ตอนที่ 65 สถานการณ์วิกฤติ
การทำสัญญาคัมภีร์เล่มที่สองที่ได้รับต่อหน้าทุกคน แม้แต่คนโง่ก็คงจะเริ่มสงสัยเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากเขาได้ทำสัญญากับคัมภีร์ทองแดงมาก่อนแล้ว
เขาจะอธิบายสัญญาที่ทำกับคัมภีร์เงินในตอนนี้และเดี๋ยวนี้ต่อหน้าสาธารณชน, หญิงงาม, 'เย่ว์ปิง'และคนอื่นๆ ได้อย่างไร? การทำสัญญาต่อหน้าสาธารณชนแล้ว ตระกูลเฟิง, เสวี่ย หยานและตระกูลอื่นๆ
จะมีท่าทีเช่นไร, จะเป็นเช่นไรถ้ามีลำแสงก่อกำเนิดปรากฏให้ทุกคนเห็นอีกครั้ง? หรือว่าจะเป็นเช่นไรถ้าคัมภีร์ที่ทำสัญญาได้จะเป็นได้เฉพาะคัมภีร์ทองแดง?
จะทำสัญญากับคัมภีร์เงินต่อหน้าสาธารณชนจะก่อให้เกิดความสงสัยในใจของประชุมชนและเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ไหม?แต่ถ้าเขาไม่ทำสัญญาตอนนี้ และสูญเสียโอกาสนี้ไป
เขาจะกลับมาทำสัญญาอีกครั้งได้ไหม?ถ้าไม่ได้ อย่างนั้นคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าแย่แน่...หลังแย้งกันไปมาในใจ 2-3 ครั้งแล้ว
ในที่สุด'เย่ว์หยาง'ก็ปฏิเสธความคิดที่จะทำสัญญากับคัมภีร์เล่มที่สองทันที ถึงมันจะดีเป็นพิเศษ แต่ถ้ามีคนเห็นเขาทำ มันอาจไม่ดีก็ได้ขณะที่'เย่ว์หยาง'ปฏิเสธคัมภีร์อัญเชิญสีเงิน
เขาหวั่นว่าจะไม่มีโอกาสทำอย่างนั้นได้อีก แต่ใครจะรู้ ข้อความนั้นยังคงอยู่ มันเหมือนกับว่าความรู้สึกกำลังเรียกหาเขาจนทำให้หัวใจของเขาทั้งประหลาดใจทั้งยินดีเยี่ยม!
แม้ว่าเขายังไม่ทำสัญญาตอนนี้ มันก็ยังไม่คล้ายกับว่าจะหายไปโดยสิ้นเชิง ภายหลัง ค่อยหาจุดที่ไม่มีคน แล้วเขาค่อยทำสัญญากับคัมภีร์ชั้นเงินก็ได้แล้ว นี่ชิ้นเหล็กลึกลับนี่คืออะไร?
ขณะที่'เย่ว์หยาง'เตรียมจะใช้ญาณทิพย์ตรวจสอบมันดู เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ก็โยนป้ายเล็กสีเงินอีกป้ายหนึ่งมาให้เขา
"โจรน้อย ข้าขอสั่งเจ้า, เฟิงชิชา, หยานโพ่จุน, เสวี่ยทันหลาง จงเป็นหัวหน้าทีมบุกเข้าแดนปีศาจ ตอนนี้จงเลือกคนไป 5 คน ใครก็ได้"
"ข้าน่ะเหรอ?"”
'เย่ว์หยาง'ทำหน้าขื่นขมยิ่งกว่าอมมะระเสียอีกเขาต้องการแค่พาตัว'เย่ว์ปิง'ไป แล้วออกจากสนามรบที่วุ่นวายนี้ หาที่ซึ่งไม่มีคนอยู่แล้วทำสัญญากับคัมภีร์เงินสำหรับงานที่ดีอย่างนี้แคมเปญล่าสังหารปีศาจนรก
น่าจะปล่อยให้ยอดฝีมือรุ่นเยาว์อย่าง'เฟิงชิชา', 'หยานโพ่จุน'และ'เสวี่ยทันหลาง'ทำ ถ้าเขากับน้องสาววิ่งเข้าไปในแดนปีศาจ เขาจะทำอย่างไร ถ้าเขาข้ามไปเจอจ้าวปีศาจชั้นสูงที่น่ากลัว?
แม้ว่าเขาจะไม่พบ แต่ว่าแดนนรกไม่ใช่สถานที่ละเล่น อย่างไรก็ตาม สำหรับ'เฟิงชิชา', 'หยานโพ่จุน'และ'เสวี่ยทันหลาง', คำบัญชาของเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ถือเป็นเด็ดขาด
ขณะที่'เย่ว์หยาง'ยังคงลังเล พวกเขาทั้งสามเปล่งรังสีฆ่าฟันและเลือกเอาองครักษ์เกราะทองหรือเกราะเงินที่ดีที่สุดไปบุกตอบโต้ในแดนนรกกันแล้วการเข้าแดนนรกไปต่อสู้กับปีศาจ นี่คือเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่สำหรับนักรบแห่งแผ่นดินมังกรทะยาน'เย่คง', 'หลี่เชีย'และ 'หลี่เกอ'ตื่นเต้นจนถึงกับตัวสั่น
พวกพวกแสดงความเคารพกล่าวว่า
"ท่านหัวหน้า เราพร้อมแล้ว พร้อมแล้ว"
"พวกเจ้าต้องการบุกแดนนรกหรือ? สารรูปของพวกเจ้าทั้งสามคนจะพอไปติดซอกฟันของปีศาจหรือเปล่าก็ไม่รู้?"”
