น นางแทบอยากจะอาเจียนออกมา  เขาได้ยกความเจ้าเล่ห์ขึ้นไปอีกระดับ

แน่นอนว่า ความจริงแล้ว'เย่ว์ซาน'ก็อยากรับคำท้าของ'เย่ว์หยาง'อยู่เหมือนกัน  เขาต้องการฆ่าเจ้าเด็กบ้า'เย่ว์หยาง'ทันที 'เย่ว์ซาน'เองไม่ปรารถนาจะให้'เย่ว์ชิว'คนที่สองปรากฏตัว  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาเห็นว่าเจ้าเด็กผู้นี้แตกต่างจากบิดาของเขาอย่างสิ้นเชิง

เขาหยิ่งจนน่าหมั่นไส้แถมยังฉลาดเป็นกรดอีก  มันสร้างความลำบากให้เขายิ่งกว่าพูดตรงไปตรงมาและ เขาห้าวหาญเหมือนอย่าง'เย่ว์ชิว' ถ้าเขาไม่ได้จงใจท้าทายตรงๆ เช่นนี้  เขาคงหาโอกาสลอบฆ่าเจ้าเด็กนี่ก็ได้ ในตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำอย่างนั้น ทุกคนรวมทั้งฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ย'จุนอู๋โหย่ว'และบิดาของเขาจดจำและเข้าใจคำพูดและการกระทำของเขาแล้ว

แม้ว่าเขาฆ่า'เย่ว์หยาง'  ก็เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่จะปกปิดเอาไว้  พวกเขาสามารถคาดได้ว่าเขาเป็นคนที่ฆ่า'เย่ว์หยาง'  ที่สำคัญที่สุดคือพัฒนาการของเจ้าเด็กนี่รวดเร็วมาก  ฝีมือของเขาพัฒนาแบบก้าวกระโดดจากชั่วเวลาไม่นานหลังจากทำสัญญากับคัมภีร์  ดูเหมือนว่าเขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

จากที่เป็นคนใจเสาะ ขี้ขลาดและไร้ประโยชน์เมื่อปีที่ผ่านมา  ถ้าเขาไม่ฆ่า'เย่ว์หยาง'ตอนนี้ บางทีในอนาคตอันใกล้นี้  เขาคงไม่อาจฆ่าเจ้าเด็กนี่ได้ ต่อให้ต้องการทำก็ตาม ตอนนี้เขาจะฆ่า'เย่ว์หยาง'ได้อย่างไร ต่อหน้าผู้คนนับพัน ภายใต้การจับตามองของผู้ชมทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึง'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้ผู้ที่รักอัจฉริยะพอๆ กับชีวิตพระองค์เอง

แม้แต่บิดาของเขาเอง ก็มักจะสงสัยว่าเขาเป็นคนฆ่าน้องสาม ท่านไม่เคยเลิกสงสัยเขาตลอดหลายปีมานี้ 'เย่ว์ไห่'ตามสืบหาพยานหลักฐานอยู่เสมอ  ถ้าเขาฆ่าเจ้าเด็กสวะไร้ประโยชน์ผู้นี้จริงๆ แล้ว อย่างนั้นผลที่คาดไม่ถึงก็จะตามมาจริงๆ  เขาคิดว่าน้องรองของเขาผู้ที่มักหลงใหลสมบัติของตระกูลและสถานะของเขา จะได้รับประโยชน์ในที่สุด

“พี่ใหญ่พูดถูก  หลานซานเอ๋อ,   เราทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าฝีมือของเจ้าก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด และเจ้าก็ห่วงที่จะแสดงฝีมือในตระกูล  อย่างไรก็ดี ที่สำคัญที่สุด  เจ้าฝึกฝนมาเป็นระยะเวลาที่สั้นเกินไป  ถ้าหากพวกเราพลั้งมือทำร้ายเจ้าจนบาดเจ็บหนักจะเกิดอะไรขึ้น? น้องสามและน้องสี่ยังต้องอาศัยเจ้าช่วยสืบทอดชื่อเสียงพวกเขา  แล้วเราจะต่อสู้จริงจังกับเจ้าได้อย่างไร? บนเวที พวกเราควรจะมาเปรียบเทียบทักษะฝีมือแล้วมาพัฒนาร่วมกันต่างหาก  นี่คือกฎที่บรรพบุรุษได้กำหนดไว้ให้เรา  และสิ่งนี้ยังเป็นรากฐานสำหรับตระกูลเราทำให้ก้าวหน้าและผลิตนักรบชั้นยอดออกมา  ถ้าซานเอ๋อต้องการพิสูจน์ความก้าวหน้า  ทำไมเจ้าไม่สู้กับเทียนเอ๋อ, เยี่ยนเอ๋อและถิงเอ๋อเพื่อทดสอบทักษะตนเองเล่า?  ด้วยวิธีนี้เจ้าจะได้ถือโอกาสแสดงความสามารถดีๆ ในการแข่งขันประจำปีใหม่นี้ได้แน่”

