ตอนที่ 66 ไม่ใช่ลอบทำร้าย
'เฟิงชิชา', 'หยานโพ่จุน'และ'เสวี่ยทันหลาง'ปล่อยให้กลุ่มของเขาลุยฆ่าปีศาจระดับต่ำไปหลายร้อย เหมือนฝูงพยัคฆ์เข้าทำลายฝูงแกะ ไม่นานนักพวกเขาก็กลับมาเมื่อเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'เห็นว่า'เย่ว์หยาง'ยังไม่นำกลุ่มของตนลุยไปข้างหน้า
นางมองลึกลงไปในความคิดของเขาเนื่องจากนางปรารถนาจะค้นพบศัตรูที่ซ่อนตัวอย่างไรก็ตาม นางยังไม่ได้แจ้งให้'เฟิงชิชา'และคนอื่นๆ
ทราบว่ามีศัตรูที่แข็งแกร่งจับตาดูพวกเขาในความมืดอย่างลับๆ รอโอกาสลอบโจมตี นี่ก็ยังเป็นการทดสอบชนิดหนึ่งในสนามต่อสู้ที่โหดร้าย คนไม่ใช่อาศัยแต่เพียงความกล้าหาญและความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังคงต้องมีจิตใจที่กระจ่างและความรู้สึกที่ชัดเจน
ในหอทงเทียนไม่เคยขาดแคลนการต่อสู้และอันตรายเลย คนที่มีทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด อาจไม่จำเป็นต้องรอดชีวิตอยู่ได้นานที่สุด ผู้ที่ต้องการเป็นนักสู้ระดับสูง
พวกเขาต้องมีชีวิตให้นานและมีประสบการณในการลำบากมากกว่าคนอื่น มนุษยชาติไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะ และอัจฉริยะนับไม่ถ้วนถือกำเนิดในทวีปมังกรทะยาน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนอุกกาบาต
พวกเขาแค่รุ่งโรจน์ขึ้นมาช่วงเวลาเดียวก่อนจะหายไปตลอดกาลเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่า 'เฟิงชิชา', 'หยานโพ่จุน'และ'เสวี่ยทันหลาง'เป็นอัจฉริยะในอัจฉริยะ
แม้ในบรรดาอัจฉริยะอื่น พวกเขาก็ได้รับความนับถือว่าเป็นผู้นำที่หาได้ยากอย่างยิ่งอย่างไรก็ตาม จากก้นบึ้งหัวใจของนาง เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'คาดหวังจากโจรน้อย'เย่ว์หยาง'ที่ไม่รู้จักนี้ไว้มากเขาเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่นางมองไม่ออก
"พวกเจ้าได้รับเกียรติยศแล้ว กลับไปหอทงเทียนเดี๋ยวนี้ 'เฟิงชิชา', 'หยานโพ่จุน'และ'เสวี่ยทันหลาง' พวกเจ้ารั้งอยู่ก่อน"”
เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'โบกมือสั่งให้องครักษ์เกราะทองกลับไปหอทงเทียนทางประตูเทเลพอร์ต ยังไม่ทันได้เตือน'เฟิงชิชา'และคนอื่นอีก 2 คน นางหันไปทาง'เย่ว์หยาง'และถามเสียงนุ่มนวลว่า
"มีศัตรู 100,000 หรือมากกว่า พวกมันยังไม่เริ่มโจมตีรุนแรง เจ้าคิดว่าเรื่องนั้นมีเหตุผลอะไร?"
“…..”
'เฟิงชิชา'และอีกสองคนถึงกับตะลึงเมื่อพวกเขาได้ยินเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ถามคำถาม'เย่ว์หยาง'ในสายตาพวกเขา เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'เป็นคนฉลาดที่สุดในบรรดานักสู้ที่เป็นมนุษย์ ทำไมนางถึงถามคำถามนี้กับคุณชายสามผู้ไม่มีอะไรดีของตระกูลเย่ว์ผู้นี้?
เป็นไปได้ว่าเจ้าคนที่ไม่มีอะไรดีผู้นี้ ไม่ได้เป็นคนไร้ประโยชน์อย่างที่คนอื่นพูด แต่เป็นสหายที่ฉลาดมากงั้นหรือ?ทำไมเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ถึงให้โอกาสเขา แม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องกับเขา?
