ตอนที่ 108 ข้าจะข้ามหัวเจ้า P2
มีเหตุผลก็คืออสูรที่ไม่ได้ทำสัญญาจะนำขึ้นเวทีไม่ได้ โชดดีที่กฎนี้ตั้งขึ้นมาเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา มิฉะนั้น'เย่ว์ปิง'คงต้องพลิกแพลงอีกครั้ง บรรพบุรุษตระกูลเย่ว์กังวลว่าเป็นเรื่องง่ายที่คนจะสูญเสียการควบคุมอสูรที่ไม่ได้ทำสัญญา
เมื่อสมาชิกในตระกูลสู้กันเอง พวกเขาอาจพลั้งมือฆ่าญาติของพวกเขาก็ได้ มันจึงเป็นสิ่งต้องห้าม สำหรับเรื่องนี้ 'เย่ว์หยาง'ได้แต่ยิ้มและรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาต้องการจัดการเด็ดขาด และเขาจะต้องทำด้วยตัวเอง ทำไมจะต้องใช้'ฮุยไท่หลาง'ด้วยเล่า? 'เย่ว์หยาง'เตะ'ฮุยไท่หลาง' ที่ต้องการจะขึ้นเวทีต่อสู้พร้อมกับเขา ให้มันกลับลงไป จากนั้นดึงดาบจันทร์เสี้ยวออกมา 'เย่ว์หยาง'มั่นใจเต็มเปี่ยม พูดไปหาวไปว่า
“น้องเก้า! เจ้าก็รู้ว่าพี่เสี่ยวซานเป็นแค่สวะ ข้าหวังว่าเจ้าจะออมมือให้ข้านะ จะรังแกข้าก็ไม่ว่า แต่อย่างน้อยให้ข้ามีชีวิตรอดไปจากตรงนี้ ตกลงนะ?”
คนนับจำนวนไม่ถ้วนมองมาที่เขาอย่างชิงชัง
พวกเขาอยากจะให้ตาของพวกเขายิงแสงคล้ายเลเซอร์ออกมาฆ่าเจ้าสวะหน้าด้านนี่ได้ในทันที 'เย่ว์เฟิง'มั่นใจว่าเขาคงไม่กล้า แต่ก็สงบใจรวบรวมสมาธิอยู่ภายใน เนื่องจากเขาอยู่ในโล่แสง เขาจึงไม่ต้องกลัวดาบจันทร์เสี้ยวในมือของ'เย่ว์หยาง' เขาใช้มือน้อยๆ กดลงที่คัมภีร์ ใช้เวลารวบรวมสมาธิเพื่ออัญเชิญอยู่นาน หุ่นเสือลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 ก็ถูกเรียกออกมา
แม้ว่าเขาอาจเป็นเด็กอัจฉริยะ แต่เขาฝึกมาในระยะเวลาสั้นเกินไป สำหรับ'เย่ว์เฟิง'ที่เพิ่งจะเรียกหุ่นเสือลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 เกิดขีดจำกัดเขาไปมาก ดูเหมือนพลังของ'เย่ว์เฟิง'แทบจะถูกสูบเหือดแห้ง เขาเหงื่อออกมากและหอบหายใจ กอดคัมภีร์เงินที่ยังลอยอยู่ การอัญเชิญเกินขีดจำกัดทำให้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรง เสียงปรบมือดังสนั่นจากกลุ่มคนดู อายุเพียง 7 ขวบก็ยังสามารถอัญเชิญหุ่นเสือลายทอง
อสูรทองแดงระดับ 3 ออกมาได้ ช่างน่าอัศจรรย์เหลือจะกล่าว ไม่ใช่แค่เฉพาะประชาชนทั่วไป แม้แต่'จุนอู๋โหย่ว'และตัวแทนจากครอบครัวชั้นสูงต่างก็ปรบมือชื่นชม บิดาของ'เย่ว์เฟิง' หัวหน้าครอบครัวที่สอง 'เย่ว์หลิง'มีความสุขมาก เขาแค่ขาดป้ายหนังสือแปะไว้ที่หน้าผากระบุไว้ว่า “ข้าคือบิดาของอัจฉริยะผู้นี้”
