ตอนที่ 93 ยกระดับนักรบพฤกษา
เมื่อ'เย่ว์หยาง'วิ่งไปถึต้นโอ๊คหมื่นปี เขาพบว่า'อี้หนาน'กับ'เย่ว์ปิง'กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่แน่ใจว่าพวกนางคุยกันเรื่องอะไร แต่เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วไพเราะเหมือนระฆังเงิน 'ฮุยไท่หลาง'ตอบสนองได้ไวที่สุด
ทันทีที่มันเห็น'เย่ว์หยาง'ปรากฏตัว มันกระดิกหางแสดงความภักดีทันทีจากนั้นก็วิ่งเข้ามาต้อนรับเขา มันกระดิกหางอย่างมีชีวิตชีวาขณะที่ตามพันแข้งพันขาเขาไม่หยุด พอ'เย่ว์หยาง'เตะมัน 1 ที 'ฮุยไท่หลาง'รู้สึกมีความสุขมาก มันหงายท้องแสดงความพอใจและยินดี คงเป็นเพราะปราณปีศาจในตัวมันกำเริบจนทำให้มันอึดอัดนิดหน่อย
'เย่ว์หยาง'เตะมันได้ถูกเวลา มันจึงรู้สึกสบายอารมณ์ พอเห็นว่า'เย่ว์หยาง'กลับมา 'อี้หนาน'และ'เย่ว์ปิง'ยิ่งดีใจกันใหญ่ 'เย่ว์ปิง'วิ่งเข้ามาหา'เย่ว์หยาง'อย่างปรีดา เหมือนกับว่านางอยากโผเข้าไปกอด'เย่ว์หยาง'ด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตามนางตระหนักว่า ทำอย่างนั้นอาจดูไม่งาม ดังนั้นดรุณีน้อยจึงชะลอฝีเท้าลง เมื่อ'เย่ว์หยาง'ยื่นมือออกมาลูบศีรษะนางและมอบกล่องปักที่เก็บกิ่งพฤกษาแห่งชีวิตให้กับนาง 'เย่ว์ปิง'มิอาจหักห้ามใจอีกต่อไปถึงกับกอดพี่ชายของนางไว้แน่น หลั่งน้ำตาเป็นสายยาว นางหวังอย่างยิ่งที่จะได้พี่ชายที่แข็งแกร่งและจิตใจอบอุ่นสามารถปกป้องนางได้ แต่ความปรารถนาของนางก็ไม่เคยเป็นจริง
จนกระทั่งนางได้เห็นพี่ชายอีกครั้งที่หอทงเทียน เมื่อนั้นนางถึงตระหนักได้ว่าเขากลายเป็นเสาหลักของครอบครัวโดยที่นางไม่รู้ตัว ความรู้สึกที่มีพี่ชายที่แสนดีตามดูแลช่างดีจริงๆ 'อี้หนาน'เดินเข้ามาปลอบนางอยู่ 2-3 คำ
'เย่ว์ปิง'มีนิสัยเข้มแข็ง นางเช็ดน้ำตาทันทีแล้วมอง'เย่ว์หยาง'ทั้งน้ำตาคลอเบ้า ตอนนี้'เย่ว์ปิง'ไม่ได้ใส่ผ้าคลุมหน้าต่อหน้า'เย่ว์หยาง'ต่อไป นางรู้ว่าพี่ชายนางไม่เคยเสแสร้งกับนาง แม้ว่าชะตานางจะอาภัพ ต้องกลายเป็นม่ายก่อนแต่ง แต่นางก็ยังเป็นน้องสาวที่เขาจะรักและปกป้อง เทียบกับ'เย่ว์ปิง'แล้ว 'อี้หนาน'ให้ความสนใจนางพญากระหายเลือดที่สวมชุดเกราะเงินติดตามอยู่ข้างหลัง'เย่ว์หยาง'มากกว่า
ตอนแรก นางอึดอัดเล็กน้อยจนถึงกับไม่ต้องการต้อนรับเขา แม้ว่านางจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาแต่อย่างใด นางก็ยังคันหัวใจยากจะอธิบาย ถ้าไม่ใช่เพราะ'เย่ว์ปิง'อยู่ที่นี่ นางคงได้ระบายอารมณ์กับเขาและเดินจากไปด้วยความขุ่นเคือง
จากนั้นหาที่ๆ ไม่มีใครเห็นแอบร้องไห้ระบายความอัดอั้นใจ นางอุตส่าห์รอเขาอยู่ที่นี่ แต่เขากลับพาผู้หญิงอื่นกลับมาแทน ... แต่เมื่อนางมองดูอย่างถนัดตา นางตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง นางจึงมองใกล้ๆ สังเกตนางพญากระหายเลือดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ขณะที่นางปลอบโยน'เย่ว์ปิง'ไปด้วย ตอนนั้นเองนางถึงได้เห็นเครื่องหมายพันธสัญญาบนหน้าผากของนาง..