ในยามนั้น ความรู้สึกหงุดหงิดเกิดขึ้นในใจของ'หยานโพ่จุน'และอีกสองคน เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'เป็นนักสู้ที่โดดเด่น ปกติแล้วจะไม่ให้ความสนใจใดๆ ในคนอื่น
แล้วในตอนนี้ นางไม่ได้มองพวกเขาแตกต่างแต่อย่างใดเลย กลับไปให้ความสำคัญเจ้าคนที่ไม่มีอะไรดีเกินกว่าเขา แม้ว่าพวกเขายังอยู่ต่อหน้าปีศาจเป็นร้อยเป็นพัน นางก็ยังยืนยันกระตุ้นให้'เย่ว์หยาง'สะท้อนความคิดเห็นถึงสถานการณ์...
ความรู้สึกพวกเขาเริ่มหมุนอย่างเร็ว ถ้าเป็นพวกเขาแล้ว พวกเขาจะตอบอย่างไร?กับสถานการณ์ที่ปรากฏข้างหน้าพวกเขานี้ ทำไมศัตรูถึงได้ทำแบบนี้แม้ว่าเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ไม่ได้ถามพวกเขา
'เสวี่ยทันหลาง'และคนอื่นๆ ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าพวกเขาระดับต่ำกว่า'เย่ว์หยาง' และเริ่มไตร่ตรองคำถามให้มากด้วยหวังว่าจะได้คำตอบที่ดีกว่าของ'เย่ว์หยาง'ปีศาจระดับต่ำเป็นร้อยเป็นพันยังไม่น่ากลัวพอหรอก
"ถ้าความแข็งแกร่งของศัตรูเหนือกว่าเราเกินไป ท่านคงไม่ยอมให้เราเข้าแดนปีศาจไปตอบโต้แน่"”
แม้ว่า'เสวี่ยทันหลาง'และคนอื่นๆ ไม่ต้องการยอมรับ แต่พวกเขาก็รู้สึกว่า'เย่ว์หยาง'พูดได้สมเหตุผล พอคิดดูดีๆ แล้ว ถ้ามีศัตรูที่มีพลังมากจนคาดไม่ได้ รออยู่เบื้องหลังประตูเทเลพอร์ต
ทำไมเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'จึงพาทุกคนเข้าไปตาย? ความจริงก็คือว่า นางกล้านำพวกเขาเข้าไป ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่านางสามารถพาพวกเขาออกมาได้
เมื่อพวกเขาหันกลับไปมอง'เย่ว์หยาง' สีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไป แทนที่จะรังเกียจและโกรธที่พวกเขาปฏิบัติต่อเขาก่อนหน้านั้น ตอนนี้พวกเขาอัศจรรย์ใจ เจ้าคนผู้ไม่มีอะไรดีผู้นี้ ไม่ได้เลวอย่างที่เล่าลือ
ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น เขายังโดดเด่นมากเสียด้วย อย่างน้อยที่สุด เขาก็ยังสงบสติคิดอย่างใจเย็นทั้งที่ยังเผชิญหน้ากับปีศาจนับร้อยนับพัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนกระจอกไม่มีอะไรดีจะทำได้
"อืม..อย่างนั้น เจ้าคิดว่าเพราะอะไรพวกมันถึงไม่เร่งเข้าโจมตีเราเสียเดี๋ยวนี้เล่า?"”
เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ยังคงถามต่อไป มีการคาดการณ์คำตอบของ'เย่ว์หยาง'ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
"ข้าเดาว่าคงมีผู้มีไหวพริบฉลาดมากคอยชักใยอยู่ในเบื้องหลังหมู่ปีศาจแน่นอน หลังจากเปิดประตูเทเลพอร์ต เขาไม่ได้รีบบุกทันที แต่ปกปิดตัวเองคอยสังเกตสถานการณ์แทน ถ้าเราไม่บุกโต้ตอบ อย่างนั้นบางทีเขาคงจะเคลื่อนไหวอย่างอื่นแบบลับๆ การโต้ตอบของเรา ทำให้เขาสงสัยว่าเราเตรียมพร้อมซุ่มโจมตี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าบุกสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่รู้จักคิด ตราบใดที่เราเผยให้เห็นความอ่อนแอแม้เพียงนิด ข้าเชื่อว่าเขาจะซุ่มโจมตีเราทันที ข้าเกรงว่านักสู้ฝ่ายปีศาจที่ฉลาดที่อยู่เบื้องหลังนี้คงเป็นจ้าวปีศาจตนหนึ่ง"
"จ้าวปีศาจเหรอ?"”