'เย่ว์หยาง'เหลือกตาขณะได้ยินคำพูดนี้
แม้เขาจะได้เห็นคนโง่มาก่อน แต่เขาไม่เคยเห็นคนโง่เขลาขนาดนี้มาก่อน ถ้าพวกเขาต้องการหาที่ตาย ก็แค่ไปที่หุบเขายู่หลงอุทิศตนเป็นอาหารหนอนยักษ์ก็ได้ ทำไมต้องเข้าไปตายในแดนปีศาจโดยไม่จำเป็น?
"ข้าจะไม่ขออะไรอื่น แค่ว่าท่านสามารถพาข้าเข้าไปในแดนปีศาจต่อให้ข้าได้แลกชีวิตกับปีศาจผิวเขียวข้าก็จะทำ"”
'เย่คง'เป็นคนธรรมดาที่มีเหตุผลมาก
แต่ทันทีที่เขาได้ยินว่าจะบุกพิชิตแดนปีศาจความฉลาดของเขาก็ลดลงจนติดลบ เขากอด'เย่ว์หยาง'แน่น ไม่ยอมปล่อยเขาไปจนกว่าจะลากเขาเข้าไปในประตูเทเลพอร์ต ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น
แม้แต่'หลี่เชีย'และ'หลี่เกอ'ก็กลายเป็นพวกบ้าดีเดือดไปด้วย ขณะที่จ้องไปที่ประตูเทเลพอร์ตขณะที่มีความตั้งใจที่จะฆ่าถ้าไม่ใช่เพราะ'เย่ว์หยาง'เป็นหัวหน้าจำเป็นต้องนำพวกเขาแล้ว พวกเขาคงวิ่งเข้าไปสู้กับปีศาจเสี่ยงชีวิตพวกเขาเองแล้ว
"ถ้าเจ้าต้องการไป อย่างนั้นก็ไปเถอะ ข้าไม่ไปหรอก"”
'เย่ว์หยาง'คงจะเป็นนักรบคนแรกในประวัติศาสตร์ทวีปมังกรทะยานที่ปฏิเสธที่จะเข้าไปในแดนนรกเพื่อฆ่าปีศาจ
"เจ้าก็แค่วางเด็กหญิงบนหลังเจ้าลงก่อน เราสาบานได้ว่าเรามั่นใจในความปลอดภัยของนาง"”
นักรบเกราะเงินคนหนึ่งคิดว่า'เย่ว์ปิง'ที่ตนนำไปด้วยจะเกิดอันตราย จึงเสนอดูแลนางแทน'เย่ว์หยาง'
"เหลวไหล! ถ้าข้าปล่อยนางไว้กับพวกเจ้า ข้าจะยิ่งห่วงมากกว่า"”
'เย่ว์หยาง'ไม่เคยได้ยินว่าการฝากแกะน้อยไว้กับฝูงหมาป่าย่อมมีผลสรุปไม่ดี
"ข้ามาสายแล้ว เจ้าพวกปีศาจทุกตัว, มาหาข้านี่.. รอเดี๋ยว, ขอให้ข้าสนุกก่อน, ข้ายังจะไม่ฆ่าปีศาจใดๆ ก่อน ให้ข้า...อูย.. ไอ้ลูกชาย..ทำไมเจ้าแอบฆ่าก่อนข้าเล่า? เจ้าจะตายไหม? ถ้าฆ่าน้อยกว่าข้าสักตัว? เจ้ารู้ไหมว่าข้าเจ็บปวดแค่ไหน หัวใจของท่านไห่น่ะ? หัวใจของข้าเกิดมาเพื่อกำจัดปีศาจ แต่เจ้ากลับจัดการพวกมันอย่างไร้ความปราณี จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าหดหู่จนฆ่าตัวตาย? เจ้าจะชดใช้ชีวิตให้ข้าได้ไหม? รอเดี๋ยว เจ้าหมาตัวดี เหลือปีศาจเขียวให้ข้าบ้าง ข้าเป็นผู้ชำนาญในการฆ่าปีศาจเขียว ข้าเกิดมาในโลกนี้เพื่อฆ่าปีศาจเขียว ...โธ่.. เจ้าหมาชั้นต่ำ เอ๊ย..ไม่ใช่..เจ้าเป็นหมาทรงพลังชั้นดี ข้าไม่เคยพบหมาป่าปีศาจหลังเหล็กชั้นทองแดงระดับ 4 เป็นเรื่องเข้าใจผิด มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เดี๋ยวก่อน, เจ้าอย่าเพิ่งโจมตีสิ...พระเจ้า..เจ้าหมาของน้องข้า ข้าไม่เจอเจ้ามาไม่กี่วันเอง เจ้าก็ยกระดับขึ้นไปอีกแล้ว แล้วน้องข้าไปอยู่ไหนแล้ว?"”