ลุงรอง'เย่ว์หลิ่ง'ก็ยังไม่กล้าสู้กับ'เย่ว์หยาง'  กลับจ้อแทนว่าเขาเป็นลุงคนดีที่ยังรักและห่วงหวง'เย่ว์หยาง'หลานชายของเขามากเพียงไหน

*กราวววววว*

เมื่อผู้ชมได้ยินเช่นนั้น  พวกเขาคิดว่าลุงทั้งสองคนนี้ทำหน้าที่ลุงได้เป็นอย่างดี จึงยืนขึ้นปรบมือส่งเสียงเชียร์

“สิ่งที่ท่านทั้งสองพูดมาจริงแท้แน่นอน”

แม้แต่ตัวแทนจากสามตระกูลใหญ่ที่เหลือยังอดยกย่องสรรเสริญพวกเขาไม่ได้ ในความเป็นจริงพวกเขารู้ว่าการชิงดีชิงเด่นภายในตระกูลเย่ว์เป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่มาก  ทว่าพวกเขาทำเป็นเหมือนไม่รู้อะไร อย่างไรก็ตาม  ตระกูลเย่ว์ไม่ใช่เพียงตระกูลเดียวที่มีการชิงดีชิงเด่นภายใน  ในตระกูลอื่นเว้นแต่มีทายาทสืบทอดเพียงคนเดียว ลูกชายจะสู้เพื่อเอาชนะกันหากว่ามีพวกเขาสองคนเป็นทายาท  เป็นแต่เพียงว่าแต่ละตระกูลต่างปกปิดเอาไว้ไม่ยอมพูดถึงมัน

พวกเขาต่างจากตระกูลเย่ว์ที่มีการแข่งขันในระหว่างรุ่นผู้เยาว์ทุกๆ ปี  ความขัดแย้งของพวกเขาอาจมองเห็นได้ชัด  ทุกคนสามารถบอกได้จากสิ่งที่เห็น ถ้าจะเอามาเปรียบเทียบดูแล้ว ความขัดแย้งภายในที่หมกเอาไว้ของแต่ละตระกูลก็เป็นเรื่องต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างพี่น้อง  พวกเขาต่างทำลายกันและกัน บางทีอาจรุนแรงกว่าตระกูลเย่ว์เป็นสิบเท่า

มีอยู่คราวหนึ่ง ท่านผู้รู้กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าทวีปมังกรทะยานไม่มีอัจฉริยะ  เป็นแต่อัจฉริยะเหล่านั้นตายในระหว่างการชิงดีชิงด่นในภายในนั่นเอง คำพูดเหล่านี้คนโดยทั่วไปอาจไม่รู้ แต่บรรดาตระกูลทั้งหลายจะรู้กันทุกคน ผู้มีพรสวรรค์มากที่สุดมักถูกอิจฉาและเกลียดชังมากที่สุด

ความจริง 'เย่ว์หยาง'รู้แล้วว่าลุงใหญ่'เย่ว์ซาน'และลุงรอง'เย่ว์หลิ่ง' 2 คนนี้เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ คงจะไม่ยอมรับคำท้าทายของเขา  เขาแค่ต้องการกระตุ้นพวกเขาอย่างมีเป้าหมายแอบแฝง โดยประกาศความขัดแย้งภายในระหว่างครอบครัวที่สี่กับครอบครัวที่หนึ่งและที่สองให้สาธารณชนทราบ

ที่ผ่านมาเขาสามารถวาดภาพหน้าที่ใจดีของทั้งสองคนได้ แม้ว่าจะเรียกเสียงปรบมือได้จำนวนมาก  แต่คนพวกนั้นอาจนินทาถึงการกระทำที่เจ้าเล่ห์ของ'เย่ว์ซาน'และ'เย่ว์หลิ่ง'อย่างรังเกียจเมื่อพวกเขากลับไปถึงบ้านก็ได้ 'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน'ยังอยู่ในอาการลังเลว่าจะรับคำท้าทายหรือไม่? แค่เผชิญหน้ากับ'เย่ว์ปิง'ที่มีนักรบพฤกษาร้อยปี อสูรทองแดงระดับ 5  เป็นเรื่องลำบากพอแล้ว

