ตอนที่ 75 ไม่มีลูกพี่คอยปกป้องย่อมไม่ได้
'เย่ว์หยาง'รีบวิ่งไปที่สถานพยาบาลและพบกับ'อี้หนาน'ที่ออกมาพร้อมกับ'เย่ว์ปิง'หลังจากตรวจสุขภาพแล้ว
ทันทีที่บอกเล่าเรื่องผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตให้นางฟัง 'เย่ว์ปิง'รู้สึกว่าเป็นเรื่องช่วยอะไรไม่ได้แต่รู้สึกใจเต้นรัว นางรู้ดีว่าของทั้ง 2 ชิ้นนี้ราคาหลายพันเหรียญทอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลแห่งภูมิปัญญาจะทำให้ความฉลาดของสัตว์อสูรมีพัฒนาการก้าวหน้า ของทั้งสองชิ้นนี้มักประมูลด้วยราคาเกิน 2 พันเหรียญทอง บางครั้งราคาก็ขึ้นไปถึง 3 พัน ของแพงแบบนี้เป็นสิ่งที่เกินเอื้อมสำหรับนาง
ขณะที่กิ่งแห่งพฤกษาชีวิต จะมีประโยชน์ในการเพิ่มระดับของนักรบมนุษย์พฤกษาได้ แต่พฤกษาชีวิต ก็เหมือนกับผลแห่งภูมิปัญญา เป็นส่วนผสมที่สำคัญในการทำยา ตัวอย่างเช่น เป็นส่วนผสมที่จำเป็นสำหรับทำยากระตุ้นภูมิปัญญาสัตว์อสูรจะต้องใช้ทั้งผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งพฤกษาแห่งชีวิต
"พี่สาม! ลืมมันเสียเถอะสินค้าที่ดีที่สุดในบ้านประมูลจะเป็นของที่ประมูลแข่งขันของนิกายใหญ่ทั้งสี่และราชตระกูลใหญ่ทั้งสาม ดังนั้นไม่มีทางที่จะขึ้นไปเทียบกับพวกเขาได้แน่"”
'เย่ว์ปิง'กล่าวแบบนี้เพื่อกลบเกลื่อน
ขณะที่นางบอกกล่าว ตระกูลใหญ่ทั้ง 4 ก็ยังเป็นคู่แข่งหลักในบ้านประมูลด้วย แต่อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์หยาง'และ'เย่ว์ปิง'มาจากครอบครัวที่สี่ และตระกูลเย่ว์ก็ไม่ถือว่าคนจากครอบครัวที่สี่มีค่าอะไรสำหรับพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมจ่ายเงิน 2-3 พันเหรียญเพื่อให้พี่น้องเหล่านี้ได้ซื้อผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งที่ยอดเยี่ยมแห่งพฤกษาชีวิต
ถ้าเป็น'เย่ว์เทียน' 'เย่ว์เยี่ยน'หรือหรือ'เย่ว์เฟิง'ที่เพิ่งมีชื่อเสียงด้วยศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ บางทีผู้อาวุโสของตระกูลเย่ว์อาจเห็นด้วยให้ใช้ทองจำนวนมหาศาลเพื่อบ่มเพาะปลูกฝังพวกเขาเราก็แค่ไปดูกัน
'เย่ว์หยาง'รู้ว่าเขาไม่มีเงินกับตัว แต่เขาไม่เคยตั้งใจจะใช้เงินประมูล จริงๆ แล้วเขาเตรียมตัวดูว่าใครประมูลมันได้สำเร็จ จากนั้นค่อยขโมยเอามาจากพวกเขา เพื่ออนาคตของ'เย่ว์ปิง'น้องสาวที่มีค่าของเขา
'เย่ว์หยาง'ไม่สนใจว่าจะต้องกลายเป็นขโมยที่ขวางเส้นทางของคนอื่น คนแปลกหน้าในสายตาของเขา 'เย่ว์หยาง'ถือว่าเขาทำสมบัติตก แล้วทำไมจะต้องฉกเอาจากเขาเล่า
ขณะที่พวกเขาคุยกัน มีคน 3 คนกำลังออกมาจากห้องรักษา 'เย่ว์หยาง'เห็นใบหน้าคนพวกนั้นคุ้นๆ ก็จำได้ว่าพวกเขาคือ 3 ดาวเพชรฆาตผู้ยิ่งใหญ่ ดูเหมือนว่าพวกเขาเอาชนะ'ขุนพลปีศาจ'ได้สำเร็จและได้ชัยชนะกลับมาจากการรบในแดนปีศาจ
