ตอนที่แล้วตอนที่ 103 ความก้าวหน้าระหว่างสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 105 จุดเปลี่ยนเพื่อบรรลุขั้นใหม่

ตอนที่ 104 ทฤษฎีที่โจรชอบใช้


เมื่อ'เย่ว์หยาง'ร่ายรำดาบทั้งสองที่กำลังส่องแสงสว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์   สี่ผู้อาวุโสที่มีฝีมือดีที่สุดรีบถอยโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาคือจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์กันทุกคนที่พร้อมจะทิ้งถิ่นหนีไปได้เสมอ สองคนก่อนนั้นที่'เย่ว์หยาง'สยบไว้ไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต พวกเขากลิ้งอยู่บนพื้นเหมือนกับลูกมะระ

อย่างไรก็ตาม คนที่โชคร้ายที่สุดก็คือบุรุษชุดดำที่ยังบุกเข้ามาอย่างโง่ๆ เพื่อเตรียมลอบสังหาร'เย่ว์หยาง'  เขาไม่รู้ตัวว่าผู้อาวุโสอีกสี่คนถอนตัวไปนานแล้ว เขากระชับหอกของเขาไว้แน่นและโถมเข้าหา'เย่ว์หยาง'เต็มกำลัง

ขณะที่เขาตระหนักว่ามีแสงส่องนัยน์ตาเขาจนพร่า มันสายเกินกว่าจะถอนตัวเสียแล้ว  หอกเหล็กในมือของเขาหลุดร่วงกลายเป็นเศษโลหะอย่างเงียบเมื่อมันกระทบกันอย่างรุนแรงจนเกิดแรงระเบิด  เมื่อพระอาทิตย์ดวงแรกไหม้บนตัวเขา  บุรุษชุดดำรู้สึกว่าร่างของเขากำลังละลายจากความร้อนที่รุนแรงของดวงอาทิตย์  เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าแต่แข็งแกร่งกว่า 10 เท่า เขารู้สึกว่าตนเองกำลังถูกทำลายสลายไปในความว่างเปล่าทันที เงาร่างทั้งสองที่ยืนอยู่บนปราสาทกำลังดูพลังดาบคู่ของ'เย่ว์หยาง' หนึ่งในสองนั้นส่ายศีรษะ ขณะพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า

“นี่ไม่ใช่ดาบแรก  ดาบผ่าปฐพี มันเป็นแค่การฟันดาบธรรมดา”

ดูเหมือนเป็นท่าที่เขาทำความเข้าใจด้วยตนเองแล้วถึงนำมาใช้

“อย่างนั้นท่านกำลังบอกว่าเขาเหมือนบิดาของเขา อัจฉริยะผู้สามารถบัญญัติวิชาด้วยตนเองได้หรือ?”

อีกคนถามขึ้น

“เป็นไปได้ว่าคงมีคนสอนเคล็ดวิชาให้เขา”

คนที่สูงอายุตอบด้วยน้ำเสียงแคลงใจ สถานการณ์การต่อสู้เปลี่ยนไป บุรุษชุดดำไม่มีร่องรอยบาดแผลปรากฏให้เห็น แม้แต่ชุดของเขาก็ยังคงดูเรียบร้อย  อย่างไรก็ตาม นัยน์ตาของเขาเบิกโพลง แม้ว่าเขาจะดูผิวเผินว่าเหมือนไม่โดนแตะต้องก็ตาม  แต่เขาถูกสังหารในทันที ส่วน ผู้อาวุโส 4 คนที่เหลืออาการน่าอนาถกว่า มีรอยแผลอยู่บนร่างกายของแต่ละคนไม่มากก็น้อย

แม้ว่าพวกเขาจะมีความเจ้าเล่ห์พอที่จะถอนตัวออกจากสนามต่อสู้เพื่อให้ตัวเองปลอดภัย  แต่วิชาดาบอำมหิตของ'เย่ว์หยาง'ได้ทิ้งรอยแผลไว้และทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาด่างพร้อย ประตูปราสาทที่ปิดแน่น ค่อยๆ เปิด  สะพานชักค่อยๆ ถูกลดลง บุรุษที่ดูเหมือนบัณฑิตคงแก่เรียนอยู่ในชุดขาวราวหิมะเดินออกมาจากด้านในตรงมาหา'เย่ว์หยาง'  เขามีใบหน้าที่ดูอวบอิ่มอย่างดีเป็นผู้ใหญ่และยังดูสุภาพอ่อนโยนอย่างมาก  ยามเผยอยิ้มให้ความรู้สึกอบอุ่นสดชื่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ   เขาพยักหน้าอย่างสุภาพ