“เจ้า..เจ้า..เจ้า..เอ่? เจ้าเป็นอสูรร่างมนุษย์หรือ?”
'อี้หนาน'ไม่เคยเห็นอสูรร่างมนุษย์มาก่อน
แต่นางไม่เคยเห็นอสูรที่หุ่นดีเจ้าเสน่ห์อย่างนางพญากระหายเลือดมาก่อน “อสูรทองร่างมนุษย์” เมื่อ'เย่ว์ปิง'เห็นนาง นางรู้สึกเหมือนกับจะเป็นลม
“เจ้าไปเก็บนางมาจากไหน?”
'อี้หนาน'รู้ว่าไม่มีร้านขายอสูรทองในชั้นนี้ เขาไปเก็บอสูรทองร่างมนุษย์หุ่นดีและเจ้าเสน่ห์มาจากไหน?
“ความจริง เรื่องเกิดขึ้นวันนี้ เจ้าเมืองโล่วฮัวต้องการโจรมาช่วยสอดแนม นางพบข้ากลางทางพอดี นางก็เลยจ้างข้าและพาข้าไปชั้นที่สามของหอทงเทียน เพราะนางต้องการไปที่ตำหนักบนเกาะลอยฟ้าเพื่อหาบุปผาปีศาจ โชคไม่ดีที่เราพบกับแม่ทัพปีศาจหม่าเหลียงกำลังนำขุนพลปีศาจมาฆ่านางพญากระหายเลือด ตอนนั้นนางพญากระหายเลือดเกือบจะตายอยู่แล้ว ดังนั้นพอนางเห็นข้าเข้ามาใกล้ๆ นางจึงเสนอขอทำสัญญากับข้าทันที จากนั้นข้าก็กลับมาที่นี่” เย่ว์หยางเล่าเรื่องย่อที่เกิดขึ้นจริงๆ ให้พวกนางฟัง “นางพญากระหายเลือดเหรอ?”
'เย่ว์ปิง'ตื่นเต้นมากจนแทบกระโดดตัวลอย อย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่อสูรทองธรรมดา แต่เป็นจ้าวอสูรทองสินะ?
“ชั้นสามเหรอ? แม่ทัพปีศาจพาขุนพลปีศาจมาไม่กี่คนหรือ?”
'อี้หนาน'ชักจะหวาดหวั่นเมื่อได้ยินแบบนี้
“นอกจากนี้ ดูเหมือนจะมีปีศาจมากกว่าร้อยตน แต่พวกมันถูกเจ้าเมืองโล่วฮัวฆ่าทันที”
'เย่ว์หยาง'พยายามอย่างหนักที่จะยกความดีความชอบให้เจ้าเมือง'โล่วฮัว'
“ตอนนี้เจ้าเมืองโล่วฮัวอยู่ไหนแล้ว?”
'อี้หนาน'ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ถาม
“หลังจากได้บุปผาปีศาจที่ต้องการแล้ว นางกลับบ้านไปปลูกดอกไม้”
'เย่ว์หยาง'พูดเป็นนัยๆ ว่าเจ้าเมือง'โล่วฮัว'กับเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าผ่านมาพบกันเท่านั้น ไม่ได้สนิทอะไรกันนัก
“งั้น แม่ทัพปีศาจที่ชื่อหม่าอะไรนี่แหละ อยู่ที่ไหน?”
