ตอนที่ 85 เจ้าเมืองโล่วฮัว
'เย่ว์หยาง'เก็บทองของเขาไว้และใช้เงินสดส่วนเกินซื้อสินค้าดีๆ หลายอย่าง เขาพร้อมที่จะเทเลพอร์ตไปยังแดนดาวและดำเนินภารกิจที่วงกตศิลาดำต่อไป เขาคาดว่าตอนนี้'อี้หนาน'และ'เย่ว์ปิง'คงไปถึงต้นโอ๊คหมื่นปีแล้ว และอาจเริ่มทำภารกิจต้นโอ๊คหมื่นปีกันแล้ว ยังมี'ฮุยไท่หลาง'อยู่ที่นั่นด้วย
พวกนางจะรู้สึกมั่นใจเมื่อทำภารกิจขณะรอเขาก็ได้ เกี่ยวกับ'เย่คง', 'เจ้าอ้วนไห่'และคนอื่นๆ 'เย่ว์หยาง'คาดว่าพวกเขาจะสามารถไปถึงต้นโอ๊คหมื่นปีหลังจากผ่านไปอีกวัน ดังนั้นยังคงมีเวลาได้พบพวกเขาถ้ารีบกลับไปตอนนี้
“ไฮ้..อย่างนั้นก็เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย”
ทันใดนั้นเจ้าเมือง'โล่วฮัว'ไล่ตามหลังเขามาทัน แล้วรีบคว้าหู'เย่ว์หยาง'ดึงไว้ทันที
“โจรน้อย! ทำไมเจ้าพยายามหลบหนีให้พ้นสายตาข้าอยู่เรื่อยนะ?”
“เจ้าเมืองหญิงที่นับถือ! โปรดอย่าเข้มงวดกวดขันข้านักเลย ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
'เย่ว์หยาง'รีบหลบนิ้วมือเรียวงามขาวผ่องของนาง พอเห็นว่าเจ้าเมือง'โล่วฮัว'สามารถหาเขาพบได้โดยง่าย เขาค่อนข้างประหลาดใจ แต่พอเห็นว่ามีจิ้งจอกหิมะสามหางตัวน้อยน่ารักอยู่ที่แทบเท้าเจ้าเมือง'โล่วฮัว'
ในที่สุดเขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด อย่างนั้นพลังวิญญาณของจิ้งจอกน้อยนี้ไม่ใช่แค่เป็นสหายต่อสู้ที่ดีเท่านั้น มันยังเชี่ยวชาญในการติดตามร่องรอยคนอื่นได้ สิ่งเดียวที่'เย่ว์หยาง'ไม่เข้าใจก็คือเหตุผลในการไล่ตามร่องรอยของเขา ทำไมเจ้าเมือง'โล่วฮัว'ถึงตามหาเขา เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ทำหน้าบึ้งขณะที่นางมองดาบฮุยจินที่แขวนอยู่ที่เอว'เย่ว์หยาง' น้ำเสียงของนางไม่พอใจขณะที่พูดว่า
“โง่จริงๆ เจ้า, ทำไมเจ้าถึงเอาคะแนนสัมฤทธิ์ผลมาแลกทองเล่า? ถ้าเจ้าขาดเงิน ทำไมไม่มาหาข้า? แม้ว่าข้าจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ข้าก็ยังเป็นเจ้าเมืองคนหนึ่ง ข้าให้เจ้ายืมได้สัก 2-3 ร้อยเหรียญทอง ถ้าเจ้าต้องการ มีหลายวิธีที่ดีกว่า ใช้คะแนนสัมฤทธิ์ผลไปแลกทอง เจ้ารู้เรื่องนั้นไหม? ที่ชั้นสามหอทงเทียน มีหลายที่ซึ่งต้องใช้คะแนนสัมฤทธิ์ผลถึงจะเข้าไปได้ มันไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เจ้าต้องการจะเข้าไปเมื่อไหร่ก็ได้ ตามปกติแล้ว ที่ไหนจะมีขุนพลปีศาจให้ฆ่ามากนักเล่า? เหนือชั้นสามขึ้นไป พวกปีศาจที่เหนือกว่าขุนพลปีศาจก็คือเสนาธิการปีศาจ แม่ทัพปีศาจ มักจะอยู่กันเป็นกลุ่ม พวกมันมีกองกำลังที่แข็งแกร่งและมีจำนวนมาก พวกมันแข็งแกร่งกว่ามนุษย์นักรบธรรมดาถึง 10 เท่า หากเจ้าไม่ได้ลอบโจมตีพวกมัน ก็ค่อนข้างยากที่จะเอาชนะการรบได้”