ถ้าพวกเขาต้องสู้กับเจ้าบ้าที่เชี่ยวชาญวิทยายุทธ  'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน'ไม่คิดว่า กลุ่มอื่นจะสามารถร่วมกันต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของเขาได้ดีสมบูรณ์  พวกเขารู้สึกว่า เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายคนที่ล้มและเป็นอันตรายต่อตัวเอง

ดังนั้น เกี่ยวกับเรื่องที่เย่ว์ปิงเป็นฝ่ายท้าทาย  สองคนนี้จึงได้แต่นิ่งเงียบ  มีเพียง'เย่ว์ถิง'ผู้มีร่างกายล่ำสัน คิ้วหนา ตาโตใบหน้าดูซื่อสัตย์ตรงไปตรงมากระโดดขึ้นเวลาและโค้งคำนับให้'เย่ว์หยาง'และ'เย่ว์ปิง'

“พี่สาม, น้องเจ็ด, ข้ามีสัตว์อสูรอยู่แค่ตัวเดียว  แต่มันมีความสามารถแตกต่างกันถึง 3 อย่าง ซึ่งก็คือ ฝ่ามือหมียักษ์, หมีร่างศิลา, และพลังหมีพิโรธ ทั้งหมดมีพลังมากมาย ดังนั้นโปรดระวังให้ดี ข้าเกรงว่าจะพลั้งมือทำร้ายพวกท่านบาดเจ็บ”

คำพูดเปิดเผยเหล่านี้จาก'เย่ว์ถิง'

ทำให้'เย่ว์หยาง'รู้สึกได้ถึงบางอย่างในใจของเขา เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่เสมอ ผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'ชราภาพมากแล้ว  แต่ทำไมถึงยังไม่เตรียมตั้งประมุขตระกูลคนต่อไป? แม้ว่า'เย่ว์เทียน'และ'เยี่ยน'จะเป็นอัจฉริยะ แต่ความพฤติภายนอกไม่ค่อยดี  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติผู้นำตระกูลที่ดี  อย่างไรก็ตาม เย่ว์ถิงไม่ใช่อัจฉริยะและสหายผู้น่าสงสารก็เป็นเพียงสวะ  'เย่ว์ปิง'และ'เย่ว์ชวง'ทั้งสองคนก็เป็นหญิงและน้องเก้า'เย่ว์เฟิง'ยังเด็กนัก

อาจเป็นได้ว่าประมุขตระกูลเย่ว์ไม่ได้เตรียมแผนว่าจะให้ผู้ใดเป็นประมุขตระกูล? ตระกูลเย่ว์ไม่เหมือนกับตระกูลคนชั้นสูงอื่นๆ พวกเขามีชื่อเสียงที่รู้จักดีในเรื่อง หุ่นรบ, วิชาทวนและวิชาออกศึกในโลกนี้   เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องมาหลายพันปีแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญพายุมามากเพียงใด ก็ไม่มีใครสามารถทำให้สถานะของตระกูลเย่ว์หวั่นไหวได้

ทุกคนคิดว่า ตระกูลเย่ว์ได้เปรียบที่สุดในการผลิตผู้เยาว์ผู้มีพรสวรรค์ออกมา และว่าพวกเขาเข้าใจถึงวิธีสอนและดูแลผู้นำตระกูลคนต่อไปได้เป็นอย่างดี  กล่าวกันว่าประมุขตระกูลทุกคนจะมีอสูรระดับทองที่เรียกว่า “หมีมาตุภูมิ”  ซึ่งตกทอดมาในแต่ละรุ่น  นี่จะเป็นเครื่องรับรองความสามารถของประมุขตระกูล  มันจะรักษาเสถียรภาพของตระกูลและยับยั้งศัตรูที่มาจากทั่วทิศ

ก่อนหน้านี้ แม้ว่า'เย่ว์ชิว'จะกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงไปทั้งโลก  'เย่ว์ไห่'ก็ยังไม่เลือกเขาเป็นประมุขตระกูลคนถัดไป  ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องแปลกมาก แม้แต่'เย่ว์หยาง'ก็ยังหาเหตุผลไม่เจอ หลังจากนั้นในการสนทนาคราวหนึ่ง  บังเอิญหญิงงามได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ตระกูลเย่ว์ไม่เคยต้องการให้อัจฉริยะมาเป็นประมุขตระกูล