'อี้หนาน'สงสัย
เขากลับมาอย่างปลอดภัยโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดหลังจากเจอแม่ทัพปีศาจและขุนพลปีศาจอีกไม่กี่นาย
“หม่าเหลียงบาดเจ็บหนัก เขาหนีไปทันทีที่เห็นข้า”
'เย่ว์หยาง'ยังคงไม่ได้บอกว่า'หม่าเหลียง'บาดเจ็บเพราะดาบวิเศษฮุยจินของเขา และเล่าให้ฟังเฉพาะส่วนที่สำคัญ คำพูดเหล่านี้ทำให้สองสาวเข้าใจผิดว่าหม่าเหลียงได้ต่อสู้กับนางพญากระหายเลือดจนบาดเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย เขาเตลิดหนีไปทันทีที่พบเจ้าเมือง'โล่วฮัว' โดยที่พวกเขาไม่ทันได้สู้กัน
“โชคดีจริงๆ มิฉะนั้นแล้วมันอาจจะอันตรายมาก เจ้าน่ะโชคดีจริงๆ ที่จ้าวอสูรทองใกล้ตายเสนอทำสัญญากับเจ้า”
'อี้หนาน'คิดว่าเจ้าเด็กนี่เกิดมาภายใต้ดาวนำโชคอันดับหนึ่งของโลกแน่ ถ้าข่าวแพร่สะพัดไปว่าเขามีฮุยไท่หลาง อสูรทองแดงระดับ 5 ที่ยอมติดตามเขา ทั้งที่ไม่ได้ทำสัญญา คนจำนวนมากอาจจะอิจฉาเขาแทบตาย
แต่ตอนนี้ กลับมีจ้าวอสูรทอง เสนอทำสัญญากับเขาอีก.. นี่มันจะโชคดีเกินไปแล้ว ไม่ใช่เหรอ? อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คนมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่? 'อี้หนาน'วาดภาพความซึมเศร้าของ'หม่าเหลียง' เขาพยายามโค่นนางพญากระหายเลือดทำให้นางบาดเจ็บได้ แต่เขาไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ และปล่อยให้เจ้าเด็กแสบนี่ได้ทำสัญญากับนางพญากระหายเลือดแทน
ดูเหมือนว่าเขาคงจะกระอักเลือดถึง 3 วัน 3 คืนเมื่อกลับไปแล้วแน่ มิฉะนั้นก็คงถูกความซึมเศร้าเล่นงานจนตาย 'เย่ว์ปิง'สุขใจจนแทบจะเป็นลม นางคิดว่าน่าประทับใจแค่ไหนแล้วที่พี่ชายของนางเป็นเจ้าของ'ฮุยไท่หลาง' อสูรทองแดงระดับ 5 นางคาดว่าสมาชิกตระกูลของนางได้เห็น'ฮุยไท่หลาง'แล้ว
บางทีพวกเขาคงได้อิจฉาอย่างหนัก ตอนนี้เขายังพาจ้าวอสูรทองกลับมาด้วย พวกเขามีหวังตกใจจนสลบแน่ ยิ่งไปกว่านั้น นางพญากระหายเลือดยังเป็นจ้าวอสูรทองร่างมนุษย์ที่มีความฉลาด บางทีนางอาจวิวัฒนาการกลายรูปเปลี่ยนเป็นระดับทองขาวหรือระดับเพชรก็ได้ เป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ ผู้อาวุโสและสมาชิกในตระกูลจะทำหน้ายังไงเมื่อนางพญากระหายเลือดปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพวกเขา?