พอได้ยินเช่นนี้ 'เย่ว์หยางถึง'กับเหงื่อแตกเป็นเม็ดพราว เขาไม่รู้เรื่องอย่างนี้มาก่อนเลย ใครจะรู้ว่าคะแนนสัมฤทธิ์ผลในการรบจะใช้ได้มากมาย? ตอนนี้ เขายังถูกเหตุจำเป็นบังคับให้ไปชั้น 3 ที่เป็นชั้นเกียรติยศเพื่อเอาผลสำเร็จไปแลกเป็นทอง
ถ้าเขามีเงิน มีหรือที่จะไปฟังคุณพี่ชุดขาวถากถางกันเล่า? สหายชุดขาวผู้นั้นวอนเจ็บตัวจริงๆ ยิ่งกว่า'เจ้าอ้วนไห่'เสียอีก แต่พอนึกอย่างนั้น หรือว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับ'เจ้าอ้วนไห่'จริงๆ? พอเห็น'เย่ว์หยาง'มีเหงื่อเต็มหน้าและกังวล สีหน้าขุ่นเคืองของเจ้าเมือง'โล่วฮัว'เปลี่ยนไปทันที
นางเริ่มหัวเราะออกมาดังๆ นางหัวเราะจนไหล่ไหวและร่างงามสั่นคลอน การได้หัวเราะอย่างเปิดเผยตรงๆ ของนางเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากคนอื่น เมื่อหญิงสาวนางนี้หัวเราะแบบไม่ยั้ง นางดูน่าหลงใหลจริงๆ จน'เย่ว์หยาง'คิดอยากจะเป็นเสือผู้หญิงอยู่ในใจ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะทหารรับจ้างบางส่วนเดินผ่านเขาไปเป็นระยะๆ
'เย่ว์หยาง'นึกอยากจะผลักให้นางนอนลงกับพื้นโดยมีเขาอยู่ด้านบน แน่นอนว่าความรู้สึกเช่นนี้ ก็แค่ฟุ้งขึ้นมาเพราะเสียงหัวเราะที่น่าหลงใหลของนาง ไม่มีอะไรอย่างอื่น 'เย่ว์หยาง'อาจพูดได้เป็นบางครั้งว่า หัวใจของเขาทำขึ้นจากเหล็ก เขาเห็นผู้หญิงทุกคนเหมือนกับเล่นเกมคอมพิวเตอร์
ทว่าความรักที่เขามีต่อแม่สี่ 'เย่ว์ปิง'และน้องสาวคนเล็กคือสิ่งที่เขาไม่อาจเอาชนะได้ ขณะที่สำหรับ'อี้หนาน' ถ้ามีใครถาม'เย่ว์หยาง' เขาคงบอกได้ว่าเขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับนาง แต่ไม่ว่ามันจะเป็นจริงในใจเขาหรือไม่ก็ตาม ด้วยทักษะลวง ที่เป็นทักษะธรรมชาติของ'เย่ว์หยาง' ทำให้ไม่เคยมีใครได้รู้
“ถ้าข้าบอกว่าเจ้าฉลาด มันก็จริงที่ว่า เจ้าเป็นคนที่โกหกได้ซับซ้อนจนสามารถปั่นหัวทุกคนได้ในขณะที่เจ้าโกหก ถ้าหากข้าบอกว่าเจ้าช่างโง่บัดซบ เจ้าก็ยังเป็นคนโง่ที่ไม่มีความรู้พื้นฐานอะไรในชีวิตเลย ถ้าเจ้าไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ทำไมเจ้าถึงไม่ถาม? เจ้าเองก็มีบัตรแก้วผลึก สามารถเข้าไปที่ธนาคารทองของนักรบเพื่อสำรองจ่ายให้เจ้าก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงธนาคารของอาณาจักรต้าเซี่ยก็ได้ แม้แต่ชาวเทียนหลัวและชาวสื่อจินก็ยังไม่กล้าตระหนี่ยินดีจะให้เจ้าหยิบยืมทอง เป็นการถือโอกาสประจบประแจงนักสู้ผู้แข็งแกร่งด้วยซ้ำ เจ้าทำให้ข้าขำแทบตายอยู่แล้ว จะให้ข้าโปรดปรานเจ้ามากขึ้นใช่ไหม?”
เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ยังคงหัวเราะไม่หยุดต่อไป นางวางมือลงบนไหล่ทั้งสองของ'เย่ว์หยาง' คล้ายจะพูดว่า
“ถ้าข้าขำเจ้าจนขาดใจตาย เจ้าต้องรับผิดชอบ”
“ท่านเจ้าเมืองสาวที่นับถือ! ท่านตามหาข้าทำไม?”
'เย่ว์หยาง'อดคิดไม่ได้ว่า ต่อให้ไม่ต้องการแลกทองตอนนี้ แต่เขาก็แลกเปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียใจถึงการกระทำที่ผ่านไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการแลกเปลี่ยนผลสำเร็จในการสู้กับ 5 ขุนพลปีศาจไม่ใช่หรือ?
เขาก็แค่ฆ่าขุนพลปีศาจอีก 5 ตนในคราวต่อไปก็ได้ พวกขุนพลปีศาจไม่มีคัมภีร์อัญเชิญ ไม่มีโล่ห์แสงคอยคุ้มกันพวกมัน ดังนั้น'เย่ว์หยาง'มั่นใจว่าสามารถโค่นล้มพวกมันได้ สำหรับแม่ทัพปีศาจและเสนาบดีปีศาจที่เหนือชั้นกว่าขุนพลปีศาจ 'เย่ว์หยาง'ไม่เคยพบพวกมันมาก่อน
ดังนั้น'เย่ว์หยาง'ไม่รู้จักฝีมือพวกมัน แม้ว่า'เย่ว์หยาง'ไม่ใช่คู่ต่อสู้พวกนั้นได้ แต่ด้วยความช่วยเหลือของ'เสี่ยวเหวินหลี' เขาสามารถจะหนีเอาตัวรอดได้ทั้งหมดแทนที่จะถูกฆ่าตาย สำหรับจ้าวปีศาจนั้น
'เย่ว์หยาง'ตัดสินใจไม่คิดเรื่องเป็นนักสู้ที่สามารถต่อกรกับจ้าวปีศาจในตอนนี้่ก่อน เสนาบดีปีศาจก็ถือว่ามีระดับฝีมือที่สูงส่งพอแล้ว 'เย่ว์หยาง'เชื่อถึง 99% ว่าเสนาบดีปีศาจจะต้องมีคัมภีร์อัญเชิญแน่นอน เขาไม่ควรกัดก่อนที่จะชิมลาง
ถ้ามีโอกาส เขาอยากจะสู้กับแม่ทัพปีศาจดู นั่นคือความปรารถนาเล็กๆ ของ'เย่ว์หยาง' เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ค่อยๆ ระงับอาการขำไม่หยุดและเสียงหัวเราะที่น่าหลงใหลของนาง แล้วโอบไหล่ของ'เย่ว์หยาง'แบบพี่น้องกล่าวว่า
“เห็นว่าเจ้าคือหัวหน้าองครักษ์ในอนาคตของข้าหรอกนะ แน่นอนว่าเจ้าจะได้รับประโยชน์ หากว่าข้าได้อะไรดีๆ มา ข้ากำลังเตรียมตัวสู้กับปีศาจที่น่ากลัว และจำเป็นต้องมีผู้ช่วย มาเถอะ มาช่วยกันคิดกลยุทธเอาชนะปีศาจกัน”
“ข้าไม่เอาด้วยหรอก”
'เย่ว์หยาง'ปฏิเสธแทบจะทันที