พวกเขาต้องการประมุขตระกูลที่เป็นคนใจดีและเรียบง่าย  ประมุขตระกูลผู้มีความอดทนต่อพี่น้องของตนและครอบครัวที่เป็นญาติชั้นรองๆ บุคคลที่มีสิทธิ์รับเลือกประมุขตระกูลควรเป็นคนแข็งแกร่ง  แต่เขาต้องมีใจอ่อนโยนและใจกว้าง   เขาจะได้ไม่ฆ่าพี่น้องชายหญิงทันทีที่กลายเป็นประมุขตระกูล เหลือเพียงตนเองที่เป็นผู้รับมรดกต่อไป  ผู้นำตระกูลเย่ว์อย่างน้อยต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสทั้ง 12 คน  เขาไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งมาก  แต่ต้องสามารถเป็นผู้นำตระกูลเย่ว์ได้ทั้งหมดให้ก้าวหน้าไปได้

มันเป็นเรื่องดีตราบเท่าที่เขามีความสามารถรักษาความรุ่งเรืองและประเพณีตระกูลเย่ว์ไว้ได้ 'เย่ว์หยาง'มักสงสัยอยู่เสมอ ใครจะเป็นประมุขตระกูลคนต่อไป? หลังจากมีเพียง'เย่ว์ถิง'ขึ้นมาบนเวที 'เย่ว์หยาง'ใช้ทักษะญาณทิพย์ตรวจสอบดู เขามั่นใจถึง 90% ว่าประมุขตระกูลคนต่อไปที่ผู้เฒ่าไห่ได้เลือกไว้แล้วและคอยดูแลอยู่ก็คือน้องห้า 'เย่ว์ถิง' เขาได้ทำสัญญากับสัตว์อสูรไว้แค่ตัวเดียว และอสูรนั้นก็คือหมีใหญ่

นี่แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าเป็นการเตรียมการเพื่อทำสัญญากับอสูรทองอย่างหมีมาตุภูมิ ที่จะตกทอดแก่ประมุขตระกูลในอนาคต  ยิ่งไปกว่านั้น 'เย่ว์ถิง'ถูกส่งตัวเข้าวังตั้งแต่อายุยังน้อยและเป็นองครักษ์ขององค์ชายพระองค์หนึ่ง  ด้วยวิธีแบบนี้  เขาสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับราชตระกูลขณะที่ฝึกฝีมือตนเองไปด้วย เขายังอยู่ห่างจากความขัดแย้งภายในของตระกูล ทั้งยังอยู่และเติบโตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

'เย่ว์หยาง'ได้รับทราบความจริงอย่างดีแล้ว กลับกลายเป็นว่า'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน'เป็นแค่หมากที่ผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'ใช้วางล่อหลอกความสนใจของสาธารณชน  จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้เลือก'เย่ว์ถิง'ให้เป็นประมุขตระกูลคนต่อไปตั้งแต่แรกแล้ว  ก่อนนี้ เมื่อเขาออกไปนอกตระกูลเป็นเวลา 2-3 เดือน 'เย่ว์หยาง'คาดว่าก็เพื่อฝึก'เย่ว์ถิง'อย่างลับๆ

“อสูรสายเสริมพลัง ชั้นทองแดงระดับ 5 หมีหฤโหดเหรอ?”

'เย่ว์ปิง'ตกใจมากเมื่อนางได้ยินชื่ออสูรของพี่ห้าของนาง

เดิมทีนักรบพฤกษาร้อยปีของนางเป็นอสูรทองแดงระดับ 3 นางพากเพียรฝึกฝนเพื่อยกระดับเป็นอสูรทองแดงระดับ 4 แล้วมันก็ได้ยกระดับเป็นอสูรทองแดงระดับ 5 เพราะพี่สามของนางมอบกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตให้ นางไม่เคยคิดเลยว่าพี่ห้าของนาง 'เย่ว์ถิง'จะสามารถฝึกอสูรของเขาจนเป็นชั้นทองแดงระดับ 5 ได้ ประกายแสงสีแดงเป็นรูปหมีขนาดใหญ่ มันถูก'เย่ว์ถิง'เรียกออกมาและผสานร่างเข้ากับตัวของเขา

และหลังจากคำรามเสียงดังแล้ว  ร่างของ'เย่ว์ถิง'ค่อยเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ร่างเขาขยายใหญ่ขึ้น กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเขาขยายออกจนดูเหมือนเกราะหนังสวมอยู่บนร่างกายของเขา แสดงให้เห็นจำนวนกล้ามเนื้อที่น่าตกใจ  ขนหมีงอกขึ้นบนลำตัวเขาทันทีและมือของเขากลายเป็นอุ้งเท้าหมี  ตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง

 

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=112

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด