ตอนที่ 69 คำถามง่ายมาก
'เสี่ยวเหวินหลี'กระพริบตากลมโตน่ารักของเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรอื่น 'เย่ว์หยาง'คิดว่าเป็นเพราะเธอยังเด็กเกินไป ดังนั้นจึงยังไม่รู้วิธีพูด สถานการณ์ปัจจุบันที่'เย่ว์หยาง'เผชิญตอนนี้ เป็นเหมือนกับว่าเขากำลังยืนอยู่หน้าห้องขุมสมบัติที่ถูกล็อคไว้โดยไม่มีกุญแจไขเข้า
เขาค่อนข้างจะยอมรับความรู้สึกในใจเขา แม้ว่าจะเป็นฝันลมๆ แล้งๆ ในที่สุดเขาก็ไม่เคยคาดคิดว่าสถานการณ์ของเขาจะกลับกลายเป็นอย่างนี้ เขายังคงตื่นเต้นมาก ไม่อยากเชื่อเลยว่าของวิเศษจะเกิดขึ้น นั่นคือเหตุที่ผลที่ตอนนี้ เขายังคงเหมือนแหวกว่ายอยู่ในทะเลแห่งความสุข ไม่สามารถตื่นจากฝันที่เป็นสุขได้
"มีของดีๆ อย่างคัมภีร์เทพด้วยหรือ?"”
'เย่ว์หยาง'ถามแบบโยนหินถามทาง
'เสี่ยวเหวินหลี'พยักหน้ากระตือรือร้น
"มีภูตสาวอยู่ในนั้นไหม?"”
'เย่ว์หยาง'ถามอีกครั้ง
และอสูรเด็กน้อยสั่นศีรษะอย่างเคารพ
"เจ้ารู้ไหมว่ามีอะไรอยู่ข้างใน? วาดภาพให้ข้าดูได้ไหม? และให้ข้าเห็นว่าเจ้าวาดภาพได้ดีแค่ไหน ถ้าเจ้าวาดสวยนะ ข้าจะเลี้ยงขนมหวานถังหยวนเจ้า"”
'เย่ว์หยาง'วางแผนอีกครั้ง
แต่อสูรเด็กน้อยไม่เข้าใจคำพูด คงเป็นเรื่องแปลกจริงๆ หาก'เสี่ยวเหวินหลี'รู้วิธีวาดภาพ แต่'เสี่ยวเหวินหลี'ชักดาบออกมาและขีดเขียนลงบนพื้น 'เย่ว์หยาง'หมอบลงดูบนพื้น พิจารณาอยู่นาน แต่ก็มองไม่เห็นอะไร สิ่งเดียวที่เขาแน่ใจก็คือมีอสูรผู้พิทักษ์ใหม่อยู่ในคัมภีร์เทพแน่นอน แต่คงไม่ใช่เทพธิดากระบี่ฟ้า ช่างมันเถอะ
แม้ว่าเขายังไม่สามารถเปิดคัมภีร์เทพได้ในตอนนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถเปิดมันได้ในอนาคต ตราบใดที่เขายังขยันฝึกซ้อม เขาคงสามารถเปิดคัมภีร์เทพได้เมื่อเงื่อนไขถึงพร้อม
'เย่ว์หยาง'ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมคัมภีร์เงินจึงมีระดับลดลงไปถึงกับเป็นคัมภีร์ทองแดงและจากนั้นก็เพิ่มระดับขึ้นมาเป็นคัมภีร์ชั้นเทพโดยไม่มีเหตุผล แน่นอนว่าเขาขี้เกียจเกินกว่าจะเสียเวลาคิดหาเหตุผลจริงจัง มีเรื่องแปลกอีกมากมายในโลกนี้นับจำนวนไม่ไหวให้เจอและคัมภีร์เทพก็เป็นหนึ่งในเรื่องแปลกนั้นด้วย มีบางอย่างแว่บเข้ามาในใจเขา จู่ๆ เขาถามขึ้นว่า
“เหนือคัมภีร์ทองแดง, เงิน, ทอง, ทองขาวและเพชร ตามลำดับชั้น ก็คงเป็นคัมภีร์เทพใช่ไหม? นางพญาเหวินหลีก็มีคัมภีร์เทพเล่มหนึ่งใช่ไหม?”
สำหรับคำตอบปัญหาของ'เย่ว์หยาง' 'เสี่ยวเหวินหลี'พยักหน้าเธออีกครั้ง ดูแล้วน่ารักน่าชัง แต่ก็ยังไม่ชัดว่าเธอตอบคำถามแรกหรือคำถามหลัง
'เย่ว์หยาง'ต้องการถามคำถามเพิ่มอีก แต่ทันใดนั้น 'เย่ว์ปิง'ที่เขาแบกขึ้นหลังมาด้วย ถูกก่อกวนการหลับเหมือนกับว่านางจะถูกปลุกให้ตื่น 'เย่ว์หยาง'รีบเก็บคัมภีร์เทพทันที 'เสี่ยวเหวินหลี'ไม่ได้เข้าไปในคัมภีร์เทพ แต่เปลี่ยนเป็นลูกกลมเรืองแสงสีแดงและเข้าไปพักผ่อนในตัวของ'เย่ว์หยาง' แม้ว่าเธอจะย้ายบ้านแแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะชอบอยู่กับตัวของ'เย่ว์หยาง'มากกว่า
ขณะที่เขาวาง'เย่ว์ปิง'ลง นางส่งเสียงอู้อี้เล็กน้อย คล้ายกับว่าจะไม่ทนยอมให้เขาเข้ามารบกวนความฝันของนาง นางยังไม่ตื่น ร่างกายนางขยับแค่เพียงเล็กน้อย แล้วก็กลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ลมหายเริ่มช้าลงเข้าสู่ห้วงนิทราต่อไป 'เย่ว์หยาง'พยายามเรียกชื่อนางอยู่ 2-3 ครั้ง แต่พอเห็นว่านางไม่ตื่น เขาก็หยุดเรียก เขาแค่พยายามปัดเส้นผมที่ปิดหน้าผากนางออก
ทางด้าน'เย่คง' เขาเหมือนกับแมลงสาบที่ไม่มีทางตายง่ายๆ แม้ว่าจะแพ้ไปแล้ว เขาฟื้นขึ้นเมื่อ'เย่ว์หยาง'เก็บรวบรวมของที่เหลือจากการต่อสู้ เขาคลานไปหา'เจ้าอ้วนไห่'อย่างระมัดระวังและเอื้อมมือไปดึงเอาหินบำบัดออกมาจากชุดของเขาอย่างยินดี
จากนั้นเขาทำให้มันแตกด้วยพลังทั้งหมดของเขาและปล่อยให้หินที่เปล่งแสงขาวมีพลังในการรักษาได้รักษาเขา, 'เจ้าอ้วนไห่'และพี่น้องสกุลหลี่ แม้ว่าทั้งสี่คนจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่พลังชีวิตของพวกเขาไม่ต่างจากแมลงสาบ
เมื่อพวกเขาได้รับการรักษา อาการบาดเจ็บของพวกเขาก็ดีขึ้นทันที พวกเขาเริ่มฟื้นขึ้นทีละคนๆ 'เจ้าอ้วนไห่'และคนอื่นๆ ฟื้นขึ้นอย่างต่อเนื่องและมองไปรอบพื้นที่แปลกประหลาดอย่างว่างเปล่า
พวกเขาอยู่ในสมรภูมิแห่งความตาย พอเห็นว่าพวกเขางงงวยกับสถานที่นี้ 'เย่ว์หยาง'ค่อยถอนหายใจได้ สำหรับเขาดูเหมือนว่าสหายเหล่านี้คงจะสับสนแน่นอน ว่าพวกเขาตายและกลายเป็นผีไปแล้ว เพราะความสับสนงงงวยของพวกเขา พวกเขาคงจะไม่รู้สึกผิดปกติ หากได้รับการบอกกล่าวว่า พวกเขาตายในแดนปีศาจแล้ว 'เจ้าอ้วนไห่'ขยี้หลังศีรษะตนเอง บ่นกับตนเองว่า
“เราอยู่ที่ไหนกัน? เราไม่ได้กลับไปที่สมาคมนักรบแล้วหรือ? ข้าเพิ่งจะดื่มเบียร์กับพวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้เอง ข้าจำได้แล้ว เย่คง เจ้าลิงผอมนั่นเคยแอบจิ๊กน่องไก่ข้าไป นั่นเป็นความฝันหรือ? ไอ้เรื่องอย่างนั้น... ตอนนี้ข้านึกได้แล้วว่ามีคนลอบทำร้ายข้าที่ท้ายทอย ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะผลงานที่โดดเด่นของพวกเจ้า พวกเจ้าจะได้รับรางวัลผู้ประมาทยอดเยี่ยมประจำปี”
'เย่ว์หยาง'แสดงความยินดีกับเขา
“นี่, ขุนพลปีศาจไม่ใช่หรือ? เอ๋? ฮุยไท่หลางกลายเป็นแบบนั้นได้อย่างไร?”
