ตอนที่ 89 กรีดร้องสะท้านขวัญ
'โคเงา'บุกจู่โจมใส่สี่ขุนพลปีศาจ ใจของนางไม่ได้กลัวหรือระวังตัวแม้แต่น้อย ผลกระทบจากภายนอกทำอะไรนางไม่ได้ 'เย่ว์หยาง'อยู่ภายในโล่แสงของเขา ใช้ใจของเขาสื่อสารกับนางอย่างใจเย็น เป็นครั้งแรกที่เขาพยายามใช้ทักษะวิทยายุทธโดยผ่านร่างของ'โคเงา' แน่นอนว่าเขาไม่สามารถทำให้นางปล่อยทักษะปราณก่อกำเนิดได้ แต่'เย่ว์หยาง'ก็ยังไม่ได้ใช้ทักษะปราณก่อกำเนิดกับ'หม่าเหลียง'แต่อย่างใด
เขามีความเชื่อมันว่าสามารถฆ่า'หม่าเหลียง'ได้ด้วยการลงมือรวดเดียวได้ ต้องทำความเข้าใจว่า 'หม่าเหลียง'เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญชั้นทอง และยังไม่รู้จำนวนของมังกรบินที่เขามีอยู่ แม้ว่ามังกรบินของเขาตายทั้งหมด เขาก็ยังใช้ม้วนเทเลพอร์ตหนีไปได้
ถ้าจะฆ่าแม่ทัพปีศาจที่เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญให้ได้ พวกเขาต้องสู้กันในสมรภูมิมรณะ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ จะฆ่าหม่าเหลียงให้ได้ เขาต้องรอโอกาสเมื่อ'หม่าเหลียง'ออกมาจากโล่แสงของเขา นอกจากปราณชั้นก่อกำเนิดแล้ว วิชาทวนตระกูลเย่ว์ที่'เย่ว์หยาง'พยายามให้'โคเงา'ใช้ตามให้ได้ นางไม่สามารถใช้มันได้เลย ด้วยความยากลำบาก วิทยายุทธเพียงอย่างเดียวที่'เย่ว์หยาง'สามารถควบคุม'โคเงา'ให้ใช้จู่โจมได้ก็คือวิชาดาบหัวตัด ซึ่งเป็นวิชาที่แย่ที่สุดในโลกคล้ายๆ กับเทคนิคค้อนทุบหิน
อย่างไรก็ตาม เทียบกับพลังโจมตีของ'โคเงา'เมื่อก่อนหน้านี้ ถือว่านางได้รับการปรับปรุงก้าวหน้าอย่างมากแล้ว อย่างน้อยที่สุด นางก็ไม่ได้เชื่องช้า ควงอาวุธด้วยแขนทั้งสองลุยเข้าหาศัตรูเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้นางอยู่ภายใต้การควบคุมของ'เย่ว์หยาง' นางคิดก่อนว่าจะเดินหน้าหรือถอย มักจะมีแบบแผนกลยุทธ วิธีที่นางเหวี่ยงแขนตอนนี้จะแตกต่างไปจากเดิมแล้ว นางใช้พลังแขนในปริมาณที่เหมาะสมแม้ว่าท่วงท่าของนางจะเป็นวิชาที่แย่ที่สุด “เทคนิคค้อนทุบหิน” นางก็ยังใช้ออกด้วยพลังที่เหมาะสมซึ่งก็ยังแข็งแรงกว่าคนธรรมดา 100 เท่า
พอเผชิญหน้ากับผู้ที่มีความสามารถและไม่กลัวตาย สี่ขุนพลปีศาจจำต้องยอมรับชะตากรรมของพวกเขาต่อสู้กับ'โคเงา' แต่กับความคาดหวังของพวกเขาทั้งหมด อสูรที่ไม่สามารถเอาชนะได้ยังสามารถใช้ได้กระทั่งวิทยายุทธ สี่ขุนพลปีศาจสู้จนกระทั่งพวกเขาอ่อนแรงลง
ขณะที่พวกเขาไม่ทันระวังตัว ขุนพลปีศาจตนหนึ่งก็ล้มลงกับพื้นภายใต้การจู่โจมของ'โคเงา' ขุนพลปีศาจที่ตัวสูงมีความว่องไวที่สุดและมีความเร็วที่สุด เขาใช้กระบี่ของเขาแทงไปที่อกของ'โคเงา'ทำลายหัวใจของนาง ในความคิดของเขา 'โคเงา'เป็นอสูรรูปมนุษย์ ดังนั้นนางอาจถูกฆ่าได้หากถูกทำร้ายที่จุดสำคัญ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจริงๆ แล้วนางคือเงาปีศาจ นางเพียงแต่เปลี่ยนไปหลังจากที่ร่างของนางถูกชิง
ทั้งร่างและชีวิตของนางไม่เหลือจุดอ่อนของสัตว์อสูรตามปกติ ยิ่งไปกว่านั้น 'โคเงา'จัดว่าเป็นอสูรพิทักษ์ของเขา แม้ว่าร่างของนางถูกทำลายสิ้นเชิง นางก็ยังไม่เป็นไร ถ้าพลังของนางถูกใช้จนหมด นางก็แค่กลับเข้าไปพักในคัมภีร์ เว้นเสียแต่'เย่ว์หยาง'ตาย นางจะไม่มีทางตายจริงๆ
เมื่อขุนพลปีศาจตัวผอมสูงใช้กระบี่ของเขาแทงหัวใจของ'โคเงา'ได้สำเร็จ เขาบิดกระบี่อย่างโหดเหี้ยม ตั้งใจจะขยี้หัวใจของ'โคเงา'ให้แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยิ้มที่โหดเหี้ยมปรากฏบนใบหน้าของมัน
อย่างไรก็ตาม ยิ้มของเขาก็ชะงักค้างทันทีหลังจากที่ปรากฏได้ไม่นาน ทั้งนี้เป็นเพราะเขาเห็น'โคเงา'ที่มีหัวใจถูกกระบี่แทงและบิดจนแหลกเป็นชิ้นยังดูเหมือนไม่เป็นอะไร นางยื่นมือขนาดยักษ์ออกมาคว้าไหล่ของเขาเหมือนใช้คีมเหล็กจับ
ต่อมานางใช้มือีกข้างกระแทกใส่ที่ข้อศอกขุนพลปีศาจผอมสูงอย่างรุนแรง ขุนพลปีศาจต้องการจะดิ้นรนให้หลุด แหกปากร้องอย่างน่าสงสารขณะที่แขนข้างหนึ่งปวกเปียกไม่มีแรง ภายใต้การโหมโจมตีจากขุนพลปีศาจที่เหลือ 'โคเงา'ไม่สนใจอาการบาดเจ็บผิวเผินของนาง และยกขุนพลปีศาจผอมสูงขึ้นมาแทน
ขณะที่ก้มลงดู นางส่ายศีรษะแล้วใช้หน้าผากนางโขกใส่หน้าผากของขุนพลปีศาจนั้นอย่างแรง เสียงกระแทกกันดังน่ากลัวและขุนพลปีศาจทั้งสามได้ยินเสียงกะโหลกเพื่อนของพวกมันแตก ในหนังสือทักษะ “เทคนิคค้อนทุบหิน” ที่ซื้อขายกันราคา 10 เหรียญทองแดง ไม่มีเทคนิคที่เรียกว่า หัวโขก
'เย่ว์หยาง'ประยุกต์เทคนิคค้อนทุบหินเพียงเล็กน้อย โดยใช้หัวโคต่างค้อนแทน ผลของการต่อสู้นับว่าไม่เลว แม้ว่าเทคนิคค้อนทุบหินจะไม่มีทักษะหัวโขกก็ตาม ก็ยังมีหนึ่งในรูปแบบการฟาดที่รุนแรง เทคนิคเบื้องต้นก็คือดึงหัวค้อนออกมาให้ห่างเท่าที่ทำได้ แล้วใช้แรงกระแทกไปที่หัวฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง
'เย่ว์หยาง'ตัดสินใจประยุกต์ใช้นิดหน่อย เขาให้'โคเงา'จับตัวขุนพลปีศาจที่ผอมโย่ง แล้วเงื้อไปข้างหลังให้มากที่สุดเหมือนเงื้อค้อน จากนั้นฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง ลำดับต่อไปก็เป็นเรื่องง่าย 'เย่ว์หยาง'ปล่อยการควบคุมจิตใจ'โคเงา' ให้นางได้ใช้ความสามารถของตนเอง 'โคเงา'ยังเข้าบดขยี้ที่หัวของขุนพลปีศาจผอมสูงจนแหลก แล้วโดดขึ้นไปย่ำบนตัวเขา นางใช้กีบเท้าย่ำไปบนตัวขุนพลปีศาจพลางถือโอกาสฝึกทักษะ “บดทำลายหิน”ไปด้วย
เวลานี้ ไม่เพียงแต่'เย่ว์หยาง'เท่านั้น แม้แต่สามขุนพลปีศาจ หรือว่าใครก็ตาม คิดว่าเหมือนกันว่าขุนพลปีศาจตนนี้ ไม่รอดแล้ว หลังจากได้ความฉลาดเพิ่มมาอีกนิดหน่อย 'โคเงา'ดูเหมือนจะมีทักษะใช้อาวุธเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว แต่นางยังคงไม่สามารถจำแนกได้ว่าของเช่นไรใช้เป็นอาวุธได้ นางคว้าศพของขุนพลปีศาจสูงโย่งหวดกระหน่ำใส่ขุนพลปีศาจอีก 3 นายที่ยืนหน้าซีดเหมือนคนตาย ขุนพลปีศาจทั้งสามต่างหลบถอยด้วยความกลัว
ซากของขุนพลปีศาจสูงโย่งถูกฟาดไปมาจนถึงขนาดที่ครึ่งหนึ่งของศพขาดวิ่นไม่มีชิ้นดีจึงถูกโยนทิ้งไป สามขุนพลปีศาจเห็นอนาคตของตนเองแล้วถึงกับหนาวสะท้าน พวกสัตว์อสูรที่พวกเขาเรียกออกมาไม่มีผลอะไรต่อ'โคเงา'เลย
ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อปีศาจอ่อนแอ หนอนเจาะกระดูหรือแม้แต่มดแดงคลั่ง พวกมันไร้ประโยชน์ยามเผชิญกับโคเงา, เมื่อแมงมุมพ่นใย, แมงมุมพ่นข่ายที่ขุนพลปีศาจทั้งสามคิดว่าพวกมันสามารถยับยั้ง'โคเงา'ได้ แต่ใครจะรู้ว่าโคเงาสามารถพ่นไฟทางลมหายใจได้? ตาข่าย ใยแมงมุมถูกเผาหมด แมงมุมยักษ์ที่อุ้ยอ้ายไม่สามารถหลบหนีได้ทัน
มันร้องโหยหวนขณะถูกเนตรประหารคร่าชีวิตของมัน วันนี้ 'เย่ว์หยาง'อารมณ์ค่อนข้างดี 'โคเงา'ใช้พลังเนตรประหารในการรบวันนี้ถึง 2 ครั้ง อารมณ์ของเขาจึงดีเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม นี่คือจุดเริ่มต้นฝันร้ายของขุนพลปีศาจทั้งสาม
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าการจู่โจมลักษณะนี้จะทำให้ฆ่าศัตรูได้ในทันที โอกาสประสบความสำเร็จต่ำมาก พวกเขาก็ยังไม่กล้าพูดอย่างมั่นใจว่า พวกเขาจะไม่ใช่คนโชคร้าย อีกด้านหนึ่ง เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ได้รวบรวมพลังโจมตีของนางเสร็จแล้ว เตรียมพร้อมปล่อยแสงทำลายล้างกองทัพปีศาจให้เป็นจุลอีก
ขณะที่แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมา ก็ฆ่าปีศาจเขายาวไป 10 ตัว แม้แต่นางปีศาจดาบสังหารไม่สามารถหลบได้ทันเวลาและมังกรบินเงินก็โดนแสงทำลายเต็มทำลายเต็มที่จนร่างพวกมันถูกทำลาย พวกมันล้มลงกับพื้นทันทีร้องโหยหวนอย่างทรมาน 'หม่าเหลียง'เดือดดาลโกรธจัดเพราะสถานการณ์ต่อสู้พลิกผัน ทำไมเขาต้องมาเจอเจ้าเมือง'โล่วฮัว' ศัตรูแข็งแกร่งขนาดนี้ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้เลย
เขาอัญเชิญมังกรบินตัวหนึ่งซึ่งใหญ่กว่ามังกรบินธรรมดาถึงหลายเท่า มังกรบินเขางอน เข้าต้องการใช้มังกรบินเขางอนกิน'โคเงา'ทันที แต่พอเห็นว่าเจ้าเมือง'โล่วฮัว'รวบรวมพลังของนางอีกครั้ง เขาสั่งให้มังกรบินเขางอนและมังกรบินกัดกร่อนเข้าโจมตีเจ้าเมือง'โล่วฮัว' พยายามไม่ให้นางได้ใช้พลังที่น่ากลัวของจิ้งจอกหกหาง เขารู้ว่าทันทีที่จิ้งจอกหกหางกลายร่าง พลังรบของเจ้าเมือง'โล่วฮัว'ผู้นี้จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าด้วยความช่วยเหลือของจิ้งจอกหกหาง
ถ้าเขาปล่อยให้นางสะสมพลังแสงทำลายล้างสำหรับโจมตีอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะใช้โล่ต้านทานไว้ได้ แต่มังกรบินของเขาและบริวารบางทีจะพากันตายทั้งหมด
“รีบฆ่าเขาซะ, ไม่ต้องสนใจนางโคเงา อสูรชนิดนี้ไม่กลัวตาย แต่มีเวลาอัญเชิญที่จำกัด ยิ่งไปกว่านั้น มันใช้พลังวิญญาณเปลืองมาก ตราบใดที่พวกเจ้าทำลายโล่แสง และทำลายพลังจิตที่แข็งแกร่งของเขาได้ โคเงาจะหายไปเองในที่สุด ไม่มีโคเงา เขาก็ไม่มีค่าให้พูดถึง”
'หม่าเหลียง'ตะโกนลั่น
“เอาเลยสิ, มามะ, มาฆ่าข้าให้ไวเลย ข้ารอต่อไปไหวแล้ว”
'เย่ว์หยาง'เชื้อเชิญพวกเขาอย่างเต็มใจ
'โคเงา'มีเวลาที่จำกัดอย่างแน่นอน และกำหนดเวลาก็น้อยกว่า 10 วันที่นางเคยอยู่ได้มาก่อนนิดหน่อย บางทีนางน่าจะอยู่ได้สัก 5-6 วัน นับแต่เวลาที่นางถูกเรียกออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา ถ้า'หม่าเหลียง'รู้เรื่องการโกงกำหนดเวลาอย่างนี้ เขาอาจโกรธจนกระอักเลือดตายไปเลยก็ได้