“ซานเอ๋อ!  เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย, เมื่อข้าได้ฟังรายงานจากบ่าวรับใช้  ข้ายังไม่เชื่อหูตัวเอง  ข้าประหลาดใจปนยินดีมากกว่า จึงได้แจ้งให้ท่านพ่อทราบถึงการมาถึงของเจ้า  ข้าหวังว่าเขาคงจะได้รับข่าวที่น่ายินดีมีความสุขนี้โดยเร็ว  เขาไม่ได้พบเรื่องน่าทึ่งที่นำความพอใจมาให้เป็นเวลานานแล้ว  เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ  ตอนนี้น้องสาม (บิดาเย่ว์หยาง) มีทายาทที่ประสบความสำเร็จแล้ว”

เมื่อ'เย่ว์หยาง'ได้ยินเขาพูดแล้ว

เขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หวั่นไหวใจ ท่านผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นรักษาการประมุขตระกูลเย่ว์, 'เย่ว์ซาน'  ใบหน้าของเขาดูบริสุทธิ์เกินไป ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังวางแผนผลักภาระทั้งหมดไปให้พ้นจากตัวของเขาเอง ถ้า'เย่ว์หยาง'ไม่รู้มาแต่ต้นว่า'เย่ว์ซาน'เป็นตัวบัดซบจอมเหี้ยมอำมหิต  ที่เก็บซ่อนความปรารถนาร้ายไว้ในใจภายใต้รอยยิ้มสดใสของเขาแล้ว  บางทีเขาอาจเข้าใจผิดหลงเชื่อว่า'เย่ว์ซาน'เป็นลุงที่แสนดีที่ดูแลความเป็นอยู่ของหลานชายของเขาเป็นอย่างดี

พอเห็น'เย่ว์ซาน'แสร้งยิ้มจริงใจให้กับเขา  'เย่ว์หยาง'คิดว่า  แม้แต่รางวัลออสการ์สำหรับนักแสดงชายก็ยังไม่เพียงพอกับความสามารถในการแสดงของเขา น่าทุเรศ เขามีชื่อเสียงคู่ควรแก่การเป็นเจ้าหน้าที่ทางการของอาณาจักรต้าเซี่ยจริงๆ  เขาก็แค่แตกต่างจากคนร้ายธรรมดาในแง่ที่มีภูมิปัญญาเจ้าเล่ห์แบบนักการเมือง แต่อีคิวของเขาโดดเด่นมาก แค่มองดูครั้งเดียว  'เย่ว์หยาง'รู้แล้วว่า'เย่ว์ซาน'ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะรับมือได้ง่ายๆ

เจ้าผู้นี้ไม่ใช่เพียงแค่มีความสามารถที่พิเศษเท่านั้น  แต่ยังเป็นคนอดทนมากอีกด้วย มองจากภายนอก เขาจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่เจียมตัวที่อบรมตัวเองเสมอ ก็เหมือนกับ'เย่ว์ปู้ฉุน'ในโลกนี้มิใช่หรือ? (เย่ว์ปู้ฉุน---งักปุ๊กคุ้ง ฉายากระบี่สุภาพบุรุษจากเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร) เผชิญหน้ากับคนแบบนั้น

ถ้า'เย่ว์หยาง'ต้องการเล่นเกมอย่างฉลาด  เขาควรจะท้าสู้กับเย่ว์ซานเป็นการเฉพาะ ถ้าเรื่องนั่นเกิดขึ้นจริงๆ  บางที'เย่ว์ซาน'คงจะมีความสุขมากที่เขาจะกินรวบให้อิ่มได้เช่นกัน  วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับคนประเภทนี้ก็คือใช้วิธีรุนแรงไปเลย โหดสุดๆ ท้าลุยกันแบบตรงไปตรงมา  'เย่ว์หยาง'ต้องการเอาชนะเขาแบบไม่ปราณี โค่นเขาให้ได้เหยียบหน้าและเย้ยหยันอย่างสะใจ  นั่นคือวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดต่อเย่ว์ซาน

อย่างไรก็ตาม  'เย่ว์หยาง'อยากเอาดาบจันทร์เสี้ยวของเขาฟันใบหน้าเปื้อนยิ้มของ'เย่ว์ซาน'มากเพียงใด  แต่เขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้  ทั้งนี้เป็นเพราะ'เย่ว์ซาน'เป็นคนที่มีความน่ากลัวซ่อนอยู่ในเบื้องหลังรอยยิ้มของเขา  เขายังเป็นนักสู้ระดับ 6 ขั้นกลางอีกด้วย ระดับ 6 ขั้นกลางคู่ต่อสู้ที่เป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่'เย่ว์หยาง'เคยเผชิญมา

“ซานเอ๋อ! เราทุกคนต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน  ถ้าพวกเราทั้งหมดอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี   ความพยายามของพวกเราทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ  วางอาวุธของเจ้าลงเร็วๆ  ถ้ามีความเข้าใจผิดใดๆ  เราสามารถคุยกันและตกลงกันได้  ทุกคนที่อยู่ที่นี่พร้อมจะทำความเข้าใจกันอยู่แล้ว  ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ฟังคำอธิบายของเจ้า  อาเซียน! เจ้าก็ไม่ควรกลัวเช่นกัน  ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่  ข้าจะปกป้องครอบครัวที่สี่ของเจ้าให้ได้รับความปลอดภัย”

นอกเหนือไปจากการให้คำแนะนำเ'ย่ว์หยาง'แล้ว

'เย่ว์ซาน'ยังหันไปน้อมตัวพูดกับหญิงงามที่ยังนั่งอยู่ภายในรถม้า ใครจะเคยคิดว่าคนที่พูดแบบนี้มาตลอดจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนอยู่เบื้องหลังทุกเรื่องที่เกิดขึ้น 'เย่ว์หยาง'คิดกับตัวเขาเองว่า ถ้าไอคิวของตัวเขาต่ำลงอีกนิด  บางทีเขาคงโดนขายเป็นทาสช่วยให้'เย่ว์ซาน'ได้ทำเงินจากการขายเขาออกไปแน่ 'เย่ว์หยาง'รู้สึกว่าถ้าเขาพยายามพูดกับเจ้าบัดซบ'เย่ว์ซาน'ผู้นี้  บางทีเขาอาจถูกเอาเปรียบด้วยสถานะผู้รักษาการประมุขตระกูลก็ได้

ในฐานะที่เขาเป็นผู้เยาว์ สถานะของเขาเสียเปรียบอย่างแน่นอน  มีทางเดียวที่ใช้รับมือก็คือ ทำเป็นบ้าระห่ำและใช้วิธีรุนแรงของเขา ท่านก็เป็นคนเสแสร้งที่ทำเป็นว่าที่ห่วงใยหลานเสียเต็มประดามิใช่หรือ?  ข้าจะช่วยให้ท่านสำเร็จความปรารถนา วิธีที่ชาญฉลาดต้องเอาไว้ใช้จัดการกับคนโง่ ในทางตรงกันข้าม, ใช้วิธีโง่ๆ จัดการกับคนฉลาด บางครั้งก็ใช้ได้ผลเหมือนกัน บุรุษผู้มาจากมิติอื่นทำเต๊ะท่าเลิกคิ้วมองอย่างกล้าหาญ ปรากฏแววเยาะเย้ยที่มุมปากเขาเล็กน้อย ขณะที่เขาพยายามใช้น้ำเสียงที่ฟังดูจริงใจที่สุด

“เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้หลานพบเจอปัญหาในการฝึกวิชาและยากจะทำให้วิชาฝีมือของตนก้าวหน้าได้  ถ้าเป็นไปได้ ผู้หลานอยากให้ลุงใหญ่ช่วยชี้แนะหลานผู้นี้จะได้ไหม?”