คนที่ล้อมรอบเขาต่างก็ยืนขึ้นและแสดงความยินดีและประจบเขาไม่หยุด ขณะที่สามตัวแทนจากนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ นอกจากมีผู้อาวุโสนักสู้ระดับ 6 ผู้หลับตาตั้งแต่เริ่มและอยู่ในอาการสงบมาโดยตลอด อีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างเป็นบุรุษวัยกลางคน เขาเป็นนักสู้ระดับ 5 นั่งยิ้มเต็มใบหน้าของพวกเขา พวกเขาจับมือกับคนรอบตัวพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญ ทั้งสองคนนี้พูดอย่างถ่อมตัวว่า
“เสี่ยวจิ่วฝึกฝนมาอย่างหนัก แต่เขาก็ยังฝึกสั้นเกินไปนิด ดังนั้นจึงได้แค่ทำสัญญากับหุ่นเสือลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 เขายังคงมีความสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต แผนของเราคือจะให้เขาได้ทำสัญญากับอสูรชั้นเงินให้ได้ในปีต่อไป จากนั้นก็ทำสัญญากับอสูรทองภายในห้าปี เราชาวนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ จะดูแลเสี่ยวจิ่วเป็นอย่างดี”
“หวา..ได้ยินอย่างนี้แล้ว ยังมีอสูรชั้นเงินและทองรอให้คุณชายเก้าได้ทำสัญญาด้วย”
“เป็นไปตามที่คาดเลย นิกายภูเขาหมอกแดนใต้ของสี่นิกายใหญ่”
“ทุบไอ้สวะนั่นให้ตายซะ”
“ไปเลยพยัคฆ์ศึก กัดไอ้สวะนั่นให้ตาย!”
“ไม่มีหมาป่าปีศาจ 2 หัวไอ้สวะนั่นตายแน่ๆ กัดมันเลย ทำให้มันกลัวให้ได้”
'เย่ว์ปิง'โกรธและหดหู่มากที่ได้ยินคำพูดแบบนั้น
นางรู้สึกว่าตระกูลลำเอียงมากเกินไป พวกเขาให้หุ่นหนูระดับ 1 5 ตัวแก่พี่ชายนาง แต่กลับให้เสือลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 แก่เสี่ยวจิ่ว นี่มันมากเกินไปแล้ว นางไม่เชื่อจริงๆ ว่าเป็นอสูรที่บิดานางจับสลากได้มา แน่นอนว่าเป็นการจงใจของลุงใหญ่และลุงรอง ความจริงทางตระกูลครอบครองอสูรหุ่นเป็นจำนวนมาก
แม้ว่าพวกเขาจะจับแบบสุ่มๆ ก็ยังได้หุ่นวัวเหล็กระดับ 2 ด้วยซ้ำ ก็ยังไม่ถึงกับทำให้คนอื่นผิดหวัง แต่..พวกเขาไม่ใช่ให้มาแค่เพียงหนึ่งตัว กลับให้หุ่นหนูระดับ 1 มาถึง 5 ตัว นางเคยเห็นคนถูกรังแกมาก่อน แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดนี้ ถ้าพี่ชายของนางไม่เก่งขนาดนี้ คนที่น่ารังเกียจพวกนี้คงจะแอบยิ้มลับหลังก็ได้ ต่อหน้าเสือศึกลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 เย่ว์หยางแกล้งแสดงสีหน้าว่ากลัวจัด