นั่นคือคำเชิญที่ซ้ำซ้อนกัน ด้วยความแข็งแกร่งดุดันของสตรีนางนี้ นางก็ยังไล่ตามปีศาจนี้ไม่ได้ง่ายๆ สู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง เท่ากับหาที่ตายมิใช่หรือ? นอกจากนี้ การหารือกลยุทธยังดึงดูดความสนใจของ'เย่ว์หยาง'ไม่ได้ เว้นเสียแต่เจ้าเมือง'โล่วฮัว'จะเชิญเขาไปปรึกษากลยุทธบนเตียง เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ดูเหมือนจะคาดการณ์ถึงคำตอบของ'เย่ว์หยาง'ไว้แล้ว นางไม่สนใจขณะกล่าวว่า
“อย่ามาทำตัวเป็นเด็กเจ้าอารมณ์กับข้าเลย ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ฟังคำแนะนำของข้า เจ้าจะได้ทำถูก ถ้าเจ้าทำตัวเป็นเด็กดี เดี๋ยวเจ๊จะเลี้ยงขนม...”
'เย่ว์หยาง'ทำหน้าย่น
“......”
เขาต้องการแยกตัวจากเจ้าเมือง'โล่วฮัว'ที่กำลัวโอบไหล่เขาอยู่แล้วเดินหนีไป แต่สัมผัสที่นุ่มนวลที่นางทำให้เขารู้สึกยอดเยี่ยม ทำให้เขาชักไม่อยากจะแยกจากมา กลิ่นไอหอมที่ฟุ้งมาจากด้านข้างของนางมันชอนไชเข้าไปในหัวใจของเขา แม้ว่า'เย่ว์หยาง'จะดูดีในภายนอก แต่ในความเป็นจริง เขาก็ยากลำบากในบางสถานการณ์ เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ใช้นิ้วเชยคางของ'เย่ว์หยาง'ขณะที่กล่าวว่า
“โจรน้อย! เจ้าไม่ต้องการคนสวยเหรอ? แข็งแกร่งและสวยมากเชียวนะ?”
“ต้องการสิ”
'เย่ว์หยาง'คิดในใจ นั่นชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ? บรรดาผู้ชายทั้งโลก นอกจากพวกพฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นอย่างอื่น ใครไม่ชอบสาวสวยกันเล่า? เป็นไปได้ว่าความสุขของชีวิตเขาคงได้เริ่มต้นเสียทีกระมัง?
เจ้าเมือง'โล่วฮัว'นี้นางคงรู้สึกเปล่าเปลี่ยวและคงต้องการให้เขาปลอบประโลมนางใช่ไหม? แต่ว่าสตรีนางนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เป็นผู้หญิงแบบนั้น ที่ผู้ชายชอบมีสัมพันธ์ชั่วคืน รูปร่างของนางคล้ายกับ'อี้หนาน' ดูเหมือนว่านางยังคงเป็นหญิงบริสุทธิ์ แล้วนางจะขอให้เขามีสัมพันธ์หลังพบกันเพียง 2-3 ครั้งได้อย่างไร?
“ข้ารู้จักสถานที่มีสาวงามที่แข็งแกร่ง ไปด้วยกัน ไปโค่นนางกันเถอะ”
เจ้าเมือง'โล่วฮัว'กำลังพยายามทำให้'เย่ว์หยาง'ว้าวุ่นใจ
“ท่านบอกว่าสองเราเหรอ?”