'หม่าเหลียง'ต้องการสั่งให้มังกรบินเขางอนบินไปจับ'โคเงา'กินจริงๆ เพื่อจบการต่อสู้ด้าน'เย่ว์หยาง' ทว่า เขายังกังวลว่าเจ้าเมือง'โล่วฮัว'จะถือโอกาสปล่อยแสงทำลายล้างที่สามารถสังหารมังกรบินที่เป็นกำลังรบของเขาทั้งหมด
ในสายตาของเขา โจรน้อย'เย่ว์หยาง'เจ้าของคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดง ไม่มีทางเทียบได้กับเจ้าเมือง'โล่วฮัว'ต่อให้นางใช้เพียงมือเดียว และต่อให้เขามี 10 คนก็ตาม ดังนั้น เขาจึงสั่งให้ขุนพลปีศาจทั้ง 3 ฆ่าโจรน้อยผู้นี้ เป้าหมายหลักของการต่อสู้ก็คือ จะโค่นเจ้าเมือง'โล่วฮัว'ได้อย่างไรต่างหาก
ส่วนนางพญากระหายเลือด แม้นางจะยังไม่ตาย บางทีนางคงยังไม่สามารถกลับเข้ามาสู้ต่อได้ทันที แม้ว่าเขาจะหงุดหงิดที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสามไร้ความสามารถ 'หม่าเหลียง'ยังคงต้องการให้พวกเขาทำงานต่อให้จบเดี๋ยวนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเข้าใจชัดว่า ไม่ใช่เป็นเพราะบริวารของเขาไร้ประโยชน์ แต่เป็นเพราะพวกเขาผ่านศึกใหญ่มาก่อนหน้านั้น ถ้าอสูรอัญเชิญของพวกเขาไม่ได้ถูกนางปีศาจดาบสังหารฆ่าตายในการต่อสู้ก่อนหน้านั้น กำลังรบของเขาคงไม่ย่ำแย่ขนาดนี้
“พวกเจ้าค่อยๆ ฟันโล่ไปพลางก่อนนะ ข้าจะงีบสักครู่, อย่าลืมปลุกข้าด้วย เมื่อพวกเจ้าทำลายโล่เข้ามาได้”
'เย่ว์หยาง'พูดอย่างไม่ใยดี
ขณะที่ขุนพลปีศาจทั้งสามพยายามฝ่าโล่แสงเข้ามา 'เย่ว์หยาง'ไม่จำเป็นต้องเข้าใจหัวใจธรรมชาติสำหรับเรื่องนี้ แม้ว่าด้วยความแข็งแกร่งที่เขาได้รับจากการบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิด เขาไม่ได้รับผลกระทบจากการจู่โจมโล่แสงของเขา การจู่โจมแบบนี้อาจใช้ได้กับนักสู้ธรรมดาก็ได้ แต่มันใช้ไม่ได้กับ'เย่ว์หยาง' เขาย้ายหินมาวางบนพื้น จากนั้นล้มตัวลงนอนใช้หินหนุนต่างหมอนหลับอย่างสบายอารมณ์
เขาประสานมือไว้หลังศีรษะขณะที่พาดขาไว้บนหินอีกก้อนแล้วกระดิกขาอย่างสบายใจ แน่นอนว่าเขาทำอย่างนี้แต่เพียงลักษณะภายนอกเท่านั้น จุดมุ่งหมายหลักคือสร้างความสับสนและดึงความสนใจของศัตรูมาที่เขา
'เย่ว์หยาง'มุ่งความสนใจไปที่การควบคุมโคเงาให้เคลื่อนเข้าหานางปีศาจดาบสังหารที่บาดเจ็บหนักจากแสงทำลายล้าง 'เย่ว์หยาง'ไม่รู้ว่าแก้วผลึกปีศาจของนางปีศาจนี้จะเป็นประโยชน์ต่อโคเงาไหม? แต่ถ้ามันใช้ได้จริงๆ