“โฮ่ง”
'ฮุยไท่หลาง'ไม่รบกวนนางพญากระหายเลือด เพราะนางไม่ใช่ศัตรูของมัน นางไม่ใช่ผู้ที่มันจะต่อกรได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นอสูรร่างมนุษย์ที่แข็งแกร่งเสียเมื่อไหร่ ยกตัวอย่างเช่น ปีศาจอสรพิษน้อยที่เป็นอสูรชั้นเพชร อสูรทองตนนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษ 'ฮุยไท่หลาง'กระดิกหางของมัน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับมันก็คือประจบ'เย่ว์หยาง' เจ้านายของมัน
'เย่ว์ปิง'และ'อี้หนาน'ส่งเสียงฉลองความสำเร็จที่ทำสัญญากับนางพญากระหายเลือดได้ โดยไม่อาจจะหักห้ามความยินดีได้ นอกจาก'เย่ว์ปิง'ที่ยังมีน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย แม้แต่'อี้หนาน' ก็ยังทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลอบปาดน้ำตาที่มุมตานาง
การที่มีอสูรชั้นทองแดง ก็เพียงพอเติมเต็มคุณสมบัติทำให้น่าประทับใจและโดดเด่นแล้ว ถ้าเขายัวมีจ้าวอสูรทองในฐานะเป็นอสูรอัญเชิญ ถ้าอย่างนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะมองข้ามผลงานในอนาคตของเขา อย่าว่าแต่นักรบธรรมดาเลย ต่อให้เป็นเจ้าชาย กษัตริย์ประเทศเล็กๆ จะมีอสูรทองอยู่สักเท่าไหร่? โดยเฉพาะจ้าวอสูรทองร่างมนุษย์ ในฐานะที่นางพญากระหายเลือด เป็นจ้าวอสูรทองร่างมนุษย์ มีสติปัญญาและระดับชั้นทอง ดูเหมือนประเมินนางดูแล้วต้องได้อย่างน้อย 7 ดาว อาจประเมินได้ถึง 8 ดาวก็ได้
เห็นได้ชัดว่า คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้ที่คนอื่นคิดว่าเขาเป็นสวะ ต่อให้ในอนาคตเขาต้องการรักษาความเป็นสวะต่อไป ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำได้เช่นนั้น
“น้องเจ็ด! เรียกมนุษย์พฤกษาของเจ้าออกมาก่อน แม้ว่าเรายังไม่มีผลภูมิปัญญา แต่ก็ยังมีกิ่งแห่งพฤกษาชีวิต มันพอที่จะยกระดับได้แล้ว”
ความจริง'เย่ว์หยาง'ไม่ได้ตั้งเป้าจะยกระดับนักรบพฤกษาเลย เขาเตรียมใช้ทักษะญาณทิพย์ตรวจดูบุคลิกพิเศษของนักรบพฤกษา เขาตั้งใจสอน'เย่ว์ปิง'อย่างเหมาะสมและช่วยให้นางยกระดับพลังต่อสู้ของนาง
“ตอนนี้ข้าสอบผ่านบททดสอบได้สำเร็จแล้ว นักรบพฤกษาของข้าเพิ่งได้เพิ่มระดับ ตอนนี้มันเป็นอสูรชั้นทองแดงระดับ 4 แล้ว แต่ข้ายังเทียบกับพี่สามไม่ได้เลย”
น้ำเสียงของ'เย่ว์ปิง'มีความภูมิใจเล็กๆ
ในความสำเร็จของนาง ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าอย่างไร นักรบพฤกษาก็เพิ่มระดับความสามารถด้วยความขยันในการบ่มเพาะของนาง นางรายงานผลงานที่ดีของนางกับพี่ชายอย่างภูมิใจในตัวเอง
“ไม่เลวเลย น้องเจ็ดสอบผ่านประสบความสำเร็จจริงๆ”
'เย่ว์หยาง'กล่าวชื่นชมทำให้'เย่ว์ปิง'ยิ้มหน้าบาน