เขาไม่ได้ทำเพียงสักแต่ว่าพูด  แต่กลับเกร็งพลังปราณก่อกำเนิดไว้ในดาบจันทร์เสี้ยวไว้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบจาก'เย่ว์ซาน'เลย  ตราบใดที่มีโอกาส ดาบจันทร์เสี้ยวอาจฟันใส่ศีรษะของ'เย่ว์ซาน'ทันที

เขาจะมีแผนใดหรือไม่..ใครจะสนกันเล่า 'เย่ว์หยาง'เยาะเย้ยในใจและรู้ว่าเขาสามารถวางแผนสู้กับบุรุษผู้นี้ได้  นอกจากนี้ก็ยังใช้พลังถึกเถื่อนของเขาได้  อีกทั้งยังใช้เล่ห์เหลี่ยมได้ เขาต้องการดูว่า'เย่ว์ซาน'จะรักษารอยยิ้มบนใบหน้าได้นานแค่ไหน 4 ผู้อาวุโสมีอยู่ 2 คนถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่'เย่ว์หยาง'พูด พวกเขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่พวกเขาได้ยิน

พวกเขามองหน้ากันและกันพลางคิดว่า'เย่ว์หยาง'เสียสติไปแล้ว ในตระกูลเย่ว์   ว่ากันเรื่องความแข็งแกร่ง ประมุขตระกูลเย่ว์ไห่บรรลุจุดสุดยอดของนักสู้ระดับ 6  ขั้นผู้แก่กล้าขั้นสูง เป็นผู้มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด  รองจากเขาก็เป็นผู้อาวุหลัก 3 คนและบุตรชายคนโตของเขา'เย่ว์ซาน'    3 ผู้อาวุโสหลักสูงวัยมากแล้วและไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการของตระกูล

เนื่องจากพวกท่านเพียงแต่มุ่งค้นคว้าฝีมือที่ตกทอดมาจากตระกูล พวกท่านจึงได้รับการยกเว้นจากการจัดอันดับ ดังนั้น ตลอดทั้งตระกูลเย่ว์  ในแง่ผู้มีความแข็งแกร่งรองลงมาอย่างเป็นทางการก็คือบุตรชายคนโต 'เย่ว์ซาน' ผู้เป็นนักสู้ระดับ 6 ผู้แก่กล้าขั้นกลาง ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขามีความแข็งแกร่งระดับนั้น  'เย่ว์ซาน'จะสามารถโน้มน้าวตระกูลทั้งหมดและรับหน้าที่เป็นรักษาการประมุขตระกูลได้อย่างไร?

ตอนนี้ นี่เป็นเรื่องที่แปลก  เจ้าเด็กที่ไม่มีอะไรดี ไม่สามารถจะทำสัญญากับอสูรที่คุณภาพแย่ที่สุด กลับบังอาจท้าทายรักษาการประมุขตระกูลหรือนี่? อาจเป็นได้ว่า'เย่ว์หยาง'คิดว่าระดับ 6 ของ'เย่ว์ซาน' เป็นเพียงข้ออ้างกระมัง? หรืออาจเป็นได้ว่า เขาได้เรียนรู้เคล็ดวิชาบางอย่างจากบิดาของเขา

'เย่ว์หยาง'คิดว่าเขาสามารถโบยบินขึ้นสวรรค์ได้หรือ? แม้แต่'เย่ว์ชิว'ตอนนั้นก็ยังไม่กล้าพูดว่าเขาสามารถเอาชนะพี่ชายอย่าง'เย่ว์ซาน'ได้ง่าย  ป่วยการที่จะพูดถึง'เย่ว์หยาง'ที่เป็นเพียงเด็กจากผู้เยาว์รุ่นหลัง

หลังจากเป็นถึงนักสู้ระดับ 6 แล้วไม่ว่าจะทำสัญญากับอสูรรูปแบบไหน  พลังของนักรบจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่านักสู้ระดับ 5 (ยอดฝีมือ) อย่างน้อย 10 เท่า..บางคนที่อยู่เหนือขอบเขตของนักสู้ระดับ 6  จะมีคุณสมบัติพอเลื่อนระดับได้ในอนาคตอีก เขายังได้รับการยอมรับเป็นทางการจากประเทศ  ในสายตาของนักสู้ที่จะขึ้นสู่จุดสูงสุดในอนาคต จะมองนักสู้ระดับ 6 หรือต่ำกว่าเป็นเหมือนมดที่ไร้พลัง ไม่ใช่แค่ความจริงที่ว่าเจ้าสวะผอมแห้งแรงน้อยอย่างคุณชายสามนี้บังอาจทำร้ายผู้อาวุโสที่เป็นนักสู้ระดับ 5 เท่านั้น  เขายังกล้าท้าทาย'เย่ว์ซาน' ที่เป็นนักสู้ระดับ 6 ด้วยหรือ?