อย่างนั้น'โคเงา'อาเพิ่มระดับความสามารถก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีทักษะสร้างใหม่ที่เขาไม่เคยลองใช้มาก่อน นางปีศาจดาบสังหารนี้ก็มีหัวเป็นโค ดังนั้นอาจจะอยู่ในประเภทวัวก็ได้ อย่างน้อยนางก็เหมือนกับโคมากว่าหอยทากหรือด้วงเขายาว
นางดูเหมือนนางพญาปีศาจวัวนิดหน่อย ทันใดนั้น เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ยิงบอลแสงชนิดเดียวกับแสงทำลายล้าง มันระเบิดตรงเข้าหามังกรบินกัดกร่อนโดยตรง ส่งผลให้มันกลายเป็นเป็นมังกรย่างไปในทันที
ทันทีที่ดาวข่มตาย จิ้งจอกหิมะสามหาง กลายร่างทันที ร่างของมันใหญ่กว่าร่างปกติถึง 10 เท่า หางทั้ง 6 ของมันสั่นเล็กน้อยขณะที่จิ้งจอก 6 หางปล่อยกลิ่นหอมออกไป มันส่งละอองน้ำหอมสีขาวตรงไปที่มังกรเขางอน ร่างมหึมาของมังกรบินเขางอนร่วงฟาดลงกับเสียงดังสนั่น มันไม่เหลือเรี่ยวแรงบินกลับไปในอากาศ
ดังนั้นมันจึงทำได้แต่เพียงสู้กับจิ้งจอก 6 หางอยู่บนพื้น ขณะที่ร่างของจิ้งจอก 6 หางแม้จะตัวใหญ่ แต่มันว่องไวมาก หางทั้ง 6 ของมันเป็นเหมือนแส้หวดใส่มังกรบินเขางอนอย่างไม่ปราณี ทำให้มันร้องอย่างเจ็บปวด หน้าของ'หม่าเหลียง'เปลี่ยนเป็นดำคล้ำ
ขณะที่เขาเลิกสนใจ'เย่ว์หยาง' เขาเรียกมังกรบินปีกเพลิงซึ่งตัวเล็กกว่ามังกรอื่นๆ และสั่งให้มันช่วยมังกรบินเขางอนจู่โจมจิ้งจอก 6 หาง แม้ว่าการต่อสู้ทางด้านหม่าเหลียงกับเจ้าเมือง'โล่วฮัว'จะทวีความรุนแรงและดุเดือด แต่'เย่ว์หยาง'กลับพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์ เขาควบคุมให้'โคเงา'เข้าไปย่ำมังกรบินเงินที่ยังมีชีวิตก่อน แล้วจึงลากร่างของนางปีศาจดาบสังหารที่ถูกแสงทำลายล้างทำลายร่างไปครึ่งหนึ่งกลับมาด้วย
ขุนพลปีศาจทั้ง 3 ไม่เข้าใจว่าทำไม'เย่ว์หยาง'ถึงได้ทำอย่างนั้น แต่ก็ตกใจรีบถอยออกมาอย่างเร็ว 'เย่ว์หยาง'รีบลุกขึ้น ไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆ ต่อนางปีศาจดาบสังหารที่กำลังดิ้นรนขณะถูกลากเข้ามาเลย เขาใช้ทักษะโซ่ล่องหนของ'เสี่ยวเหวินหลี'ตรึงมันไว้กับพื้น ก่อนที่จะใช้มีดทองแทงอก เมื่อถูกมีดทองฆ่ามังกรแทงทะลุ ต่อให้เป็นนางปีศาจดาบสังหาร อสูรทองแดงระดับ 7 ก็ไม่สามารถรับการโจมตีได้ มันล้มลงตายอยู่บนพื้น
“พวกมันกำลังทำบ้าอะไรกันนี่?”