'เย่ว์หยาง'เริ่มเหงื่อตก
เป็นไปได้ว่าเจ้าเมือง'โล่วฮัว'คงเป็นสาวประเภทหญิงชอบหญิง
“ถ้าข้าไม่ช่วยเจ้า ด้วยฝีมือโจรน้อยอย่างเจ้าจะโค่นนางพญากระหายเลือด อสูรชั้นทองระดับ 5 ได้หรือ?”
เมื่อเจ้าเมือง'โล่วฮัว'พูดอย่างนั้น 'เย่ว์หยาง'กลิ้งลงกับพื้นทันที แน่นอนว่า แม่นางผู้นี้ไม่ได้ตามหาเขาไปขึ้นเตียง ไม่ได้ชวนไปจีบสาว นางตามหาเขาเพื่อไปเป็นลูกหาบ อสูรทองระดับ 5 หรือ? ความแข็งแกร่งระดับนั้นแทบจะเทียบเท่ากับไคเมรา 3 หัว และชื่อของอสูรฟังดูแล้วน่ากลัวในตัวเองอีกด้วย นางพญากระหายเลือด..
ดูเหมือนอย่างน้อยมันก็เป็นจ้าวอสูรทอง ถ้าไม่ใช่ มันก็ควรจะพอๆ กับระดับปีศาจจ้าวนรก ถ้าเป็นแค่เขากับเจ้าเมือง'โล่วฮัว' เขาไม่รู้ว่าเขาจะโดนนางพญากระหายเลือดเล่นงานจนหมอบหรือด้วยวิธีอื่นใดกันแน่ 'เย่ว์หยาง'ดิ้นออกจากอ้อมแขนเจ้าเมือง'โล่วฮัว'และเดินจากมา
“ไม่เอาด้วยหรอก, ข้าไม่ชอบหาเรื่องเจ็บตัว”
เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ไล่ตามมาทันเขาและเริ่มบรรยายแผนการตลาดของนาง
“โจรน้อย! ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำงานหนักสักหน่อย ข้าจะรับหน้าที่หลักเป็นคนบุกเอง และเจ้าแค่รับผิดชอบคอยไล่แมลงเล็กน้อยที่คอยกวนใจอยู่รอบนอก เมื่อเราชนะ ข้าจะให้นางพญากระหายเลือดกับเจ้า คิดดูสิ ถ้าเจ้าทำสัญญากับนางได้ กับอสูรทองระดับ 5 นางพญากระหายเลือด มันเป็นการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเมื่อเจ้าเรียกนางออกมา นางจะกวาดล้างทุกอย่างที่นางผ่านไป ข้าเห็นว่าเจ้ายังขาดอสูรอัญเชิญที่แข็งแกร่งอยู่ แม้ว่าหมาป่า 2 หัวจะมีอนาคตที่สดใส แต่มันก็ยังเป็นอสูรร่างสัตว์ป่า มันสู้ได้แค่บนภาคพื้นดิน แล้วเจ้าจะทำอย่างไรเมื่อเจออสูรรูปแบบสัตว์ปีก? อย่าบอกนะว่าเจ้าจะปล่อยให้อสูรนกทะเลเอาชนะเจ้าได้ ถ้าเจ้ามีนางพญากระหายเลือด เพราะร่างที่สองของนางก็คือมังกรยักษ์”
“ถ้าอย่างนั้น ท่านเจ้าเมืองต้องการอะไร เมื่อเราชนะ?”