“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของลุงใหญ่ของเจ้าเอง  ข้ามัวแต่วุ่นกับกิจการของอาณาจักรไม่หยุดหย่อน จนปล่อยปละละเลยหลานชายข้า  ซานเอ๋อ! ถ้ามีบางอย่างที่เจ้ายังไม่เข้าใจ  ข้าจะพยายามช่วยเจ้าอย่างดีที่สุด”

แม้ว่า'เย่ว์ซาน'กำลังยิ้ม  'เย่ว์หยาง'สามารถเห็นรังสีอำมหิตที่ปรากฏอยู่ในแววตาเขาวูบหนึ่ง

'เย่ว์ซาน'ไม่ปิดบังตัวเอง เขารู้ดีว่าเจ้าเด็กตัวแสบเ'ย่ว์หยาง'นั้นฉลาด ในหมู่คนฉลาดไม่จำเป็นต้องปิดบังมากเกินไป คำพูดระหว่างคนทั้งสองแค่พูดกลบเกลื่อนให้คนอื่นฟัง ในขณะนี้ ทั้งสองต่างมีความรู้สึกอยากจะฆ่ากันและกัน  มองผิวเผิน เหมือนหลานชายผู้ถ่อมตนกำลังขอคำชี้แนะ

ขณะที่อีกฝ่ายต้องทำตัวเป็นท่านลุงใจดีสอนสั่งหลานชาย ชั่วขณะนั้น เย่ว์หยางรวบรวมพลังไว้ที่ดาบจันทร์เสี้ยว  'เย่ว์ซาน'เรียกคัมภีร์ทองออกมาขณะที่ยังยิ้มเต็มใบหน้า  จากนั้นเขารีบเรียกอสูรชั้นเงินออกมาเพื่อรวมร่างกับเขา และค่อยๆ ดึงดาบยาวที่ผูกติดอยู่ข้างเอวของเขาออกมา  เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดปกติ

“ซานเอ๋อ!  ระวังให้ดีนะ  ดาบไม่มีนัยน์ตา ดังนั้นระวังอย่าทำอะไรเกินตัว  และอย่างพยายามแสดงมากเกินไปจนทำร้ายตัวเองในที่สุด”

“อย่างนั้นข้าก็จะขอแนะนำลุงใหญ่  คนแก่มักหลงๆ ลืมๆ ระมัดระวังไว้เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน”

'เย่ว์หยาง'ร่ายรำดาบจันทร์เสี้ยวและบุกไปข้างหน้า

'เย่ว์หยาง'ฟันด้วยพลังที่สามารถตัดแผ่นดินและฟ้าได้ขาด เป็นพลังที่เขาใช้สังหารบุรุษชุดดำที่เป็นนักสู้ระดับ 4 ขั้นกลาง อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์ซาน'แค่ใช้มือข้างหนึ่งต้านรับพลังกระแทกได้โดยง่าย 'เย่ว์หยาง'ขมวดคิ้ว ขณะที่เขาตระหนักได้ว่าอสูรอัญเชิญของ'เย่ว์ซาน'ค่อนข้างแข็งแกร่ง  ไม่ใช่อสูรสายเสริมพลังธรรมดา  ความเป็นมันเป็นอสูรปลาหมึกรูปแบบพิเศษ  แขนของ'เย่ว์ซาน'เปลี่ยนไปเป็นแขนปลาหมึกที่สามารถต้านรับพลังแข็งแกร่งด้วยความอ่อนหยุ่น

หลุมดูดนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่บนแขนของเขาและมันพุ่งเข้าหาดาบจันทร์เสี้ยวของเขา อีกด้านหนึ่ง ดาบยาวในมือของ'เย่ว์ซาน'แปรเปลี่ยนเป็นเหมือนเงาลูกศรนับพันดอก เงาศรนับไม่ถ้วนพุ่งตรงมาที่ตัวของ'เย่ว์หยาง'  ญาณทิพย์ระดับ 2 ของเย่ว์หยางสามารถเห็นได้ว่าไม่เพียงแต่อสูรปลาหมึกของ'เย่ว์ซาน'สามารถเปลี่ยนแขนของเขาให้เป็นแขนปลาหมึกได้เท่านั้น มันยังถูกประยุกต์ใช้ร่วมกับอาวุธอาบยาพิษของ'เย่ว์ซาน'ด้วย  เขาไม่สามารถหลบหลีกการจู่โจมของ'เย่ว์ซาน'ได้แน่นอน