เขาชูดาบจันทร์เสี้ยวขึ้นสูง ด้วยความเร็วปานสายฟ้า มีแสงแว่บอยู่ในอากาศ ขณะที่ประกายแสงยังคงส่องกระทบตาของผู้ชม เสือศึกลายทองชั้นทองแดงระดับ 3 ส่งเสียงครางและโดน'เย่ว์หยาง'จัดการจนกระเด็นไปในอากาศสูงถึง 10 เมตร มันร่วงลงเวทีต่อสู้อย่างแรงมีประกายไฟขนาดใหญ่พุ่งออกจากปากของมัน เสียงของแตกหักดังอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกดูเหมือนมันยังลุกขึ้นมาได้อีก แต่ว่ามันเดินเซไปเซมาเหมือนกับคนเมา
“เสือศึกลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 มันสุดยอดจริงๆ เล่นเอาซะข้ากลัวจนขวัญกระเจิงเลยนะ”
'เย่ว์หยาง'ตะโกนพลางเตะหุ่นเสือที่กำลังเดินโซเซไปมา และแล้วหุ่นเสือก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังสนั่น มันหัวทิ่มลงกับพื้น
ภายในหัวของมันมีเสียงระเบิดดังกึกก้อง ตาของมันที่่ส่องแสงสีแดงเรื่อก็ค่อยๆ หรี่ลงและดับไปในที่สุด ทุกคนต่างก็งุนงงและไม่เชื่อเรื่องอย่างนี้ เสือศึกลายทอง ชั้นทองแดงระดับ 3 จะพบจุดจบในลักษณะนี้หรือ? 'เย่ว์หยาง'เดินมาหา'เย่ว์เฟิง'ช้าๆ พร้อมกับกระชับดาบจันทร์เสี้ยวในมือ เขาเดินเข้ามาหา'เย่ว์เฟิง'ที่สูญเสียโล่แสงไปแล้ว เขายิ้มเหมือนกับไม่มีพิษมีภัย
“เสี่ยวจิ่ว! พี่เสี่ยวซานเป็นเหมือนสวะนะ รังแกกันนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่เป็นไร ถ้าเจ้ารังแกข้ามาก เดี๋ยวข้าร้องไห้นะ รู้ไหม?”
ขณะที่เขาพูด 'เย่ว์เฟิง'เริ่มเบะปาก น้ำตาเริ่มไหลออกเป็นทาง ฝูงชนมองดู'เย่ว์หยาง'อย่างโกรธแค้น พวกเขาอยากโดดลงมาที่เวทีมาฆ่าไอ้สวะจอมเพี้ยนน่ารังเกียจนี่ซะ 'เย่ว์หลิง' บิดาของ'เย่ว์เฟิง'กำหมัดตัวเองแน่น ความโกรธในดวงตาเขาบ่งบอกว่าต้องการจะเผาผลาญ'เย่ว์หยาง'ให้เป็นจุล
อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์ปิง'ตื่นเต้นมาก นางไม่สามารถลืมได้ว่าเมื่อปีที่แล้วเวลานี้ เด็กในครอบครัวที่หนึ่งและครอบครัวที่สอง ร่วมมือกันรังแกพี่ชายของนาง ความทรงจำเหล่านี้ยังคงแจ่มชัดอยู่ในหัวของนาง 'เย่ว์เฟิง'ไม่ใช่เหรอที่โยนประทัดใส่ตัวพี่สาม?
ถ้าเขาไม่ได้รับบทเรียนเสียบ้าง เขาก็จะไม่รู้ว่าโลกกว้างใหญ่เพียงใด และไม่รู้วิธีให้เกียรติคนอื่น แล้วเป็นไงถ้าเขาได้พบคนที่ทำให้เขาได้รับคัมภีร์เงิน? ความแข็งแกร่งที่แท้จริงไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะทำงานอย่างหนักและการฝึกฝนจะสามารถเดินไปตามเส้นทางที่แท้จริงจนสามารถไต่ระดับไปจนถึงเป็นนักสู้ระดับสูงได้
“แง้....นี่เป็นไปไม่ได้ อสูรของข้า เสือศึกลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 เจ้าเอาชนะมันได้ยังไง โดยไม่ได้เรียกอสูรออกมา? หุ่นก็กระจอก วิทยายุทธไม่มีทางเอาชนะเสือศึกลายทองได้..”