'เย่คง', เจ้า'อ้วนไห่'และคนอื่นๆ เริ่มสั่นด้วยความกลัว จ้าวปีศาจจะอยู่ที่ระดับใดกันแน่? ใครก็ตามที่เป็นผู้แก่กล้าระดับ 6 หรือต่ำกว่าอาจถูกจ้าวปีศาจฆ่าได้ทันที ถ้าดูจากความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนี้ บางทีคงไม่พอติดซอกฟันของราชาปีศาจด้วยซ้ำ
"ไม่ใช่เจ้าปีศาจหรอก"”
เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'โบกมือ
"เขาเป็นขุนนางประจำนรก ชื่อหมอหยุน เขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่กลายเป็นนักสู้ฝ่ายปีศาจเมื่อพันปีมาแล้ว เขามีไหวพริบมากและมีความชำนาญในการจับจุดอ่อนของผู้คนได้ ตัวอย่างเช่น ความผิดพลาดของยิ่มชื่อหมิงบางทีอาจเป็นเพราะถูกเจ้าคนนี้ล่อลวง ผู้ที่เชื่อเขามักจะคอยหาคนอ่อนแอผู้กระหายความแข็งแกร่งจากหอทงเทียนระดับล่าง หรือควบคุมเมืองในทวีปมังกรทะยาน เขาใช้พลังเป็นเครื่องหลอกล่อผู้คนทีละขั้นๆ จนกระทั่งพวกเขาหลงกระทำผิด เฉินถู่และคนอื่นๆ บางทีก็คงเป็นเป้าหมายที่ถูกซื้อโดยยิ่มชื่อหมิงในนามของขุนนางนรกหมอหยุนก็ได้"
"ทำไมยิ่มชื่อหมิงต้องลักพาตัวเย่ว์ปิงด้วย?"”
สำนึกแว่บหนึ่งเกิดขึ้นในใจ'เย่ว์หยาง' เป็นไปได้ว่านี่คือสิ่งที่ปล่อยมาโดยขุนนางนรก 'หมอหยุน'งั้นหรือ?
"อสูรสายพฤกษามีพิษที่เป็นอันตรายต่อปีศาจนรกทั้งหมด ยิ่มชื่อหมิงต้องการทำร้ายน้องสาวของเจ้าเพื่อป้องกันนักสู้ฝ่ายมนุษย์ที่ใช้อสูรสายพฤกษาไม่ให้ก้าวหน้า สำหรับมนุษย์นักรบ น้องสาวของเจ้ามีอสูรสายพฤกษา ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าใดนัก แต่สำหรับปีศาจ อสูรพฤกษาของนางคือสิ่งที่น่ากลัวมาก ข้าสงสัยว่ากลุ่มของเฉินถู่คงได้รับคำสั่งของยิ่มชื่อหมิงให้มายับยั้งนาง"”
เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'เปิดเผยความลับนี้เล็กน้อยถ้าเป็นคนอื่นได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาคงไม่มีท่าทีอะไร ที่สำคัญคือ พวกเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอสูรสายพฤกษาและไม่เคยคิดจะใช้พวกมัน'เย่ว์หยาง'กลับตรงกันข้าม
เขาตกใจจนหัวใจเต้นรัวไม่ต้องสงสัยเลยว่า เซียนดอกหนามเมื่อ 3,000 ปีก่อน สามารถสังหารกองทัพปีศาจและแม่ทัพปีศาจทั้ง 3 โดยช่วยอะไรไม่ได้ กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่แต่เพียงนางพญาดอกหนามมงกุฎทองเท่านั้นที่น่ากลัวแต่นางยังมีพิษทำลายปีศาจนรกได้
ความจริงที่ว่ามนุษย์อ่อนแอและคงถูกปีศาจยับยั้งไว้ น่าเกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่ามนุษย์ได้ละทิ้งการใช้งานอสูรสายพฤกษาไปแล้วจะไปสู้กับปีศาจโดยปราศจากดาวข่มพวกมัน ก็จะยากที่จะเอาชนะได้อย่างไม่ต้องสงสัยถ้าเขาสร้างนางพญาดอกหนามมงกุฎทองสำเร็จ เขาคงไม่สามารถกำจัดกองทัพปีศาจในคราวเดียวเหมือนที่นางพญาดอกหนามทำได้ใช่ไหม?
"เจ้าคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อไป?"”
เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ถาม'เย่ว์หยาง'ทุกคนรู้ว่าเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'คงคิดแผนไว้ในใจนางแล้ว เหตุผลเดียวที่นางถาม'เย่ว์หยาง'ก็คือให้โอกาสเขาเป็นอิสระโดยใช้ปัญญาของตัวเอง'หยานโพ่จุน'และคนอื่นอิจฉาแทบตาย
พวกเขาปรารถนาจริงๆ ว่าพวกเขาจะแย่งเอาความลำเอียงของเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'มาเก็บไว้กับเขาเย่คงและเจ้า'อ้วนไห่'ไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้ต่อไป ร่างกายของพวกเขาเริ่มสั่นและจ้องมองตา'เย่ว์หยาง' คาดหวังอย่างเต็มหัวใจ
"เราอยู่ตรงนี้ต่อไป หมอหยุนจะสงสัยเพิ่มมากขึ้น จะดีที่สุดถ้าเราเริ่มตีโต้กลับและท้าทายเขาก่อน มิฉะนั้น เขาคงจะดึงบางอย่างลับหลังเราแน่นอน ข้าไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรได้ แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน"”
ความรู้สึกได้ถึงวิกฤติ 'เย่ว์หยาง'เริ่มรับรู้ได้แรงกล้ายิ่งขึ้น เขาคาดว่า คนที่ชื่อ'หมอหยุน'นี้จะเล่นอุบายกับพวกเขาในความมืด
"พูดได้ดี ข้อสังเกตเจ้าตรงจุดดี เขากำลังบูชายัญ ปีศาจชั้นต่ำเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้โจมตีพวกเราเลย แต่ถูกใช้เป็นเครื่องบูชายัญ และด้วยการบูชายัญขนาดใหญ่อย่างนั้น เขาสามารถใช้อุบายได้อีกมาก มันแน่อยู่แล้วเนื่องจากความจริงที่ว่าพวกเจ้าทุกคนเป็นยอดฝีมือที่โดดเด่นที่ข้าเจาะจง พวกเจ้าตั้งตัดสินใจเดี๋ยวนี้ ถ้าพวกเจ้าอยากจากไปอย่างปลอดภัย อย่างนั้นก็ตรงเข้าไปที่ประตูเทเลพอร์ตได้เลย ถ้าพวกเจ้ายินดีจะอยู่ท้าประลองด้วยตัวเอง อย่างนั้นจงไปท้าประลองกับขุนพลปีศาจ หลังจากฆ่าศัตรู เจ้าสามารถใช้ม้วนเทเลพอร์ตกลับไปที่สมาคมนักรบได้ สำหรับขุนนางนรกหมอหยุน ข้าจะเอาชนะมันให้ได้ด้วยตัวเอง"”
เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ยิ้มอย่างเด็ดเดี่ยวขุนนางนรกวางอุบายพวกเขา
เขาออกคำสั่งให้ปีศาจชั้นต่ำนับร้อยนับพันบุกโจมตียอดฝีมือชาวโลกที่นางส่งลงมาที่นี่ต่อเนื่องแต่นางจะทำตามความปรารถนาเขาได้จริงๆ หรือ?บูชายัญปีศาจนับร้อยนับพันหรือ? นางวางแผนจัดการกับเรื่องนี้มานานแล้ว
แค่นี้จะนับเป็นอย่างไรได้เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'มองดูฝูงปีศาจระดับต่ำด้านนอกล้มลงกับพื้นร่ำร้องอย่างทุกข์ทรมาน ร่างของพวกมันระเบิด
ในที่สุดกองซากศพก็ทับถมเป็นภูเขา ลำธารเลือดไหลนองเต็มพื้นที่ ท่าทีเยาะเย้ยของนางก็ยิ่งเด่นชัดแผนการบูชายัญขนาดใหญ่นี้ เป็นแผนของ'หมอหยุน' มันไม่มีผลต่อนางเลยแค่เรื่องที่ทำให้นางกังวลก็คือไม่ว่า 'เฟิงชิชา', 'หยานโพ่จุน'และ'เสวี่ยทันหลาง'จะเอาชนะขุนพลปีศาจและกลับไปพื้นที่หอทงเทียนได้นางชำเลืองมอง'เย่ว์หยาง'
แม้ว่าเขาจะดูอ่อนแอภายนอก นอกจากแบกน้องสาวที่หมดสติไว้บนหลัง 'เย่ว์หยาง'ยังคงพาผองมิตรสหายเข้ามาในพื้นที่น่าอนาถ และในใจนาง
คนที่นางเชื่อถือที่สุดกลับเป็น'เย่ว์หยาง' นางไม่สามารถอธิบายความเชื่อนี้ได้ไม่สามารถอธิบายความเชื่อนี้ได้ แต่นางรู้สึกแปลก
"ใครกล้าสู้กับข้า หยานโพ่จุน?"”