'เย่คง'เต็มไปด้วยความแปลกใจและประหลาดใจ
เมื่อเขาเห็น'ฮุยไท่หลาง'กลายสภาพเป็นหมาป่าปีศาจ 2 หัว และ'ขุนพลปีศาจ'ที่กลายเป็นเศษศิลากระจัดกระจายอยู่ พอเห็นภาพที่ปรากฏข้างหน้าเขาท่านเท่านั้น หัวของเขาแทบจะระเบิด เมื่อเขายังไม่อาจค้นพบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในที่สุดเขาถาม'เย่ว์หยาง'
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“เอ่อ..เรื่องนั้น...”
ใช่แล้ว ตอนนี้คือเวลาที่'เย่ว์หยาง'ต้องโกหกอีกครั้ง
พอเห็นหน้าของคนทั้งสี่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นรอฟังคำตอบอยู่ 'เย่ว์หยาง'จึงอธิบายด้วยน้ำเสียงที่สัตย์ซื่อจริงจังว่า
“เราเข้ามาในสมรภูมิมรณะก็เพราะเมื่อขุนพลปีศาจได้โยนม้วนเทเลพอร์ตลงมาที่พวกเรา พวกเจ้าโดนสยบเนื่องจากการลอบทำร้าย สลบอยู่กับพื้นโดยไม่สนใจพี่น้องอย่างข้า ปล่อยให้ข้าต้องเผชิญกับขุนพลปีศาจที่โหดร้ายตามลำพัง พวกเจ้าก็รู้อยู่ว่าข้าเป็นผู้ศรัทธาในอุดมการณ์รักสงบ ดังนั้นไอ้เรื่องสู้กันฆ่ากันตายไม่ใช่วิธีดำรงชีวิตสำหรับข้า ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจท้าแข่งเรื่องวรรณกรรมกับขุนพลปีศาจ เขาเตรียมคำถามไว้ถามข้า ข้าก็เตรียมคำถามไว้ถามเขา ในที่สุดขณะที่เราดำเนินการแข่งขันกันอยู่ อยู่ๆ เขาก็เป็นบ้าแล้วก็หงายฝ่ามือ เอาแต่ตีหน้าผากตัวเอง เขาฆ่าตัวตาย แล้วก็ตายสมใจ เกี่ยวกับเรื่องเขากลายเป็นหินกระจัดกระจายได้อย่างไร ข้าก็ยังพยายามหาคำตอบอยู่”
คำพูดของเขาทำให้'เย่คง'และพี่น้องสกุลหลี่ล้มลงกับพื้น
ขณะที่พวกเขาแทบจะเป็นลม พวกเขาเคยเห็นคนโกหกมาก่อน แต่ตลอดชีวิตของพวกเขา ไม่เคยเห็นการโกหกที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้ คงจะมีแค่เด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบเท่านั้นที่จะยอมเชื่อคำพูดของเขา ต่างกับคนที่เหลือ 'เจ้าอ้วนไห่'เชื่อถืออย่างสนิท เขาตบอกตัวเองจนไขมันกระเพื่อมตะโกนอย่างกระตือรือร้นว่า
“มันเป็นคำถามยังไงที่เจ้าตั้งขึ้นมา? มันยากขนาดนั้นจริงๆ หรือ? ไหน..รีบบอกกับข้ามาเร็วๆ เจ้าชายผู้แก้ปริศนาอยู่ตรงนี้แล้ว ในโลกนี้ไม่มีคำถามอะไรที่ยาก”
พอได้ยินแบบนี้ 'เย่คง'สะดุ้งทันทีจนเผลอเอามีดจิ้มไปที่หน้าอก'เจ้าอ้วนไห่' ทำให้เขาเลือดออกซิบๆ พวกเขาเคยเห็นหลอกง่ายมามากแล้ว แต่ไม่เคยเห็นคนโดนหลอกได้ง่ายๆ อย่างนี้มาก่อน
ทุกๆ ความสามารถที่'เจ้าอ้วนไห่'มีเกือบเป็นศูนย์ ถ้าเขาแข่งกับลิงตัวหนึ่ง พวกเขาเชื่อว่าลิงคงรู้สึกตัวว่าตัวมันเองมีพลังและขีดความสามารถที่ดีกว่ามาก เขาเป็นตัวโง่เง่าของแท้
มิฉะนั้นแล้วจะยอมเชื่อเรื่องเหลวไหลอย่างนั้นได้อย่างไร? เขาจริงจังกับมันเสียเหลือเกิน..สวรรค์..สหายผู้นี้เอาชีวิตรอดมาถึงบัดนี้ได้อย่างไร? เขาน่าจะถูกความโง่เขลาของตนเองฆ่าตายมานานแล้วไม่ใช่หรือ?