เพราะถ้าเขาทำเช่นนั้น แม่สี่และเด็กหญิงที่อยู่เบื้องหลังจะตายแน่นอน ถ้าลูกศรถูกปล่อยออกมา เขาเป็นจอมอำมหิต  ความเคลื่อนไหวโจมตีของเขาโหดเหี้ยมและอันตราย “ดาบที่สอง : ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย”  ในตอนแรก 'เย่ว์หยาง'ไม่รู้จักวิชาดาบของ'เย่ว์ชิว'  อย่างไรก็ตาม เพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเขามีปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นก่อกำเนิด  เขาจะหลอกล่อทุกคนให้เข้าใจว่าเป็นวิชาดาบของ'เย่ว์ชิว' เมื่อเขาปล่อยพลังออกไป  เขาพยายามจะเลียนแบบท่าดาบแบบนั้น ประกายตาดุร้ายปรากฏผ่านสีหน้าของ'เย่ว์ซาน'วูบหนึ่ง

“ไม่เลว, แต่พลังอ่อนไปนิด”

ดูเหมือนว่า'เย่ว์ซาน'มีความคิดจะทำลายท่าดาบที่สอง ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายให้ได้  แขนของเขาที่เดิมทีเปลี่ยนรูปเป็นแขนปลาหมึกไปแล้ว ก็รีบเปลี่ยนรูปโดยเร็ว ความมืดปกคลุมตัวเขา  เขาเกือบจะลอบเข้ามาทำร้าย'เย่ว์หยาง'

ทันใดนั้น 'เย่ว์ซาน'ยืดตัวตรง ผ่านไปชั่ววินาที เขากลับมาปรากฏตัวเป็นรูปลักษณ์บัณฑิตคงแก่เรียนเหมือนก่อนหน้านั้น เขาไม่ได้เคลื่อนไหว  ยอมให้'เย่ว์หยาง'ฟันหน้าผากของเขาด้วยดาบวิเศษฮุยจิน อย่างไรก็ตาม เงาร่างสูงใหญ่ปรากฏอยู่ตรงกลางระหว่าง'เย่ว์หยาง'และ'เย่ว์ซาน'

'เย่ว์หยาง'ไม่สนว่าเป็นใคร ขณะที่เขาคาดว่าฝ่ายตรงข้ามตั้งใจใช้พลังจึงสายเกินไปที่จะสลายแรงที่ฟันใส่ร่างนั้น  ร่างนั้นไม่ถอยและไม่ได้หายไป แต่ใช้ร่างที่แข็งแกร่งรับแรงฟันหนักหน่วงจากดาบฮุยจินของ'เย่ว์หยาง' มีเสียงระเบิดดัง

*บึ้ม*

เมื่อร่างนั้นปะทะกับดาบฮุยจิน  ในชั่วเวลาต่อมา'เย่ว์หยาง'ก็ต้องแปลกใจ  ดาบฮุยจินของเขาสะท้อนกลับ ร่างนั้นมีมือข้างหนึ่งที่ดูเหมือนรูปหล่อเหล็ก เขาไม่ได้ขยับจากแรงปะทะเลย และไม่ได้รับความเสียหายจากแรงโจมตีของเขาด้วย

“พลังของเจ้ารุนแรงมากนะ ตอนนี้ข้าชักรู้สึกเจ็บบ้างแล้ว”

ร่างสูงนั้นใช้มือปัดเกราะที่แตกเป็นเสี่ยงออกไป

“อ๋า?”

'เย่ว์หยาง'คิดว่าคนผู้นี้มีพลังมากจริงๆ พลังป้องกันของท่านผู้นี้มีประสิทธิภาพมากจริงๆ มิใช่หรือ? เมื่อเขาสังเกตได้อย่างชัดเจน เขาเห็นชายชราผมขาวโพลนมีแขนและขาอย่างละข้าง  อย่างไรก็ตาม  ปราณของเขารุนแรงเหมือนราชสีห์  เขามีร่างสูงใหญ่เหมือนภูเขา เป็นเพียงคนเดียวที่ยืนเหมือนเกียจคร้านอยู่ต่อหน้าเขา  เขายังให้ความรู้สึกว่าต่อให้มีกองทหารและม้าเป็นพันๆ ก็ไม่สามารถผ่านเขาเข้าไปได้ เย่ว์หยางไม่เคยพบเขา  แต่เขาอกได้ว่าชายชราผู้นี้แค่มองครั้งเดียวก็ทราบแล้วว่าคือประมุขของตระกูลเย่ว์