'หม่าเหลียง'ที่ยังอยู่ในการต่อสู้อย่างดุเดือดเหลือบไปเห็นบริวารของเขาทั้ง 3 กำลังจ้องดูโจรน้อยเหมือนไอ้งั่งแทนที่จะเข้าไปโจมตีเขา 'หม่าเหลียง'เดือดดาลทันที เขาโกรธจนควันแทบออกจากหู
เขาสามารถเข้าใจการกระทำของพวกเขาได้ว่าโจรน้อยซ่อนตัวอยู่หลังโล่แสงของเขา แต่โจรน้อยก็เดินออกมาจากโล่แสงตั้งหลายเมตร แล้วทำไม่ลูกน้องของเขาถึงไม่จู่โจมทำร้ายเขา? เขาไม่มีเวลาสังเกตว่าโล่ของ'เย่ว์หยาง'ยังคงอยู่
แม้ว่าเขาจะเดินออกมาห่างจากโล่ของเขาก็ตาม ในทำนองเดียวกัน เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ยังคงไม่สามารถทำอะไรได้หลายอย่างและเตือนถึงสถานการณ์การต่อสู้ของ'เย่ว์หยาง'ได้ นางหลับตาเข้าสมาธิ เตรียมรวบรวมพลังจิตวิญญาณใส่ลูกบอลแสงทำลายล้างต่อไป
นางสามารถได้ยินเสียงของ'เย่ว์หยาง' ดังนั้นนางจึงรู้แก่ใจดีว่า'เย่ว์หยาง'ปลอดภัย นางคิดอยู่เสมอว่า'เย่ว์หยาง'คงหลบซ่อนอยู่หลังโล่แสงคอยเยาะเย้ยศัตรูของเขา นางไม่รู้เลยว่าเขาได้ชัยชนะไปแล้ว
พอได้ยิน'หม่าเหลียง'แผดเสียงอย่างเดือดดาล ขุนพลปีศาจทั้ง 3 กลัวมากจนถึงกับตัวสั่น พวกเขารีบเดินหน้าโจมตีทันที เป้าหมายคือ'เย่ว์หยาง'แทนที่จะเป็นนาง'โคเงา' ตราบใดที่พวกเขาฆ่าโจรน้อยตัวประหลาดนี่ได้ การต่อสู้ของพวกเขาจะจบลง
ขณะที่พวกเขาวาดฝันถึงชัยของตน แสงสีทองฉายออกมาจากภายในโล่ นางพญากระหายเลือด ที่หมดสติไปหลังจากทรมานจากอาการบาดเจ็บหนัก ค่อยๆ ลืมตาสีฟ้าอมม่วงกระจ่างของนาง จากนั้นนางจึงเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเศร้าสร้อยอย่างเต็มแรง
ทันใดนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเมือง'โล่วฮัว', 'หม่าเหลียง' หรือจิ้งจอก 6 หางและมังกรบินเขางอนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ เหมือนกับว่าทุกคนทุกตัวถูกสายฟ้าฟาดจนตัวแข็งล้มลงกับพื้น ขุนพลปีศาจทั้ง 3 ที่อยู่ใกล้เสียงกรีดร้องที่สุดเริ่มมีเลือดออกมาจากตา, จมูก, ปาก, และหู พวกเขาล้มลงทีละคนๆ
'เย่ว์หยาง'แปลกใจที่พบว่า แม้เขาจะได้ยินเสียงกรีดร้อง แต่เขาไม่จำเป็นต้องใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาป้องกันหูตัวเอง เขาไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงกรีดร้องแต่อย่างใด พอเขาเงยหน้า ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าโล่แสงของหม่าเหลียงหายไปแล้ว
'เย่ว์หยาง'ไม่สนใจ 3 ขุนพลปีศาจข้างหน้าเขาผู้ถูกฆ่าแทบจะทันที เขาพุ่งไปหาหม่าเหลียงที่หมดสติอยู่ ดาบวิเศษฮุยจินในมือของเขามีเปลวไฟและควันออกมา มันถูกลากเป็นสายแสงยาวขณะที่เขาแทงไปที่หัวใจของ'หม่าเหลียง'อย่างไม่ปราณี 3 ผู้นำปีศาจผู้โดดเด่นหรือ? แม่ทัพปีศาจเหรอ? ตราบใดที่เจ้าไม่มีโล่แสงคอยป้องกัน เจ้าก็คงเป็นได้แค่สวะ
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=89