'เย่ว์เฟิง'ทำท่าเหมือนเด็กเหลือขอที่รู้สำนึกผิด และเริ่มตะโกนถามคำถาม'เย่ว์หยาง'
“มันเหมือนกับดาบผ่าปฐพีนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ เป็นแค่พลิกแพลงใช้ พี่ไห่ ฝีมือเสี่ยวซานไม่เบาเลยนะ เขามีเสน่ห์บางอย่างที่สืบทอดมาจากบิดาของเขา”
'จุนอู๋โหย่ว'ยิ้มขณะที่เห็นภาพนี้ ในฐานะฮ่องเต้อาณาจักรต้าเซี่ย พระองค์เป็นฮ่องเต้ที่คิดว่ามีฝีมือระดับสูง ภายในทวีปมังกรทะยาน มีหลายคนที่สบประมาทพระองค์ บอกว่าพระองค์เป็นฮ่องเต้ที่เขลา ถ้าไม่ใช่เพราะพระองค์เป็นนักสู้ระดับ 7 กับมีพลังที่น่ากลัว พวกเจ้าเมืองหัวเมืองต่างๆ คงก่อกบฎไปแล้ว
“หลานคนนี้อดทนอยู่เงียบๆ ไม่ยอมเปิดเผยความลับมาหลายปี ข้าก็ยังเข้าใจเขาผิดไปเหมือนกัน”
ผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'ผงกศีรษะอย่างเงียบๆ
“…”
ผู้แทนจากสี่ตระกูลใหญ่ได้เห็นฝีมือของ'เย่ว์หยาง'แล้ว ถึงกับหน้าซีดลงเล็กน้อย พวกเขาไม่หวังให้'เย่ว์ชิว'ปรากฏตัวเป็นครั้งที่สอง คุณชายสามผู้เป็นสวะที่สุดในแผ่นดินมังกรทะยาน ในวันนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าเขาได้รับสืบทอดวิชาของบิดาเขา 'เย่ว์ชิว' และมันก็ปรากฏในตัวเขาในตอนนี้แล้ว 'เสวี่ยทันหลาง'ขมวดคิ้วขณะที่เห็นเหตุนี้ เขาไม่แปลกใจว่า'เย่ว์หยาง'ครอบครองพลังอย่างนั้น ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อพวกเขาเข้าไปในแดนปีศาจ
คุณชายสามผู้สวะผู้นี้สามารถกลับมาพร้อมกับกลุ่มสวะของเขาโดยปลอดภัยหลังจากสู้กับขุนปีศาจ อย่างไรก็ตาม เขายังรู้สึกว่า'เย่ว์หยาง'ไม่ใช่คนที่แค่ครอบครองพลังง่ายๆ อย่างนั้นแน่ นักสู้ที่มีแต่วิทยายุทธยากที่จะฆ่าขุนพลปีศาจได้ ขุนพลปีศาจหลายตนจะถูกฆ่าโดยสัตว์อสูร ตัวอย่างเช่นขุนพลแห่งความตายและขุนพลเมฆปีศาจไม่มีรูปแบบชัดเจน ไม่ว่าจะมีวิทยายุทธดีอย่างไรก็ตามก็ไร้ประโยชน์เมื่อเอามาใช้กับพวกมัน
คุณชายสามผู้นี้ครอบครองสัตว์อสูรแน่นอน เขาแค่ยังไม่ได้แสดงมันออกมา 'เสวี่ยทันหลาง'รู้สึกตื่นเต้นและคาดหมายอยู่เต็มหัวใจ ความแข็งแกร่งที่เจ้านี่ปกปิดเอาไว้จะมีมากขนาดไหน? เขาต้องการเห็นให้ชัดก่อนที่จะสู้เสี่ยงตายกัน 'เย่ว์หยาง'ไม่ใส่ใจว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไร เขาขึ้นมาบนเวทีเพื่อประกาศศักดาและกอบกู้ศักดิ์ศรีของสหายผู้น่าสงสารและแม่สี่กลับคืนมา เขาจะเล่นบทคนเกเรและจะไม่สุภาพกับเย่ว์เฟิงอีกแล้ว จึงยิ้มแล้วพูดว่า
“เสี่ยวจิ่ว! แม่เรียกกลับไปกินนมแน่ะ ไป...”