แน่นอน เขายังเป็นผู้บัญชาการกองทัพจักรวรรดิต้าเซี่ยที่เพิ่งจะเกษียณอีกด้วย  เขาคือปู่ของสหายผู้น่าสงสารและมีฉายาว่าเทพยุทธแขนเดียว 'เย่ว์ไห่' เขามีพลังปราณที่น่ากลัวซึ่งสะสมมาจากประสบการณ์ในสนามรบ  ไม่มีใครสามารถปลอมพลังปราณที่รุนแรงได้ 'เย่ว์หยาง'ตระหนักว่าเทียบกับบุตรชายของเขา'เย่ว์ซาน'  'เย่ว์ไห่'ผู้นี้มีความสามารถมากขนาดที่'เย่ว์หยาง'ไม่สามารถใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 2 ตรวจดูได้

อย่างไรก็ตาม  แม้ด้วยความสามารถที่'เย่ว์หยาง'สามารถมองเห็นด้วยญาณทิพย์ของเขา  ความสามารถเหล่านั้นทำให้หัวใจของ'เย่ว์หยาง'สั่นไหวตื่นตัวทันที ปู่ของสหายผู้น่าสงสาร ผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'นี้ มีจ้าวอสูรทองที่แข็งแกร่งอยู่ในคลังอาวุธของเขา มันเป็นอสูรพิทักษ์สายเสริมพลังที่รวมร่างกับชายชรา'เย่ว์ไห่'และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเจ้านายของมัน

อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์หยาง'แน่ใจจริงๆ ว่าจ้าวอสูรทองนี้ไม่ใช่อสูรผู้พิทักษ์ นั่นเป็นเพราะอสูรผู้พิทักษ์จะไม่มีทางตาย และมันมักรักษาตัวกลับคืนสู่สภาพเดิมเมื่อมันบาดเจ็บ  อย่างไรก็ตาม  เจ้าอสูรทองในตัวของชายชรา'เย่ว์ไห่' แข็งแกร่งไม่มีอะไรเทียบ แต่มันเหมือนเจ้านาย คือไม่สามารถใช้แขนและขาอย่างละข้าง สำหรับประเภทของมัน 'เย่ว์หยาง'ไม่สามารถมองเห็นได้รวดเดียว  อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าคงเป็นหมีจ้าวภูผา อสูรในตำนาน ไม่ใช่แค่ว่าผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'จะเป็นนักสู้ระดับ 6 ขั้นสูงเท่านั้น

แต่เขายังมีประสบการณ์ในการรบ  รังสีฆ่าฟันของเขาแหลมคมเหมือนดาบ  เขาแข็งแกร่งอย่างที่ร่ำลือแน่นอน แม้ว่า'เย่ว์ซาน'จะเป็นนักสู้ระดับ 6 ขั้นกลาง  เขาก็เป็นเหมือนเด็กหนุ่มเมื่อเทียบกับนักรบอย่าง'เย่ว์ไห่'  ความแตกต่างไม่ใช่เพียงเล็กน้อย  แต่ใหญ่หลวงมากๆ เมื่อ'เย่ว์หยาง'มองดูชายชรา'เย่ว์ไห่'   เขารู้สึกเหมือนตอนเผชิญหน้ากับไคเมรา 3 หัวในวิหารราศีเมษ  เขาถูกความโกรธแผดเผา  จนรู้สึกกระตือรือร้นหวังจะได้ต่อสู้กับนักสู้ที่แข็งแกร่งระดับนี้ด้วยพลังทั้งหมดของเขา

อย่างไรก็ตาม ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่สามารถใช้พลังทั้งมวลของเขาได้  'เย่ว์หยาง'ไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าจะเอาชนะเขาได้ ถ้าเขาไม่ใช่ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นก่อกำเนิด 'เสี่ยวเหวินหลี', และอสูรทองน้อย และใช้แค่'ฮุยไท่หลาง'กับ'โคเงา'  เขาคงไม่สามารถเอาชนะผู้อาวุโส'เย่ว์ไห่'ได้