'หยานโพ่จุน'ผู้กล้าหาญเกินตัวส่งเสียงท้าทายขุนพลปีศาจฝ่ายตรงข้ามให้มาสู้กับเขา
"พวกเจ้าใช้เวลาสู้ไปเถอะ ข้าชักหิวแล้ว ข้าจะขอกลับไปกินอาหารค่ำก่อนนะ"”
เขายืนและเตรียมตัวจะแยกกลับไปเจ้าบัดซบที่ไร้ยางอายนั่นกำลังจะหนี นี่ไม่ใช่แค่ทำให้'เสวี่ยทันหลาง'และคนอื่นๆ ขายหน้าเท่านั้น
แม้แต่ปีศาจที่พวกเขาเผชิญหน้าก็ยังทนดูไม่ได้ขุนพลปีศาจเหินบินเข้ามาพร้อมกับดาบรูปพระจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่ง เขาโยนของบางอย่างขึ้นไปในอากาศ
มันตกลงในพื้นที่ระหว่างเจ้า'อ้วนไห่'กับ'เย่คง' มันฉายลำแสงดำขึ้นไปในอากาศ เมื่อ'เย่ว์หยาง'เห็นสำแสงนี้ก็คือประตูมิติอย่างหนึ่ง เขาแอบด่าเจ้า'อ้วนไห่'และเจ้าพวกโง่เง่าอื่นอยู่ในใจ
พวกเขาวิ่งมาถึงแดนปีศาจนี้แค่เพียงเพื่อถูกฆ่า จากนั้น'เย่ว์หยาง'มองกลับไปที่เจ้าสำนัก'โล่วฮัว' เห็นเพียงว่านางมีสีหน้าเหมือนกับจะยิ้ม แต่ก็ไม่ใช่เขากัดฟันวิ่งตรงไปที่ลำแสงดำอย่างเร็วเพื่อช่วยเจ้า'อ้วนไห่'และคนอื่นๆ
ในทันใดนั้น เขาถูกส่งไปในพื้นที่สีเลือดโดยรอบพื้นที่นั้นไม่ใหญ่ ขนาดราวๆ สนามฟุตบอล
"ยินดีต้อนรับสู่สนามรบที่ๆ ปีศาจและมนุษย์จะสู้พิสูจน์เป็นตายกัน สนามต่อสู้ของข้าจะบันทึกชื่อเจ้าไว้เป็นรายที่ 1365 มนุษย์นักรบที่ถูกข้าตัดหัว"”
'ขุนพลปีศาจ'ผู้พกพาดาบคู่โค้งหัวเราะภายใต้เท้าเขา 'เย่คง', 'เจ้าอ้วนไห่', และพี่น้องสกุลหลี่ตกลงไปในบ่อเลือดยังดีที่พวกเขายังไม่ตาย พวกเขาหมดสติไปจากการได้รับบาดแผลรุนแรง'เย่ว์หยาง'ร้องออกมา
"ไม่มีทาง? พวกเจ้ากล้าเข้าไปในแดนปีศาจระดับต่ำหรือนี่? ข้าพูดไม่ออกเลยจริงๆ ขุนพลปีศาจ เจ้าคงไม่ได้ลอบทำร้ายพวกเขาใช่ไหม?"”
'ขุนพลปีศาจ'ขวางดาบทั้งสองไว้ตรงหน้าอกเขา ตอบอย่างสง่าว่า
"เขาไม่เรียกว่าลอบทำร้าย ปฏิกิริยาโต้ตอบของพวกมันช้าเกินไปเองนี่หว่า"”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าหมัด'เย่ว์หยาง'ชกเข้าที่จมูกเขาแล้วปั้ก!ส่งผลให้'ขุนพลปีศาจ'ปลิวขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่หลังจะตกลงมากระแทกพื้นในสภาพที่รู้สึกเสียใจ เขาลุกขึ้นยืนและคำรามใส่'เย่ว์หยาง'
"เจ้ามันน่ารังเกียจเกินไป คิดไม่ถึงเลยว่า เจ้าจะแอบทำร้ายข้าขณะที่ยังโม้ไม่จบ"”
'เย่ว์หยาง'ทำท่าสง่าผ่าเผยเลียนแบบกิริยาของฝ่ายตรงข้าม เขาเอามีดสั้น 2 เล่มมาไขว้ขวางอก ทำหน้าหยิ่ง เชิดจมูกใส่อากาศประกาศล้อเลียนว่า
"เขาไม่เรียกว่าลอบทำร้าย การโต้ตอบของเจ้ามันช้าเกินไปต่างหากเล่า"”
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=66