อย่างไรก็ตาม 'เฟิงชิชา', 'หยานโพ่จุน'และ'เสวี่ยทันหลาง'ปัจจุบันนี้ไม่ได้มีท่าทางสง่างามเหมือนเมื่อก่อน เกราะของ'เฟิงชิชา'แตกเป็นเสี่ยงและดูเหมือนว่าได้รับบาดแผลหนักไม่เบา แม้ว่าเขาจะฟื้นจากอาการบาดเจ็บแล้ว แต่จิตวิญญาณของเขายังคงหมุนติ้วซึ่งเป็นผลกระทบจากการต่อสู้
มือของ'หยานโพ่จุน'พันผ้าไว้จนเหมือนลูกซาลาเปา มือของเขายังถือหินบำบัดที่ยังเปล่งแสงสีขาว ดูเหมือนว่าแผลจะยังไม่หายดี มีเพียง'เสวี่ยทันหลาง'ที่ยังดูดีกว่าคนอื่น เขายังคงรักษาภาพจน์ว่า
"ข้าคือบุรุษน้ำแข็ง ฉะนั้นอย่ามาใกล้ข้า เจ้าคนแปลกหน้า"”
แต่มีข้อสังเกตว่ามีแต่เพียงชุดของเขาขาดรุ่งริ่งจนดูเหมือนเสื้อผ้าของพวกขอทาน แม้ว่าพวกเขากลับมาพร้อมกับชัยชนะ 'เย่ว์หยาง'เห็นว่าราคาที่พวกเขาต้องจ่ายไปก็ไม่ใช่น้อย ไม่เหมือนกับเขา เขาทำลาย'ขุนพลปีศาจ'โดยไม่สูญเสียอะไรเลย
พอเห็นว่าทุกคนจากกลุ่มของ'เย่ว์หยาง'รอดชีวิตกลับมา 'เสวี่ยทันหลาง'ทำอะไรไม่ถูกได้แต่สะดุ้ง จากนั้นพอเห็นว่า'เย่ว์หยาง'กำลังฉีกยิ้มมาให้ ทั้งสามคนรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกเกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ เจ้าคนหน้าด้านผู้นี้สามารถหนีกลับมาถึงนี่ได้ แต่สวะในทีมของพวกเขาทั้งหมดยังรอดกลับมาด้วยหรือ?
เป็นไปได้ว่า'ขุนพลปีศาจ'ที่ทีมของพวกเขาสู้ด้วยคงทำมาจากเต้าหู้หรือเปล่า? แต่นี่เป็น'ขุนพลปีศาจ' เป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะสู้กับ'ขุนพลปีศาจ'ได้ ด้วยเพียงนักรบสวะไม่กี่คน
พวกเขาหนีออกมาโดยไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายได้อย่างไร? พอเห็นว่า'เย่ว์หยาง'ปรากฏตัวโดยไม่มีอาการบาดเจ็บตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกับว่าเข้าไปในแดนปีศาจเพื่อเดินเล่นพักผ่อน เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชา บุรุษน้ำแข็งถลันเข้ามาข้างหน้า'เย่ว์หยาง' จ้องตา'เย่ว์หยาง' และยื่นคำขาดพูดว่า
"เรามาพิสูจน์เป็นตายกันเถอะ เจ้าเลือกเวลาและสถานที่ได้เลย"”
ก่อนที่'เย่ว์หยาง'จะอ้าปากพูดกับฝ่ายตรงข้าม เขาก็หมุนตัวและเดินจากไป
'เย่ว์หยาง'ไม่มีวิธีรับมือกับเจ้าหนุ่มน้ำแข็งผู้นี้จริงๆ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดชัดๆ ถ้าแม่นางจากตระกูลเสวี่ยต้องการแต่งกับเขาจริงๆ นางก็สามารถนั่งอยู่ในเกี้ยวแต่งงานสีแดงมาหา ให้คู่บ่าวสาวคารวะกันและกันแล้วส่งตัวเข้าเรือนหอมีความสุขกับชีวิตที่ดี ทำอย่างนี้ก็จบแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาถึงต้องมาสู้เสี่ยงตายกันด้วยเล่า? ถ้านางไม่ต้องการแต่งกับเขา อย่างนั้นนั่นน่าจะดีกว่า ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายผิด แต่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนปฏิเสธ การแต่งงานครั้งนี้ถูกเป่ากระจายไม่มีชิ้นดี นางเองก็ได้รับอิสระด้วยเช่นกัน
"เอ๋?"”