'เย่ว์หยาง'ถือโอกาสนี้กล่าวยกย่อง'อี้หนาน'เช่นกัน ชื่นชมนางที่ประสบความสำเร็จในการบำรุงเพกาซัสเงินตัวน้อย จนมันมีพัฒนาการที่ดีมาก นางก็มีความสุขมากที่ได้ยินเขาชื่นชมเช่นกัน เพียงแต่มีอยู่เรื่องเดียวที่'เย่ว์หยาง'ทำให้นางหงุดหงิด คือเขายังเรียกนางว่า พี่(ชาย)'อี้หนาน' มันทำให้นางไม่พอใจ
ขณะที่นางคิดว่าเจ้าเด็กงี่เง่าตาบอดขนาดนี้ได้อย่างไร เมื่อ'เย่ว์หยาง'มองเห็นสีหน้าท่าทางนาง เขาลอบหัวเราะในใจ แต่แกล้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น เขารวบรวมปราณก่อกำเนิดและเพ่งสมาธิใช้ทักษะญาณทิพย์ เตรียมตรวจดูนักรบพฤกษาที่'เย่ว์ปิง'เรียกออกมา
ในขณะเดียวกัน เขาถือกิ่งพฤกษาชีวิตไว้ในมือ และถ่ายปราณก่อกำเนิดเข้าสู่นักรบพฤกษาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ทดสอบอาการตอบสนองต่อความสามารถของมัน... 'เย่ว์หยางชู'กิ่งพฤกษาชีวิตที่กำลังส่องแสงเรืองรองรอบนักรบพฤกษา มันรีบรับเอากิ่งพฤกษาชีวิตมาแล้วรีบกินลงไปทันที
เมื่อ'เย่ว์หยาง'ใช้โอกาสนี้ใช้ปราณก่อกำเนิดและทักษะญาณทิพย์สัมผัสความรู้สึกของมัน ก็ได้มองเห็นผ่านต้นโอ๊คโบราณหมื่นปีจนไปถึงนักรบพฤกษา ที่กำลังย่อยกิ่งแห่งพฤกษาชีวิต เขารู้สึกได้ถึงความสามารถในการรวมตัวของมันได้ทันที รัศมีสีเขียวฉายลงมาที่นักรบพฤกษา อาบร่าง'เย่ว์หยาง', 'เย่ว์ปิง'และ'อี้หนาน'พร้อมกัน ส่วนหนึ่งของนักรบพฤกษาดูดกลืนแสงไว้ทั้งหมด
เมื่อมันกินกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตไปแล้ว หัวและแขนขาทั้ง 4 ของนักรบพฤกษาปรากฏใบไม้นับไม่ถ้วนงอกขึ้นมาทันที ใบหนาและอ่อนแตกยอดออกมา สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า มีตาของใบอ่อนแตกออกมา มันเริ่มหยาบกร้านและเปลี่ยนเป็นกิ่งและใบที่เขียวชอุ่มไปในที่สุด ลำแสงสีเขียวเริ่มสว่างสดใส ร่างของมนุษย์พฤกษาเริ่มขดตัวเป็นลูกบอลก่อน ใบหนาและกิ่งก้านเถาวัลย์บิดขดล้อมรอบตัวของมัน และภายใต้แสงสีเขียวอาบร่างมันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
มันกลับยืนขึ้นมาอีกครั้ง มันทำลายเปลือกใบไม้ที่ห่อหุ้มและได้วิวัฒนาการจากนักรบมนุษย์พฤกษาสูง 3 เมตร ขึ้นเป็นผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษา 100 ปี สูง 5 เมตร ยกระดับจากอสูรทองแดงระดับ 4 เป็นอสูรทองแดงระดับ 5 มนุษย์พฤกษาในตอนนี้มีลำต้นสีดำสนิท เนื้อไม้ของมันดูเหมือนเหล็ก ใบเขียวอ่อนงอกขึ้นจากศีรษะและไหล่ของมัน ตลอดลำตัวและหัวของมันดูเหมือนรูปร่างคนบ้าง แน่นอน มันยังห่างไกลจากลักษณะอสูรร่างมนุษย์
อย่างไรก็ตาม มันได้วิวัฒนาการเข้าสู่เส้นทางเป็นอสูรร่างมนุษย์ไปแล้ว ผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปี อาจกลายเป็นขุนพลมนุษย์พฤกษาพันปีในการยกระดับครั้งต่อไป มันอาจจะยกระดับขึ้นเป็นจ้าวพฤกษาหมื่นปีในตำนานก็ได้...
“อสูรทองแดงระดับ 5! พี่สาม นักรบพฤกษาของข้า ยกระดับเป็นอสูรทองแดงระดับ 5!”