'เย่ว์หยาง'ไม่เข้าใจสถานการณ์ อาจเป็นได้ว่ามีผู้เสียสละอย่าง'เหลยเฟิง' (เขาคือยุวคอมมิวนิสต์ตัวอย่างในยุคเหมาเซตุง) อยู่ในทวีปมังกรทะยานนี้ 'เย่ว์หยาง'แอบร่ำไห้ในใจ
“ข้ารู้แล้ว”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าเมือง'โล่วฮัว'พูดต่อ 'เย่ว์หยาง'จ้องมองนางด้วยอาการบ้าใบ้อีกครั้ง ทั้งนี้เป็นเพราะเจ้าเมือง'โล่วฮัว'ได้พูดว่า
“สิ่งที่ข้าต้องการก็คือจินตนาการของนางพญากระหายเลือด ดอกปีศาจงดงาม เจ้าไม่รู้ แต่ข้ายังขาดดอกปีศาจงดงามมาประดับที่หน้าต่างข้า”
“ตกลง”
เมื่อ'เย่ว์หยาง'ได้ยินเช่นนี้ เขาเกรงว่าเจ้าเมือง'โล่วฮัว'จะถอนคำพูดนาง จึงรีบคว้ามือทั้งสองของนางทันทีถือโอกาสเอาเปรียบนาง และยอมรับข้อตกลงราคาถูก
“ข้ารู้ว่าเจ้า โจรน้อยคงไม่สามารถทนต่อสิ่งล่อใจได้แน่”
เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ดูเหมือนจะรู้ว่า'เย่ว์หยาง'ยอมรับข้อตกลงแล้ว จึงได้หัวเราะออกมาดังๆ
“เจ้าน่ะ เป็นสหายที่ไม่นึกถึงอนาคตเลยนะ เจ้ายอมเชื่อคนอื่นง่ายๆ ได้อย่างไร? เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าสตรีก็โกหกเป็นเหมือนกัน?”
“…”
พอได้รับบทเรียนชีวิต 'เย่ว์หยาง'ทำอะไรไม่ถูกได้แต่เหงื่อตก นางยังคงเทศนาเรื่องความดีและความชั่วต่อไป
“อย่าห่วงเลย, ข้าไม่หลอกโจรน้อยอย่างเจ้าหรอกน่า เพราะเจ้าคือหัวหน้าองครักษ์ในอนาคตของข้า”
เจ้าเมือง'โล่วฮัว'หัวเราะคิกคักเบาๆ
“ข้าแค่อยากเตือนเจ้าว่า อย่าเชื่อคนอื่นง่ายนัก ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี ถ้าเจ้ามีเรื่องต้องทำตอนนี้ ข้าจะให้เวลาเจ้าไปทำให้เสร็จภายในครึ่งวัน”
“ไม่จำเป็น”
เขาสะดุ้งในใจเล็กน้อย มันคงไม่สายเกินไป หากเขาฆ่านางพญากระหายเลือดก่อนแล้วค่อยไปพบกับ'เย่ว์ปิง'และ'อี้หนาน'ก็ได้กระมัง? ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางสามารถยกระดับนักรบมนุษย์พฤกษาและเพกาซัสเงินตัวน้อยของพวกนางขณะรอคอยก็ได้ สำหรับตัวเขาเอง
เขายังขาดอสูรที่บินได้ ถ้าเขาใช้ให้เงาปีศาจชิงร่างนางพญากระหายเลือดและเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้เหมือนโคเงา กำลังรบของเขาก็จะยกระดับขึ้นได้มากในที่สุด นางพญากระหายเลือด อสูรทองระดับ 5 เขาอาจจะไม่สามารถพูดแทนคนอื่นๆ แต่ความแข็งแกร่งของนางพญากระหายเลือดไม่ใช่เล็กน้อยแน่ ถ้าเขาทำได้สำเร็จจริงๆ อย่างนั้นเมื่อเขากลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ เขาจะสามารถเหยียบย่ำครอบครัวที่หนึ่งและที่สองที่เห็นแก่ตัวนั้นได้ เขาเชื่อว่าเขาอาจไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่ไร้ลักษณ์ปราณขั้นก่อกำเนิดหรือ'เสี่ยวเหวินหลี'เพื่อกู้ชื่อคืนมาให้แม่สี่ได้ พอเห็นว่า'เย่ว์หยาง'เริ่มส่ายศีรษะ เจ้าเมือง'โล่วฮัว'จับมือเขาทันที
“อย่าห่วงเลย เราจะกลับมาในไม่ช้า พลังของน้องเจ้า ยังนับว่าไม่เลว จะไม่มีปัญหาหากนางฝึกอยู่ในวงกตศิลาดำ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าไม่ควรปกป้องนางจนเกินไป บางครั้งเจ้าก็ควรให้อิสระนางบ้าง เราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลยไหม? ตอนนี้อย่าปล่อยให้พวกจากแดนปีศาจได้มันไปเลย”
“แดนปีศาจหรือ?”