เขาเกรงว่าแม้แต่นางพญากระหายเลือดก็ยังไม่พอที่จะเผชิญหน้ากับ'เย่ว์ไห่' ในที่สุดแล้ว 'เย่ว์ไห่'ก็คือนักสู้ที่แข็งแกร่งที่ฝึกฝีมือมาหลายสิบปีแล้ว เกือบจะร้อยปีด้วยซ้ำ ทักษะและฝีมือของเขาทรงพลังมากแน่นอน 'เย่ว์หยาง'ค่อยถอนหายใจช้าๆ

แม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดซึ่งเป็นระดับที่เหนือกว่าชายชรา'เย่ว์ไห่'  แต่ช่วงเวลาที่เขาฝึกฝีมือมายังสั้นเกินไป  ยังไม่ถึงครึ่งปีตั้งแต่เขาเดินทางมาโลกนี้  ถ้าเขาสามารถฝึกเพิ่มได้อีก 2-3 เดือน แน่นอนว่า แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน'เย่ว์หยาง'คิดว่าเขาก็คงไม่พ่ายแพ้ชายชรา'เย่ว์ไห่'เป็นแน่ ทั้งนี้เป็นเพราะผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'มีความแข็งแกร่งด้วยทักษะและวิชาต่อสู้  ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นก่อกำเนิดเป็นวิชาที่แข็งแกร่งทวนตระกูลเย่ว์ถึง 100 เท่า

“พวกเจ้าก่อเรื่องไร้สาระอะไรกัน? คนในครอบครัวมารวมตัวกันที่หน้าบ้านและสู้กันจนถึงขั้นนี้  พวกเจ้ายังจะสร้างปัญหาอะไรต่อไปอีก?”

ผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'ตวาดลั่นด้วยซุ่มเสียงกล้าแข็งเหมือนทั้งกองทัพ  เขาเป็นคนมีเสน่ห์มาก มีรูปร่างสูงใหญ่  มองกวาดไปทั้งสนามรบพูดจากโผงผาง

“ข้าไม่รู้ว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้น  และก่อนที่ข้าจะเข้าใจสถานการณ์เต็มที่ กลับไม่มีใครบอก ข้าจะไม่อดทนฟังเรื่องทะเลาะกันของพวกเจ้า  ข้าคิดเองเสมอมาว่าสมาชิกตระกูลเย่ว์ใจเย็นและมีเหตุผล  แม้ว่าพวกเจ้าไม่ต้องการใช้เหตุผล  ข้าก็คิดว่าพวกเจ้าจะไม่หันไปใช้ความรุนแรง ไม่ว่าพวกเจ้าจะเถียงหรือต่อสู้กันก็ตาม  จะมีการคุยกันให้ชัดเจนอีกครั้งระหว่างการแข่งในปีใหม่  ตอนนี้ กลับไปบ้านของพวกเจ้าทันที  ไม่ต้องอยู่ที่นี่ และอย่าทำให้ขายหน้าจนกลายเป็นเรื่องตลกของสาธารณชน”

“…”

'เย่ว์หยาง'เหงื่อตกเมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่านสามารถพูดออกมาได้ถ้าท่านมีข้อโต้แย้ง  และท่านสามารถต่อสู้ได้ถ้าท่านไม่ต้องการหารือเกี่ยวกับข้อโต้แย้งของท่านหรือ? โธ่..นี่มันทฤษฎีโจรแบบไหนกันแน่?   นี่เป็นที่ของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่, ตระกูลเย่ว์, ปราสาทตระกูลเย่ว์หรือรังโจรกันแน่? แต่ละคนไม่พัฒนากว่าที่อื่นได้ยังไง? ชายชรา'เย่ว์ไห่'ยังไร้เหตุผลมากว่าเขาร้อยเท่าหรือนี่?  เฒ่าผู้นี้เป็นผู้บัญชาการกองทัพอาณาจักรจริงหรือ? เขาแทบไม่อาจรอจนฉลองปีใหม่ในตระกูล ที่เขาจะถกเหตุผลได้ด้วยหมัดของเขาจริงๆ ขณะที่ชายหนุ่มที่มาจากมิติอื่นคิดถึงเรื่องนี้  เขาถึงกับยิ้ม คุยกันด้วยหมัด นี่เป็นเรื่องที่เขาถนัดมากไม่ใช่หรือ?

 

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=104

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด