ตอนที่ 74 แดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
'เย่ว์หยาง'จับอสูรทองลึกลับและใช้ญาณทิพย์วิเคราะห์มัน
ในที่สุด ด้วยความประหลาดใจ เขาพบว่าเจ้าตัวเล็กนี้เขาไม่สามารถมองได้ด้วยทักษะญาณทิพย์ระดับ 2 แล้วที่แปลกที่สุดก็คือเจ้าอสูรทองลึกลับนี้ทำสัญญากับเขาโดยอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว
'เย่ว์หยาง'เคยพบเรื่องแบบนี้มาก่อนครั้งหนึ่ง นั่นคือปีศาจอสรพิษน้อย'เสี่ยวเหวินหลี' เป็นไปได้ว่าอสูรทองลึกลับตัวนี้จะมีลักษณะของอสูรชั้นเพชรงั้นหรือ? แล้วเงาสะท้อนนั่นคืออะไร? มันเหมือนกับมังกรจีนในตำนาน ทั้งยังมีปีกอีกด้วย หลังจากนั้น มันหลอมรวมกับโลกหะทอง กลายเป็นลักษณะผิดรูปร่าง สถานการณ์ยังคลุมเครือและสับสนอยู่
"เฮ้, เฮ้, มันกำลังละลาย!"”
'เจ้าอ้วนไห่'ร้องลั่นขณะที่'เย่ว์หยาง'กำลังถืออสูรทองลึกลับนี้และตรวจสอบมันอยู่
ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่าผิวของร่างเจ้าอสูรทองตัวนี้กำลังละลายมันได้คืนสภาพเป็นของเหลวทรงกลม แล้วหุ้มแก้วผลึกงูเขียวเข้มที่'เย่ว์หยาง'ไม่ยอมให้มันกิน
จากนั้น มันแนบตัวเองกับข้อมือ'เย่ว์หยาง'และเปลี่ยนสภาพเป็นกำไลมือที่แปลกประหลาด ตรงกลางกำไลมือ มีปลายแหลมเล็กที่โผล่ออกมาจากผลึกงูสีเขียวเข้ม
ในขณะเดียวกัน มันก็คายปราณปีศาจที่สับสนที่มันไม่ต้องการออกทางปลายกำไลข้อมือเมื่อเขาใช้จิตเชื่อมกับมัน เขาพบว่าเจ้าตัวเล็กหลับสนิทอย่างสบายไปแล้ว..มันไม่เหมือนกับอสูรทองขนาดเล็ก มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากกว่า อีกทั้งตลอดทั้งตัวของมันทำด้วยทอง แปลกมากจริงๆพอเจอกับสัตว์อสูรแปลกๆ 'เย่ว์หยาง'คิดว่าไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไหร่ เขาเอาแต่จมอยู่ในความเงียบในที่สุดเขาเก็บความอยากรู้อยากเห็นแล้วมอง'อี้หนาน'แทน
“ข้าไม่รู้เรื่องนี้แต่อย่างใด”
นางโบกมือให้ทั้งที่ยังพิศวงเช่นกัน นางหยุดอีกครั้งและอธิบายแผ่วเบา
“ข้าเคยได้ฟังตำนานมาเรื่องหนึ่ง นานมาแล้ว บรรพบุรุษของข้าเป็นนักรบระดับที่แข็งแกร่งสุดยอด เมื่อเขาฝึกตัวในหอทงเทียนจนถึงชั้นที่ 8 เขาถูกปีศาจระดับสูงทำร้าย ยามที่ชีวิตของท่านตกอยู่ในอันตราย ท่านได้รับการช่วยเหลือจากอสูรลี้ลับที่บังเอิญผ่านมา อย่างไรก็ตาม พอเห็นเช่นนั้นพวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอสูรในตำนาน พวกปีศาจชั้นสูงขอความช่วยเหลือ โดยร่วมมือกันอัญเชิญมังกรกระดูกที่น่ากลัว จ้าวปีศาจฤดูหนาว เหล่าปีศาจจากนรก จ้าวมังกรดำนรกและปีศาจอื่นๆรุมเข้าโจมตีอสูรลึกลับพร้อมกันทุกทิศทาง การศึกระหว่าง 2 ฝ่ายเกือบทำลายทั้งสวรรค์และโลก จนไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่มีแสงจันทร์ และมีฝุ่นกระจายฟุ้งไปทั่ว บรรพบุรุษข้าไม่สามารถเข้าใกล้สมรภูมิได้เลยและสามารถหนีไปได้ก็ช่วงเวลานี้ ท่านบรรพบุรุษไม่รู้ว่าการต่อสู้ดำเนินไปอย่างไร ทั้งเขาไม่สามารถหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์ใดๆได้ ในที่สุด เขาแค่พบเจอชิ้นอัญมณีที่แตกชิ้นหนึ่ง ในความเป็นจริง สร้อยคอนั้นหายไปเมื่อไม่กี่ร้อยปีมาแล้ว เพียงร้อยปีที่ผ่านมา มันก็ออกมาได้ในที่สุด ครั้งหนึ่ง ท่านป้าของข้าเอามันออกมาประเมินพบว่ามันมีพลังกักอยู่ในนั้นน้อยมาก ไม่มีสัญญาณของชีวิตแสดงออกมา นางสงสัยว่ามันอาจเป็นของที่ปลอมมาอย่างดีก็ได้ และมันก็ถูกสร้างโดยใครบางคน ดูเหมือนว่าตอนนี้ ตำนานจากเมื่อนานมาแล้ว จะกลายเป็นจริง นี่เหมือนจะเป็นผลึกแกนพลังของสัตว์อสูร แต่ข้าไม่รู้ว่าเป็นสัตว์อสูรชนิดไหน”
“ไม่ว่ามันคืออะไร มันก็ยังดีตราบใดที่มันเป็นเรื่องจริง”
จากส่วนลึกในใจ 'เย่ว์ปิง'ยินดีกับพี่ชายนาง สำหรับพี่ชายนาง การได้ครอบครองอสูรทองลึกลับตัวนี้ จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“เราต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ มิฉะนั้น เรามีปัญหาใหญ่ในมือแน่”
ขณะที่'เย่คง'พูดเรื่องนี้ ทุกคนมองหน้า'เจ้าอ้วนไห่'
"พวกเจ้ามองข้าทำไม? คิดหรือว่าจะเป็นพวกแม่ๆ จอมนินทาพรรค์นั้น? พวกเจ้าไม่ยอมเข้าใจข้าเลย รักษาความลับเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ดีที่สุดโดยวิธีทำตัวไม่ให้เด่น คิดดูสิ ข้ามีคัมภีร์อัญเชิญอยู่เล่มหนึ่งมีแรดผิวเหล็กชั้นทองแดงระดับ 2 แล้วข้าเคยอวดเรื่องนี้กับใครมาก่อนหรือเปล่า? ข้าไม่ใช่คนพรรค์นั้น"”
'เจ้าอ้วนไห่'ไม่อธิบายอะไรเลยยังจะดีกว่า
ทันทีที่เขาอธิบายทุกคนรู้สึกว่า'เจ้าอ้วนไห่'ไม่สามารถรักษาความลับไว้ได้จริงๆ วิธีรับมือเขาที่ดีที่สุดคือฆ่าปิดปากเขา ทุกคนจ้องจน'เจ้าอ้วนไห่'ชักกลัวขึ้นมาจริงๆ เขารีบสาบานว่าเขาจะปกป้องความลับก่อนที่ทุกคนจะปล่อยเขาขณะที่เจ้าอสูรทองลึกลับ ก็ไม่มีใครสามารถกำหนดได้ว่าตรงไหนหัว ตรงไหนหางของมัน
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดทุกคนก็เห็นสัตว์อสูรก่อตัวจากไข่อสูรมาตรฐาน 5 ดาวที่'เย่ว์หยาง'มอบให้'อี้หนาน' หลังจากเริ่มกระบวนการทำสัญญาหลอมรวมกับไข่อลเวงที่มีพลังลึกลับ ไข่อสูรมาตรฐาน 5 ดาวได้กลายรูปเป็นเพกาซัสสีเงินขนาดเล็ก'อี้หนาน'ยินดีเหลือจะกล่าว นางยิ้มเต็มใบหน้า จับมือ'เย่ว์ปิง'โลดเต้นไปรอบๆ
อย่างไม่อาจระงับความตื่นเต้นได้เมื่อ'เย่คง'และคนอื่นได้ยินจาก'อี้หนาน'ถึงคุณลักษณะของเพกาซัสเงิน ถึงกับอ้าปากกรามค้างจนถึงพื้นเพกาซัสเงินที่เพิ่งทำสัญญายังเป็นแค่ลูกม้าตัวหนึ่ง แต่มีลักษณะของอสูรชั้นเงินระดับ 2 แล้ว
'อี้หนาน'คาดว่าเจ้าม้าเงินตัวน้อยนี้อย่างน้อยต้องประเมินได้ 6 ดาว และเป็นไปได้มากว่าจะเปลี่ยนเป็นชั้นทองในระหว่างที่มันเติบโต 'อี้หนาน'ร่าเริงอย่างไม่น่าเชื่อ
นางชอบมัน บางทีนางคงไม่แสดงออกอะไรต่อให้เป็นราชสีห์ชั้นทองก็ตาม เพราะธรรมชาติสตรีมักชอบของสวยงามร่างของเพกาซัสเงินสีขาวราวหิมะ และปีกน้อยๆที่แปลกตาของมันยังอ่อนนุ่มเหลือเชื่อ
ตอนนี้มันแค่ยืนได้แต่ยังบินไม่ได้ต่อเมื่อมันโตขึ้น มันจะกลายเป็นพาหนะบินได้ที่เหมาะกับสตรีที่สุดและเป็นสิ่งที่สตรีรักชอบมากที่สุด
"ข้าเป็นลูกพี่เจ้า แต่ข้าก็มีแค่แรดหนังเหล็กชั้นทองแดงระดับ 2 เจ้าจะไม่สนใจข้าไม่ได้นะ เจ้าต้องให้สัตว์อสูรดีๆ กับข้าสักตัวสิ ข้าไม่ได้ขอมากเกินไปนะ เอาแค่อสูรทองตัวไหนก็ได้"”
ก่อนที่'เจ้าอ้วนไห่'จะพูดจบ
'เย่คง'ก็เตะเขากระเด็นล้มลงและเหยียบท้องซ้ำเต็มแรงจนไขมันของเขากระเพื่อมเป็นวงสมองของเจ้าหมูตอนนี่เปลี่ยนเป็นข้าวต้มไปแล้วหรือ?อสูรทองเชียวหรือ?เพราะ จะเป็นไปได้เมื่อไหร่ที่จะเอาอสูรทองมาได้?แต่'เย่ว์หยาง'ก็ยังใจดีพอที่จะช่วยพี่น้องตระกูลหลี่และช่วยให้'เจ้าอ้วนไห่'ได้รับอสูรทองแดง
ที่สำคัญคือพวกเขามีความแข็งแกร่งต่ำที่สุดและเป็นภาระของทีม ในอนาคตมันจะกลายเป็นข้อเสียในการบ่มเพาะความก้าวหน้าของทีม 'เย่ว์หยาง'บอกไปแล้วว่ามีอีกหลายอย่างที่เขายังไม่ได้ทำ
เขาแค่ผงกศีรษะให้กับพี่น้องตระกูลหลี่ 'หลี่เชีย'และ'หลี่เกอ'รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาก พวกเขารู้แล้วว่า'เย่ว์หยาง'ไม่ได้ละเลยพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาเห็น'เย่ว์หยาง'พยักหน้าให้พวกเขา ก็เท่ากับยืนยันอย่างเงียบๆ
พวกเขาไม่สามารถช่วยได้ แต่ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมอยู่ภายในใจพวกเขา มันเกินกว่าจะพูดออกมาได้กลายเป็นนักรบชั้นยอดคือความฝันของนักรบทุกคนในแผ่นดินมังกรทะยานพี่น้องตระกูลหลี่รู้ว่าพวกเขาจะได้คอยรับใช้ให้'เย่ว์หยาง'อีกครั้ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องการแข็งแกร่งขึ้น
"เย่ว์ปิง, เราจะต้องออกไปซื้อของบางอย่างก่อน แล้วค่อยเจอกัน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ หลังจากเจ้าไปติดตามผลตรวจร่างกายเสร็จแล้ว เราจะไปที่วงกตศิลาดำกัน"”
'อี้หนาน'เก็บลูกเพกาซัสเงินของนางแล้วจากไป พร้อมกับพา'เย่ว์ปิง'ไปด้วย ขณะที่ตรงไปที่ทางเข้า นางหันกลับมาพูดว่า
"คุณชายสามจอมโกหก! ท่านกับเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ก็ควรเตรียมตัวด้วยเช่นกัน"
"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง เราจะพบกับท่านที่ทางสถานเข้าพยาบาลทีหลัง"”
'เย่คง'ไม่ต้องการให้'เย่ว์หยาง'มาช่วยพวกเขาซื้อของที่จำเป็น
เขาพาพี่น้องตระกูลหลี่ไปกับเขาพวกเขายังคงเตรียมส่งข้อความไปให้'เหวินอยู่โม่ว', 'เฮ่อสื่อหยุน'และ'ไท่หยาง'บอกพวกเขาว่าหาตัว'เย่ว์ปิง'พบแล้ว
ขณะเดียวกันเขาส่งเงินจำนวนหนึ่งไปให้พวกเขาด้วยเพื่อป้องกันสหายทั้ง 3 คนเหล่านี้ต้องอดตายระหว่างที่รอคอย เย่คงและคนอื่นรีบออกไปทำงานของพวกเขาให้สำเร็จ ตรงกันข้ามกับ'เย่ว์หยาง' เขาว่างโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นเขาจึงเอาดาบไข่ออกมาศึกษาดู เดิมทีเขาตั้งตั้งจะศึกษาเจ้าอสูรทองตัวเล็กเพิ่มเติมอีก แต่'เจ้าอ้วนไห่'ยังตื๊อขออยู่ด้วย โดยปฏิเสธที่กลับไปที่ห้องของตน
'เย่ว์หยาง'จำต้องเลื่อนความปรารถนาจะศึกษาเจ้าอสูรทองตัวน้อยออกไปเป็นวันอื่น'เจ้าอ้วนไห่'พยายามผลักดันให้'เย่ว์หยาง'ไปเรียนที่โรงเรียนเขาในปีหน้าและพูดว่า เขาเป็นลูกพี่ สามารถคุ้มครอง'เย่ว์หยาง'ได้'เย่ว์หยาง'ไม่สนใจจะเข้าเรียนในโรงเรียนเท่าใดนักเขาไม่รู้ว่าเขาต้องเรียนรู้อะไรเมื่อต้องไปโรงเรียน เขาคิดว่าเขาน่าจะบ่มเพาะฝึกตัวในหอทงเทียนดีกว่าพอเห็นทัศนคติของ'เย่ว์หยาง'แล้ว 'เจ้าอ้วนไห่'รีบใช้วิชาลิ้นเงินเชิญชวนเขาทันที
"เจ้ารู้หรือเปล่า โรงเรียนของเรามีผู้หญิงสวยที่สุด!"
"โรงเรียนที่มีผู้หญิงสวยที่สุด ก็คือสถานบันฉางจิงไม่ใช่เหรอ?"”
'เย่ว์หยาง'ชักงงแม้ว่าเขาไม่เคยไปอยู่ที่นั่น
'เย่ว์หยาง'ก็เคยได้ยินคำร่ำลือว่าสถาบันฉางจิงแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยและสถาบันจ้งเซียงแห่งแคว้นเทียนหลัวเป็นสถาบันที่มีสาวงามมากที่สุดและรู้จักกันไปทั้งโลก ขณะที่ประเทศใหญ่ อย่างสถาบันสุนัขป่าเทาของประเทศสื่อจินเรียกกันว่าดินแดนขาดแคลนสาวงาม
ในฐานะบ้านป่าเมืองเถื่อน โชคดีที่โรงเรียนที่'เจ้าอ้วนไห่'ชวนให้เรียนไม่ใช่สถาบันชางหลาง มิฉะนั้น'เย่ว์หยาง'คงไล่เตะเขาออกจากห้องทันที'เจ้าอ้วนไห่'คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่เอาแต่เก็บตัวเองอย่าง'เย่ว์หยาง'นี้ไม่สามารถแม้แต่จะระบุถึงสาวงามได้ รู้แค่เฉพาะคำร่ำลือเหล่านี้เท่านั้นหนังสือแห่งความเงียบ
บทที่ 18 โศลกที่ 44 กล่าวไว้ว่า ด้วยผิวหน้าที่หนาเพียงพอ แม้เวลาหน้าแดง มันก็จะไม่เป็นสีแดง 'เจ้าอ้วนไห่'หัวเราะและกล่าวว่า
"แม้ว่าในสถาบันฉางจิงจะมีคนสวยอยู่เยอะ แต่สถาบันฉางชุนเถิงของพวกเราก็ไม่เลวหรอกนะ เจ้าไม่รู้หรือว่าสถาบันฉางชุนเถิงของพวกเราอยู่ตรงข้ามกับสถาบันฉางจิง? แม้ว่ามันจะเป็นที่ไม่ค่อยรู้จัก แต่เงื่อนไขอำนวยความสะดวกก็ไม่ถึงกับแย่, มันเป็นสถาบันที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเช่นกัน ได้รับการก่อตั้งขึ้นในเวลาเดียวกันกับสถาบันฉางจิง มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 3 พันปี ความจริงที่สำคัญที่สุดก็คือว่า มีนักเรียนชายไม่มากนัก ดังนั้นจึงไม่มีเหตุการณ์ที่น่าเกลียดกระทบกระทั่งกันเกินไป ลองคิดดีๆ อีกครั้งนะ พวกเราจากสถาบันฉางชุนเถิงสามารถไปจีบสาวๆ โรงเรียนตรงกันข้างอย่างฉางจิงได้และพิชิตใจสาวงามโรงเรียนนั้นได้ ความรู้สึกได้ถึงความสำเร็จเช่นนี้ จะไม่ดีกว่าหรอกหรือ?"
"เจ้าพิชิตใจสาวงามมากี่คนแล้ว?"”
ด้วยคำถามเพียงข้อเดียวที่'เย่ว์หยาง'ถาม ทำเอา'เจ้าอ้วนไห่อยากจะเอาหัวกระแทกกำแพงยิ่งนัก
"นี่...แน่นอน ข้าพิชิตใจพวกนางมาเยอะแล้ว หลังจากพวกนางเรียนจบไป พวกนางร่ำไห้ทนไม่ได้ที่จะต้องจากข้าไป ที่ฉางชุนเถิง ใครเล่า?จะจำข้าไม่ได้ เจ้าชายฮาเร็มน้อยๆ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ข้าเกิดมาในโลกนี้เพื่อจีบสาวๆ โดยเฉพาะ!"”
'เจ้าอ้วนไห่'ฝืนใจตัวเองและตบหน้าอกตัวเองเต็มที่
"เพราะเจ้าคว้าผู้หญิงที่นั่นไปหมดแล้ว ทำไมข้าถึงต้องไปที่นั่นอีก?"”
'เย่ว์หยาง'ปฏิเสธเขาอย่างเฉยเมย
"อย่าพูดอย่างนั้นสิ ยังมีสุภาพสตรีที่จิตใจหนักแน่นเยือกเย็นที่ ดีที่สุดของสุดที่ลูกพี่ของเจ้ายังไม่อาจพิชิตใจนางได้เลย ถึงตอนนั้น เราสามารถร่วมมือกันวางกลยุทธ์พิชิตใจนางรวดเดียว ข้า, ลูกพี่ของเจ้า จะยอมเสียเปรียบสักเล็กน้อย รอให้เจ้าเลือกสิ่งที่เจ้าต้องการเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือข้าค่อยตามเก็บ"”
'เจ้าอ้วนไห่'รู้สึกไม่มั่นใจเพียงพอ จึงเพิ่มน้ำหนักคำพูดอีกว่า
"สถาบันฉางชุนเถิงของเราไม่ได้มีแต่เพียงหญิงงามเท่านั้น แต่ยังมีอาจารย์สวยๆ มีพี่สาวผู้เลอเลิศ แค่นั้นยังไม่พอ อาจารย์สาวสวยยังสอนวิชาอัญเชิญอักขระโบราณ ทำให้เหมือนกับเข้าไปเอาสมบัติในแดนล่มสลายของทวยเทพทั้งหมดได้"”
เมื่อ'เย่ว์หยาง'ได้ยินคำว่าพี่สาวผู้เลอเลิศ อักขระโบราณและสมบัติ เขาเปลี่ยนใจและถามทันทีว่า
"แดนล่มสลายแห่งทวยเทพคืออะไร?"”
'เจ้าอ้วนไห่'ลดเสียงลงแล้วทำเป็นพูดเสียงลึกลับว่า
"แดนล่มสลายแห่งทวยเทพน่ะหรือ? นั่นคือดินแดนที่ลึกลับที่สุดในทวีปมังกรทะยานนอกจากหอทงเทียน เป็นดินแดนแห่งความฝันของนักรบ ทุกคนต้องการเข้าไปในนั้นและขโมยสมบัติของที่นั่น ตำนานกล่าวไว้ว่ามีสมบัติจำนวนนับไม่ถ้วนซ่อนอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นผลึกเวท อาวุธเทพและอสูรดึกดำบรรพ์แม้แต่จิตวิญญานักรบ!"
"จิตวิญญาณนักรบหรือ?"”
'เย่ว์หยาง'ไม่เคยได้ยินอะไรอย่างนี้
"ตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว แผ่นดินมังกรทะยานเต็มไปด้วยนักรบระดับสูงสุดผู้ทรงอำราจ พวกเขาต่อสู้กันเองและนักรบระดับสูงสุดผู้ตายในการต่อสู้และเลือดเนื้อของพวกเขาถูกทำลาย แต่ทิ้งส่วนแห่งความคิดพวกเขาไว้เบื้องหลังซึ่งก็คือจิตวิญญาณนักรบ ตราบใดที่นักรบเอาจิตวิญญาณนักรบมาได้ พวกเขาจะได้รับประสบการณ์และพลังของนักรบโบราณได้ หลังจากปลูกฝังจิตวิญญาณนักรบได้แล้ว ก็จะมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นนักรบระดับสูงสุดรุ่นใหม่ได้ แม่นางเต๋อ..อาจารย์คนสวยของสถาบันของเราเป็นหนึ่งในสามปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้รู้วิชาอัญเชิญอักขระโบราณ นั่นสามารถบอกได้เลยว่านางถือกุญแจประตูเข้าดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ คิดดูสิ ถ้าเราจับนางได้ เราทั้งสองจะไม่ร่ำรวยกันใหญ่หรอกหรือ"”
'เจ้าอ้วนไห่'ยิ้มเจ้าเล่ห์จนน้ำลายยืดยาวออกจากปาก
"แดนล่มสลายแห่งทวยเทพ..."”
'เย่ว์หยาง'ได้รับแผนที่ขุมสมบัติจากหม้อพลังในวิหารราศีเมษ ดูเหมือนว่ามันสามารถยืนยันกับสิ่งที่'เจ้าอ้วนไห่'พูดขณะที่'เจ้าอ้วนไห่'กำลัวปั้นเรื่องให้น่าสนใจยิ่งขึ้นเพื่อชักชวน'เย่ว์หยาง'
ทันใดนั้น'เย่คง'และพี่น้องสกุลหลี่ก็วิ่งขึ้นบันไดมาและผลักประตูเข้ามารายงานอย่างเร่งด่วนว่า
"บ้านประมูลของนักรบมีการเตรียมขายผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งของพฤกษาแห่งชีวิต ทั้งสองอย่างจะช่วยให้มนุษย์พฤกษาของเย่ว์ปิงเติบโตได้อย่างมาก"”
เมื่อ'เย่ว์หยาง'ได้ยินเช่นนี้ เขาโดดผางทันที
"ไปหาเย่ว์ปิงกัน เราจะไปอาคารประมูลกันเดี๋ยวนี้"”
..เพกาซัสเงิน.
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=74