ขณะที่'เฟิงชิชา'เตรียมจะจากไป เขาตกใจที่พบว่า'ฮุยไท่หลาง'กลายเป็นหมาป่าปีศาจ 2 หัว เขาประหลาดใจ นั่นหมาป่าปีศาจ 2 หัวชั้นทองแดงระดับ 5 ไม่ใช่หรือ? มันเป็นหมาป่าปีศาจหลังเหล็กชั้นทองแดงระดับ 4
เมื่อตอนที่พวกเขาเข้าแดนปีศาจ แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ มันวิวัฒนาการอย่างง่ายดายกลายเป็นหมาป่าปีศาจ 2 หัวชั้นทองแดงระดับ 5 มันเติบโตเร็วจนน่ากลัวไม่ใช่หรือ? พัฒนาการและเพิ่มระดับเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เขาเดินไป ดูเหมือนต้องการจะสอบถามเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ'ฮุยไท่หลาง' แต่อนิจจา 'เย่ว์หยาง'ทำเป็นเหมือนว่ามองไม่เห็นเขา 'เย่คง'และคนอื่นๆ ยังตามมากันเป็นชุด
ถ้าพวกเขาไม่เงยหน้ามองหาดาว ก็ก้มหน้านับตัวมด 'เจ้าอ้วนไห่'ทำเหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นและเริ่มผิวปาก เป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น สัตว์อสูรมีวิวัฒนาการถือเป็นความลับใหญ่
ดังนั้นจะมีเจ้าโง่ที่ไหนที่จะบอกเล่าอะไรแก่เขา? โดยปกติแล้ว 'เย่ว์ปิง'และ'อี้หนาน'รู้จัก'เฟิงชิชา'และคนอื่นในสามดาวเพชรฆาตผู้ยิ่งใหญ่ แต่พวกนางไม่ใช่สาวๆ ประเภทคอยตามกรี๊ดกร๊าดยามเห็นพวกเขา พวกนางเห็นว่า'เย่ว์หยาง'และ 3 ดาวเพชรฆาตไม่ค่อยเอื้อเฟื้อกัน พวกนางก็เลยไม่ตอบรับอีกฝ่าย กลับเป็นสองในสามของพวกเขาเอาแต่คุยกันเองเบาๆ
'เฟิงชิชา'รู้ว่าเขาล้ำเส้นไปหน่อยและรู้สึกหวาดนิดหน่อย อย่างไรก็ตาม เขายังคงรักษาท่าทีที่สง่างามเอาไว้และพยักหน้าเล็กน้อยให้'เย่ว์หยาง'ก่อนจะก้าวยาวๆ จากไป
หลังจากเดินออกมาพอประมาณแล้ว เขาหันกลับไปมอง'ฮุยไท่หลาง'อีกครั้ง ดูเหมือนเขาสนใจ'ฮุยไท่หลาง'มากจริงๆ
"สวัสดี..เย่ว์ปิง"”
'หยานโพ่จุน'ทักทาย'เย่ว์ปิง'ก่อน แต่ตาเขายังจ้องมอง'เย่ว์หยาง' เขายิ้มเต็มใบหน้าแล้วพูดว่า
"ถ้าเป็นอย่างนั้นผู้เยาว์ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลเย่ว์ก็คงไม่ใช่คุณชายใหญ่เย่ว์เทียน ไม่ใช่คุณชายสี่เย่ว์เยี่ยนสินะ น่ายินดีจริงๆ ที่ได้บุกเข้าแดนปีศาจได้พร้อมกับสหายที่โดดเด่นอย่างท่าน ขอข้าแนะนำตัวเองก่อนนะ ข้าชื่อหยางโพ่จุนเป็นประธานสหภาพนักเรียนระดับสูงในสถาบันฉางจิง คุณชายสาม ข้ามีความจริงใจขอเชิญท่านมาเข้าร่วมสถาบันฉางจิงของเรา และร่วมสหภาพนักเรียนระดับสูงด้วยกัน.."
"ข้าต้องขอโทษด้วย แต่ครอบครัวข้ายากจนและบ้านของเรามีแต่เพียงผนัง 4 ด้าน ข้าไม่มีเงินพอจะเข้าเรียนหรอก ดูเหมือนว่าข้าคงได้แต่ขอบคุณในความตั้งใจดีของท่านประธานหยานโพ่จุน"”
'เย่ว์หยาง'แทบอยากแสดงว่าตัวเป็นคนยากจนที่ต้องคอยกำจัดวัชพืชทุกวัน เป็นเด็กหลังเขาที่ไม่ได้มีโอกาสกินซาลาเปาแม้ในระหว่างตรุษจีน
“……”
'อี้หนาน'เหลือกตาของนางขณะได้ยินแบบนี้ นางคิดว่ามันน่าอายที่เขากล้ากุเรื่องแก้ตัวที่ไม่ดีอย่างนี้ขึ้นมา
"อุ๊ฟฟ"”
'เย่ว์ปิง'ขำ
"คุณชายสาม! ท่านล้อเล่นแล้ว! ไม่มีปัญหาในเรื่องเข้าเรียน เราสหภาพนักเรียนระดับสูงยอมรับนักเรียนระดับหัวกะทิ ไม่เพียงแต่เราจะให้ท่านได้เข้าเรียนฟรีเท่านั้น แต่เรายังจะให้ทุนการศึกษาแก่ท่านด้วย ถ้าคุณชายสามทรัพย์จาง ก็ขอให้บอกเรา"”
หน้าของ'หยานโพ่จุน'กระตุกเล็กน้อย อันที่จริงเขาอยากจะบีบคอเจ้าคนหน้าด้านทั้งเป็น เขาต้องการเงินไม่ใช่หรือ? ถ้าอย่างนั้น เขาควรพูดออกมาตรงๆ ทำไมต้องอ้างว่าบ้านมีแต่ผนัง ไม่มีอะไรอื่น? ถ้าตระกูลเย่ว์ของสี่ตระกูลใหญ่มีเพียงบ้านที่มีแต่ผนังสี่ด้านเฉยๆ โลกนี้ยังจะมีคนรวยอยู่อีกหรือ?
แน่นอนว่า'หยานโพ่จุน'สามารถบอกได้โดยความเข้าใจของตนว่า คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้ ที่ถูกชาวโลกล้อเลียนผู้นี้เป็นคนไร้ยางอายที่ปลอมตัวเป็นหมูกินเสือ สหายผู้นี้มีความแข็งแกร่งแน่นอน เขาเก็บมันไว้เป็นความลับที่มิดชิดและปฏิเสธที่จะเปิดเผยออกมา ถ้าเขาไม่มีความแข็งแกร่ง เจ้าเมือง'โล่วฮัว'จะยอมให้เขานำทีมบุกแดนปีศาจด้วยหรือ?
ถ้าเขาไม่มีความแข็งแกร่ง ยังจะกลับมาได้อย่างไม่มีรอยขีดข่วนงั้นหรือ? ไม่แต่เพียงแค่นั้น เขายังคงฉกดาบจันทร์เสี้ยวเอามาจากมือ'ขุนพลปีศาจ'ได้...
ถ้าไม่มีความแข็งแกร่งที่เหลือเชื่อ มีหรือที่'เสวี่ยทันหลาง'ผู้ที่เหมือนกับก้อนน้ำแข็งจะยอมเปิดปากขอท้าสู้พิสูจน์ความเป็นตายกัน ในเวลาสั้นๆ ถ้าใครเชื่อว่าเจ้าคนหน้าด้านนี่เป็นสวะ เป็นที่คาดได้เลยว่าเจ้าคนผู้นั้นต้องโชคร้ายแน่นอน
'หยานโพ่จุน'รู้สึกว่าเจ้าผู้นี้มีแผนการ เป็นคนมีพลังแข็งแกร่งแต่พยายามเก็บงำความแข็งแกร่งไว้เป็นความลับ มันอาจเขย่าโลกทั้งใบได้ในที่สุด ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าที่จะผูกมัดเขาในขณะที่เหล็กยังร้อน
ที่สำคัญก็คือ เมื่อช่วยคุณชายสามผู้หน้าด้านแห่งตระกูลเย่ว์ให้โดดเด่นอย่างรวดเร็ว จะทำให้เขามีพลังก้าวผ่าน'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน'ผู้ที่ยังคงท้าทายสถานะของเขา แม้แต่คนตายก็ยังได้ยินเสียงความขัดแย้งภายในตระกูลเย่ว์ ถ้าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์นี้โดดเด่นขึ้นมาภายในตระกูล เขาคงไม่ปล่อยให้พี่น้องชายทั้งสองมีวันเวลาที่ง่ายดายแน่นอน
“แอ้ม..อะแฮ่ม..ความจริง เกี่ยวกับเรื่องสถานที่เรียนของเขา เขาต้องฟังลูกพี่คนนี้”
'เจ้าอ้วนไห่'โอ้อวดทันทีและแค่นเสียงอย่างถือดีว่า
“เขาคือลูกน้องของข้า ไม่ว่าลูกพี่คนนี้ไปที่ไหน เขายังจะกล้าไม่ยอมติดตามข้าแต่โดยดีอีกหรือ?”
“เจ้าเป็นใคร?”
'หยานโพ่จุน'แสดงออกต่อเขาเหมือนกับมองเห็นมดที่มีเนื้อหนังมากกว่ามดปกติ
“อะไรกัน? เจ้าไม่รู้จักข้าจริงๆ เหรอ? ชั้นต่างๆ ในหอทงเทียน เจ้าคงมัวแต่ไปอยู่ในที่ๆ ไม่มีคนใช่หรือเปล่า? ใครบ้างที่ไม่รู้จักข้า ต้าไห่? แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงที่ข้าปกติจะไม่ทำตัวเด่น... แม้ว่าข้าจะเป็นผู้ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญและแรดหนังเหล็กชั้นทองแดงระดับ 2 ข้าก็ยังไม่อวดของเหล่านั้นเลย แต่ข้าก็ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ดี แม้ว่าข้าจะไม่อยากดัง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ข้าก็ทำไม่ได้เสียด้วย”
เขาทำเป็นตกใจและโดดพร้อมยกมือตั้งท่าในอากาศในลักษณะเกินจริง เขาตะโกนว่า
“ข้าต้าไห่ นักเรียนระดับหัวกะทิของสถาบันฉางชุนเถิง เมื่อเร็วๆ นี้ข้าพากลุ่มนักเรียนชั้นยอดไปชิงชัย 100 ตำแหน่งแรกในการแข่งขันยอดฝีมือของ 100 โรงเรียน เจ้ายังไม่รู้จักข้าอีกหรือ?”
สีหน้าของ'เจ้าอ้วนไห่'ดูเหมือนกับคนจะร้องไห้ประมาณว่า “ไม่รู้จักข้า เจ้าแพ้นะ” แต่'หยานโพ่จุน'พยายามเค้นสมองนึกอยู่นานจนถึงกับขมวดคิ้ว ในที่สุด เขาก็จำได้
“อ๊า..ตอนนี้ข้าจำได้แล้ว เจ้าคือเจ้าอ้วนที่พ่ายแพ้น้องชายข้าตกรอบภายในกระบวนเดียว ระหว่างแข่งรอบตัดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วใช่ไหม? แน่นอน, เจ้าดังมากเลย สามารถทำลายสถิติการแข่งขันของยอดหัวกะทิร้อยโรงเรียนตกรอบภายใน 10 วินาที”
“นั่นเป็นเพราะข้ายังเตรียมตัวไม่พร้อม ไม่ใช่แต่แค่นั้น ข้าเป็นคนใจดี ข้ากลัวว่า ถ้าข้าโจมตี ข้าจะต้องทำร้ายน้องชายของเจ้า!”
ขณะที่'เจ้าอ้วนไห่'พูดอย่างนี้ 'หยานโพ่จุน'แทบจะอาเจียนเป็นเลือด
“จริงเหรอ? งั้นข้าก็ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ที่ยอมอ่อนข้อให้”
ในที่สุด'หยานโพ่จุน'ก็พบว่าเจ้าอ้วนผู้นี้มีหนังหน้าที่หนากว่าที่เขาคิดเอาไว้ถึง 100 เท่าทีเดียว
“ด้วยความยินดี! ความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนิสัยข้าก็คือข้ามีเมตตา การอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้นเป็นความดีรองมาของข้า”
ก่อนที่'เจ้าอ้วนไห่'จะพูดจบ พี่น้องตระกูลหลี่ก็ไม่สามารถทนได้ต่อไปได้แอบไปหาที่อ้วกเงียบๆ
“ปีหน้าเจ้าจะเข้าศึกษาในสถาบันฉางชุนเถิงหรือ คุณชายสาม?”
'หยานโพ่จุน'ทำเป็นเมิน'เจ้าอ้วนไห่'ผู้หลงตัวเองและเอาแต่ยิ้มหน้าบานอยู่ และหันไปคุยกับ'เย่ว์หยาง'ต่อ
“เป็นไปไม่ได้ที่สวะอย่างข้าจะไปไหนมั่วๆ โดยไม่มีลูกพี่คุ้มครอง ไม่ว่าลูกพี่จะพูดอะไรก็ตาม ข้าก็จะทำมัน ถ้าเขาบอกให้ข้าไปทางตะวันออก ข้าไม่กล้าไปทางตะวันตกเด็ดขาด”
'เย่ว์หยาง'ยิ้มอย่างนอบน้อม
“เราทั้งหมดต่างก็เป็นนักรบของต้าเซี่ย ความจริงไม่ว่าเราจะเข้าเรียนที่ไหน ข้าหวังว่าเราสามารถเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกันและกันในครั้งต่อไป”
'หยานโพ่จุน'รู้ว่าตัวเขาเองชักจะห่างเหินกับ'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน'ในครั้งล่าสุด
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสนับสนุนให้'เฉินถู่หาว'เอาชนะ'เย่ว์ปิง' การที่เขาต้องการจะดึงคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์นี้มาอยู่ฝ่ายตนในเวลาสั้นๆ ก็คงไม่ถูกต้องนัก แต่เขาไม่ได้รีบร้อนมาก ตราบใดที่เขายังใช้ความขัดแย้งในตระกูลเย่ว์ได้ดีอยู่ ปล่อยให้ 3 พี่น้องทะเลาะกันเองไปก่อน สักวันเขาจะประสบความสำเร็จโค่นล้มตระกูลเย่ว์ได้
เขารีบเดินตรงมาหา'เย่ว์ปิง'และยิ้มเป็นเชิงขอโทษนาง เขาหวังว่าจะบรรเทาความโกรธของนางและเริ่มจับมือกับเย่คงและคนอื่นๆ ในที่สุดเขาก็เดินจากไปด้วยท่าทีสง่างาม หลังจากเขาไปแล้ว 'เย่คง'ทำหน้ามุ่ยทันที
“คนๆ นี้รับมือไม่ใช่ง่ายๆ เลย...”