'เย่ว์ปิง'คิดว่าวันนี้คือที่นางมีความสุขที่สุดในชีวิตแล้ว
“แม้ว่ามันจะวิวัฒนาการเป็นผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปีก็ตาม แต่ถ้ามีกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตและผลแห่งภูมิปัญญา มันอาจยกระดับขึ้นไปเป็นอสูรเงิน ขุนพลมนุษย์พฤกษาพันปี หรือไม่ก็เป็นอสูรทอง จ้าวพฤกษาหมื่นปี”
'อี้หนาน'สุขใจแทน'เย่ว์ปิง'
อนาคตของดรุณีนางนี้ ไม่มีขีดจำกัดแล้ว ที่สำคัญที่สุด นางมีพี่ชายที่รักหวงแหนนางมาก นางไม่รู้ว่า'เย่ว์หยาง'ต้องเสียสละมากแค่ไหนถึงจะเอากิ่งแห่งพฤกษาชีวิตมาให้'เย่ว์ปิง' มีพี่ชายอย่างนี้ 'เย่ว์ปิง'ยังต้องกังวลว่าอสูรของนางไม่พัฒนาระดับอีกหรือ?
'อี้หนาง'ยังคงอิจฉานิดๆ ที่นางไม่สามารถเทียบได้กับ'เย่ว์ปิง' 'เย่ว์ปิง'มีพี่ชายที่รักนางมาก แต่'อี้หนาน'ไม่มี ถ้านางมีพี่ชายสักคนที่รักและหวงแหนนาง นั่นจะเป็นเรื่องดีขนาดไหน? นางมองดูเย่ว์ปิง นัยน์ตากลมโตสุกใสเผลออิจฉาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
นางมองดู'เย่ว์หยาง' และรู้สึกถึงความอบอุ่น ความรู้สึกที่พิเศษในใจนางที่ไม่ได้แสดงตอนที่นางพบกับเขาในตอนแรก... แม้ว่านัยน์ตาของเจ้าเด็กแสบนี่จะมืดบอดเหมือนค้างคาว เขาก็ยังรักและใส่ใจน้องสาวและครอบครัวเป็นอย่างมาก อย่างน้อย เขาก็ยังเป็นพี่ชายที่แสนดี
“น้องเจ็ด, จำทักษะอำพราง ที่เป็นทักษะธรรมชาติของข้าได้ไหม?”
'เย่ว์หยาง'ตัดสินใจเล่าเรื่องความรู้เกี่ยวกับผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปีที่เขามองเห็นด้วยทักษะญาณทิพย์ ใช้คนเป็นๆ เพื่อบำรุงต้นดอกหนาม 'เย่ว์หยาง'ไม่มีทางบอกเรื่องนั้นแก่'เย่ว์ปิง'
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องอสูรผู้พิทักษ์ของ'เย่ว์ปิง' เขาจะใช้ความพยายามช่วยให้นางได้บำรุงเลี้ยงอย่างสุดความสามารถ เขาหวังว่าน้องสาวของเขาจะก้าวหน้าได้มากยิ่งขึ้น 'เย่ว์ปิง'เป็นอัจฉริยะอยู่แล้ว นางแค่ขาดแคลนทรัพย์สินที่มีค่า ที่จะทำให้ครูของนางยินยอมสอนให้อย่างถูกต้อง
ถ้าเขาสามารถให้คำแนะนำบางอย่างแก่นาง และแอบยื่นมือช่วยนาง อนาคตของนางก็จะไม่มีขีดจำกัด นางจะก้าวหน้าได้อีกมาก
“พี่สามเห็นความลับของผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปีหรือ?”
'เย่ว์ปิง'มีความสุขมากจนแทบจะร้องเพลงออกมา วันนี้เป็นวันที่โชคดีแน่นอน สิ่งดีๆ หลายอย่างเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เอ๋?”
'อี้หนาน'ฟัง'เย่ว์ปิง'พูดบางอย่างเกี่ยวกับ'เย่ว์หยาง'และนางทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่สงสัย คุณชายสามผู้ไร้ประโยชน์นี้ มีความสามารถพิเศษอะไร?
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=93