เขาเตะอัจฉริยะ'เย่ว์เฟิง'ต่อหน้าต่อตาทุกคนจนปลิว การลงมือที่เกินเลยครั้งนี้ของ'เย่ว์หยาง'ทำให้ยอดฝีมือของนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ 2 คนโกรธแค้น พวกเขาเคลื่อนไหวทันที คนหนึ่งเข้าไปรับ'เย่ว์เฟิง'ที่ถูกเตะจนปลิวไว้ อีกคนโดดขึ้นไปบนเวทีร้องด่า'เย่ว์หยาง'
“เจ้าสวะเสี่ยวซาน เจ้ามันบ้าจริงๆ เย่ว์เฟิงเป็นศิษย์คนสำคัญของนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ของเรา เจ้ากล้าทำเรื่องเลวร้ายกับเขาได้อย่างไร?”
ยอดฝีมือผู้นี้ไม่ยอมรับฟังคำอธิบายใดๆ เขาเรียกอสูรของเขาออกมากลางอากาศและผสานร่างกับเขากลายเป็นมนุษย์หมาป่ากรงเล็บยาว กรงเล็บที่ตัดฟ้าและโลกได้ ในที่สุด หมาป่าสวรรค์ก็ได้กระโจนลงแผ่นดิน เขากระโจนเข้าใส่ศีรษะของ'เย่ว์หยาง'
“ดาบที่สอง ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย”
'เย่ว์หยาง'ซัดดาบจันทร์เสี้ยวใส่ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าในลักษณะหมุนวน
จากนั้นเขาชักดาบวิเศษฮุยจินออกมาจากสะเอว บรรจุปราณก่อกำเนิดไว้ แสงสีทองปรากฏออกมาในมือของเขาและยิงใส่ไปที่หน้าอกของยอดฝีมือมนุษย์หมาป่า กรงเล็บของยอดฝีมือมนุษย์หมาป่านั้นใกล้จะถึงศีรษะของ'เย่ว์หยาง'เต็มที
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีโอกาสที่จะเคลื่อนเข้าใกล้แม้แต่นิ้วเดียว เขาร้องออกมาอย่างโหยหวนและกระอักเลือดออกมาขณะที่หงายหลังออกไป ที่สำคัญ พวกเขาเป็นนักสู้ระดับ 5 เมื่อยอดฝีมือมนุษย์หมาป่ากระแทกลงกับพื้น เขารีบกลิ้งตัวออกไปพร้อมกับหลบคมมีดของ'เย่ว์หยาง' แล้วรอความช่วยเหลือจากสหายของเขา
อย่างไรก็ตาม เขาคิดตื้นเกินไป มีเท้าข้างหนึ่งย่ำลงมาจากท้องฟ้าเข้าที่หลังของเขา ทำให้ร่างของเขากระแทกกลับไปบนพื้นเวที 'เย่ว์หยาง'ย่ำลงบนหัวยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าอย่างแรงและจ้องมองเขาด้วยสายตาดุจมัจจุราช
“นิกายภูเขาหมอกแดนใต้เหรอ? นั่นทำให้ข้ากลัวตายเลยสินะ พวกเจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นแค่สวะ และข้ามีความกล้าอยู่เพียงเล็กน้อย ถ้าพวกท่านข่มขู่ข้าอย่างนี้ นั่นขู่ขวัญข้าจนตายเลยไม่ใช่หรือ? เย่ว์ปิง, ดูสิ นักสู้ระดับ 5 เชียวนะนี่ โอว..นักสู้ระดับ 5 เขากล้าเปิดฉากจู่โจมภายใต้สายตาผู้ชม กับสวะผู้นี้หรือ พวกท่านต้องการทุบตีคนให้ตายหรือ?”
”
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=108