“คำถามนั้นก็ง่ายมาก”
'เย่ว์หยาง'ค่อยๆ เผยอยิ้ม
“ข้าบอกกับขุนพลปีศาจว่า A คือหมายเลขอย่างหนึ่ง, B, C และ D ก็เป็นหมายเลขที่มีค่าต่างกัน ถ้า ABC+CDC=ABCD, อย่างนั้น ABCD คืออะไร?”
“เอ่อ...”
พอได้ฟังอย่างนี้ 'เจ้าอ้วนไห่'ถึงอ้าปากกว้างค้าง กว้างพอที่จะจัดวัวยัดเข้าไปได้ทั้งตัว
'เย่คง'และพี่น้องสกุลหลี่นิ่งค้างเป็นหิน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า'ขุนพลปีศาจ'คงไม่สามารถตอบคำถามได้และถึงกับเป็นบ้าฆ่าตัวตายไปเลย 'เจ้าอ้วนไห่'ตะลึงอยู่นาน ก่อนที่หน้าของเขาจะแดงแล้วเขาจึงกล่าวว่า
“นั่นไม่ยาก แต่การคำนวณค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้เวลา งั้นถามปัญหาที่ง่ายกว่านี้หน่อยสิ”
'เย่ว์หยาง'พยักหน้าและพูดทั้งรอยยิ้มร่าเริงว่า
“ก็ได้ ข้าจะถามเกี่ยวกับเรื่องสัตว์อสูร ง่าย..มาก มีสัตว์อสูรประเภทแมลงรวมกัน 18 ตัว ประกอบไปด้วยแมงมุม, แมลงปอ, จั๊กจั่น พวกมันมีขารวมกัน 108 ขา และมีปีก 20 คู่ ถามว่ามี แมงมุม, แมลงปอและจักจั่นชนิดละเท่าไหร่?”
“เอิ๊ก...”
'เจ้าอ้วนไห่'เป็นลมทันที
ในขณะเดียวกัน 'เย่คง'และพี่น้องสกุลหลี่เจอว่าตัวพวกเขามองเห็นแมลงปอและจักจั่นนับไม่ถ้วนบินอยู่รอบๆ ตัว และแมงมุมไต่ขึ้นมาบนร่างพวกเขาและพ่นใย.. ผ่านไปนานเท่าไรพวกเขาไม่รู้แน่ รู้แต่ว่ามันเป็นเพียงภาพหลอน
เมื่อพวกเขามองกลับมาที่'เย่ว์หยาง' ยิ้มของเขาดูน่ากลัวกว่าปีศาจเสียอีก มันเป็นเรื่องเหลือทนจนพวกเขาเหงื่อออกเป็นทาง โชคดีที่'ขุนพลปีศาจ'ฆ่าตัวตายอย่างเร็ว
มิฉะนั้น ถ้าเขายังคงนับต่อไป เขาคงตายอย่างน่าอนาถ ใช้ปัญหาที่ยากเข้าต่อสู้ มันเป็นการข่มปัญญาของพวกปีศาจได้อย่างง่ายๆ อัจฉริยะที่ฉลาดผิดปกติผู้นี้คือคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้ไม่มีอะไรดี จริงๆ หรือ? สมองของเขาสามารถคิดปัญหาที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร? แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่องกับความเป็นอัจฉริยะ
ในความเป็นจริง'เย่ว์หยาง'ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเว็บไบดูก่อนที่จะเดินทางข้ามมิติ เขาจึงรู้ปัญหาคณิตศาสตร์ที่ค่อนข้างยากอยู่ไม่กี่ข้อ
นอกจากนี้ ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาสอบของเด็กเมื่อต้องเทียบปัญหาคณิตศาสตร์ที่ยาก แม้คนธรรมดาที่คุ้นเคยกับเว็บไบดู, ตราบใดที่เขาได้อ่านนิยายชีวิตมาก่อน แล้วพวกเขาจะไม่พบเจอปัญหาเหล่านี้ผ่านตาได้อย่างไร?
“เรา, เราควรจะรีบกลับกันได้แล้ว”
'เย่คง'ปาดเหงื่อ
พอมาถึงสมาคมนักรบ กลุ่มเขาก็ได้เจอเจ้าเมือง'โล่วฮัว'กำลังรอพวกเขาพร้อมกับจิ้งจอกหิมะ 3 หาง เมื่อนางเห็น'เย่ว์หยาง'และกลุ่มของเขากลับมาได้โดยไม่มีอุปสรรค นางจึงยิ้มได้ 'เย่ว์หยาง'ประหลาดใจ แม่สาวคนนี้กลับมาแล้วหรือ? ทำไมนางถึงรอเขาอยู่ที่นี่?
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=69