'อี้หนาน'ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่หัวเราะออกมา
“ตอนนี้พวกเจ้าพูดถึงขยะไม่ใช่หรือ? เขาเป็นหนึ่งใน 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ ไม่ต้องพูดเลยว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน และเขายังมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเฟิงชิชาที่ไร้เหตุผลและเสวี่ยทันหลางผู้โอหัง ในฐานะที่เป็น 1 ใน 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่ แม้หลังจากเจอพวกเจ้าเชิดใส่และทำให้เขาลำบากใจ เขาก็ยังพูดกับพวกเจ้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม นั่นเป็นสิ่งที่คนทั่วไปทำได้หรือ ข้าเกรงว่าพวกเจ้าทุกคนจะไม่มีความหมายอะไรเลย แต่เขาก็ยังเป็นฝ่ายเริ่มจับมือกับพวกเจ้าอย่างเป็นมิตร ถ้าพวกเจ้าเป็นเขา พวกเจ้าจะทำแบบนี้ได้หรือ?”
'เย่ว์ปิง'ผงกศีรษะกล่าวว่า
“ข้าเคยได้ยินการประเมินของท่านปู่... ภายในพวก 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่ คนที่ยากรับมือในอนาคตที่สุดและจะประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือหยานโพ่จุน”
อย่างไรก็ตาม'เย่ว์หยาง'ผู้มีพลังญาณทิพย์สามารถมองเห็นความแข็งแกร่งของ'หยานโพ่จุน'ได้ทั้งหมด รู้สึกว่าเขาไม่ควรได้รับการประเมินสูงเกินไป แผนการของ'หยานโพ่จุน'นั้นไม่เลวอยู่ แต่คนที่มีพลังจริงๆ ยังคงเป็นเจ้าหนุ่มน้ำแข็งรูปหล่อ'เสวี่ยทันหลาง'
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่า พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง ไม่ยอมพูดอะไรที่ทักษะญาณทิพย์มองเห็นได้จะดีกว่า พอรีบเร่งไปถึงบ้านประมูลของนักรับ พวกเขาพบว่ามีแต่ทหารรับจ้างที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
หลังจากถามคนแถวๆ นั้นดูอีกครั้ง เขาพบว่า ทหารรับจ้างกลุ่มพายุสลาตันที่เป็นเจ้าของผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งแห่งพฤกษาชีวิต ตัดสินใจเลื่อนการขายของเหล่านี้ออกไปอีก 3 วัน เนื่องจากความไม่ลงตัวเรื่องราคา อย่างเช่น ราคามาตรฐานและบรรจุภัณฑ์สินค้าที่จะประมูล ความต้องการของพวกเขาแปลกมาก พวกเขากำลังเล็งหาการแลกเปลี่ยนที่ดีและไม่ได้มีการประมูล
กลุ่มทหารรับจ้างวายุสลาตันต้องการแลกเปลี่ยนผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตกับสัตว์อสูรชั้นทองแดงและมีระดับอย่างน้อย 5 ดาวหรือมากกว่า ไม่ใช่เพียงแค่นั้น พวกเขายังขอเป็นสัตว์อสูรเด็กและต้องไม่ใช่ไข่อสูรด้วย
“ข้ามีแผนแล้ว ไปกันเถอะ เราจะไปทำภารกิจหัวใจต้นโอ๊คที่วงกตศิลาดำกันเลย”
'เย่ว์หยาง'รู้สึกว่าถ้าเป็นข้อแลกเปลี่ยนอย่างนั้นก็ยังพอมีหวัง
“นั่นเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?”
'อี้หนาน'อึ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ใช่แล้ว”
'เย่ว์หยาง'ไม่กล้าพูดดังๆ ขณะที่เขากังวลว่าจะทำให้'เย่ว์ปิง'และ'อี้หนาน'กลัว
ตอนนี้ สิ่งที่เขายังดำเนินการไม่สำเร็จไม่ใช่แค่ภารกิจหัวใจต้นโอ๊คเท่านั้น แต่ยังต้องจับลูกของไฮดรา 9 หัวอีกด้วย.. เรื่องบ้าระห่ำอย่างนี้ ไม่ใช่จะทำได้ง่าย แต่'เย่ว์หยาง'รู้สึกว่า ยังคงเป็นไปได้ที่จะใช้สมองน้อยๆ ของเขาทำอะไรบางอย่างกับมัน
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=75