'เย่ว์หยาง'ชะงักค้าง
นางพญากระหายเลือดไปทำอะไรไว้กับพวกในแดนปีศาจ? เป็นไปได้ว่านางพญากระหายเลือดจะอาศัยอยู่ในแดนปีศาจงั้นหรือ?
“นางพญากระหายเลือดยังเป็นจ้าวอสูรทองใหม่ๆ อยู่ จะเอาชนะนางได้ในตอนนี้ง่ายที่สุด ถ้าเรารอให้ผ่านไป 2-3 เดือนปล่อยให้นางพลังกล้าแข็งขึ้นจนเลื่อนเป็นอสูรทองระดับ 6 มันจะมีปัญหายุ่งยากตามมา สัตว์อสูรทุกตัว ทันทีที่ไปถึงระดับ 6 ความสามารถของพวกมันจะเพิ่มขึ้นจากเดิมนับสิบเท่า อย่างไรก็ตาม ทันทีที่อสูรทองแดง, เงิน, ทองเลื่อนชั้นเป็นระดับ 6 พวกมันจะไม่สามารถวิวัฒนาการแปรเปลี่ยนรูปได้ แม้แต่ระดับทองขาวก็มีเพียงไม่กี่ชนิดที่จะมีโอกาสวิวัฒนาการแปรเปลี่ยนรูปได้ หมาป่าปีศาจ 2 หัวของเจ้าอย่าปล่อยให้มันเลื่อนเป็นเป็นชั้นทองแดงระดับ 6 เจ้าต้องให้มันวิวัฒนาการแปรเปลี่ยนรูปเป็นอสูรเงินก่อน มิฉะนั้นมันจะมีชะตาเป็นลูกหาบรับงานหนักที่ไร้ประโยชน์”
เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ดึง'เย่ว์หยาง'พาวิ่งไปและอธิบายไป
'เย่ว์หยาง'ตั้งใจฟังนางอย่างจริงจัง เขาแค่ฟังความลับในการบ่มเพาะอสูรเหล่านี้จากนาง หากไม่ใช่เพราะนางเขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครอื่นยอมบอกเรื่องเหล่านี้ ถ้ามันขึ้นไปถึงชั้นทองแดงระดับ 6 เขาคาดว่าจะเพิ่มพลังไฟให้'ฮุยไท่หลาง' นับว่าโชคดีที่'ฮุยไท่หลาง'ตอนนี้ยังเป็นอสูรทองแดงระดับ 5 ยังคงมีโอกาสสำหรับมันที่จะวิวัฒนาการไปเป็นอสูรเงิน
“แล้วอะไรที่จะทำให้หมาป่าปีศาจวิวัฒนาการแปรเปลี่ยนรูปไปเป็นอสูรเงิน?”
'เย่ว์หยาง'กระหายใคร่รู้จึงได้ถามขึ้น เขารู้ว่า ความรู้เหล่านี้เป็นความลับสุดยอดที่คนอื่นจะไม่ยอมบอกกับเขาได้โดยง่าย แต่เขาก็ยังตื๊อถามเจ้าเมือง'โล่วฮัว'อยู่ดี
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=85