เจ้าอ้วนที่ใหญ่กว่าคนธรรมดา 3 เท่าและกำลังขี่แรดขาวตัวหนึ่งควบไปด้วยความเร็วที่ช้าอย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยความต้องการจะฆ่าปีศาจ แต่ได้ความเร็วขนาดนั้น
แม้แต่ผมสักเส้นก็คงหาไม่เจอหลังจากจำ'ฮุยไท่หลาง'ได้ เขามองไปรอบๆ ในที่สุดก็เห็น'เย่ว์หยาง'ที่กำลังวุ่นวายอยู่ในสนามรบเขาจึงโดดลงจากหลังของแรดขาวเพราะน้ำหนักของเขา
ถึงกับทำให้แผ่นดินสะเทือนนี่คือเจ้าอ้วนที่ชอบให้คนเรียกเขาว่า 'ไห่ต้าฟู่'เจ้า'อ้วนไห่'เหมือนกับภูเขาย่อมๆ รีบตรงเข้ามาหา'เย่ว์หยาง' มีเสียงดังสนั่นเพราะสัตว์อสูร 2 ตัวและทหารรับจ้าง 3 คนกระเด็นออกไปขณะที่เขาวิ่งหาพวกเขา
แม้แต่นักรบเกราะเงินก็ยังกลัวและรีบหลบไปด้านข้างเจ้า'อ้วนไห่'ยังไม่ตระหนักความจริงที่ว่าตัวเองเป็นรถถังมนุษย์ เมื่อเขาก้าวไปอีกไม่ก้าวก็วิ่งไปอยู่ข้างๆ 'เย่ว์หยาง'และตบไหล่เขารับรอง เขาแทบจะทำให้'เย่ว์หยาง'ทรุดลงไปบนพื้น
“น้องเรา, เจ้าอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? ทำไมเจ้าไม่บอกลูกพี่คนนี้ แทนที่จะแอบเข้าไปกำจัดปีศาจ? แม้ว่าที่นี่จะมีปีศาจอยู่มาก ก็ไม่ต้องห่วง ลูกพี่คนนี้จะปกป้องเจ้าเอง ดู นี่คือสัตว์อสูรของข้า แรดเหล็กชั้นทองแดงระดับ 2 ตราบใดที่มันยังอยู่ในสนามรบ มันเป็นเหมือนกำแพงเมืองได้ 3 คนนี่เป็นใครกันเล่า? พวกเขาเป็นสหายเจ้าหรือ? พวกเขาจะร่วมกลุ่มด้วยไหม? พวกเจ้าทุกคน เรียกข้าว่าลูกพี่ ข้าจะปกป้องพวกเจ้านับแต่นี้ไป”
“ผู้ใดต้องการให้ท่านปกป้องเรา?”
'เย่คง'แทบบ้า เจ้าอ้วนผู้นี้แทบไม่มีโอกาสรอดตายในสนามรบ เขายังกล้าทำท่าเหมือนกับเป็นผู้เชี่ยวชาญอีก
“แม้ว่าพลังของพวกเจ้าค่อนข้างอ่อนแอ ข้าจะช่วยฝึกพวกเจ้าได้ จากนี้ไปข้าจะเป็นลูกพี่เจ้าและจะพาเจ้าให้ผ่านบททดสอบไปได้”
เจ้า'อ้วนไห่'จำเย่คงผู้อยู่ในหอทงเทียนมา 2 ปีไม่ได้ และที่สำคัญคือ เขายังคงโม้ต่อไป
“ทดสอบล้างเจ้าชายน่ะหรือ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินจากท่าน?”
'เย่คง'สงสัยว่าสมองของเจ้า'อ้วนไห่'คงทำมาจากเต้าหู้อ่อน มันถึงได้เน่าเสียแบบนั้้น
“อย่างนั้นเจ้าก็ไม่รู้และยังขาดประสบการณ์ ถ้าเจ้าเข้าไปในที่แห่งหนึ่งมีผู้คนเล็กน้อย ลองถามทุกคนแถวนั้นดูว่าจำได้ไหมว่าข้าเป็นใคร คุณชายไห่.. แต่อย่าเรียกข้าว่าคุณชายเชียวนะ มันรู้สึกจั๊กจี้ ให้เรียกข้าว่าลูกพี่ก็พอ”
เจ้า'อ้วนไห่'ชอบคำว่าลูกพี่จริงๆ
“ใครจะพอใจเรียกเจ้าว่าลูกพี่กัน?”
'เย่คง'และพี่น้องตระกูลหลี่แทบจะระเบิดอารมณ์เมื่อได้ยินแบบนั้น
“เมื่อเจ้าเห็นพลังของข้า รับรองได้ว่าเจ้าจะยอมเรียกข้าว่าลูกพี่อย่างเต็มใจแน่”
เจ้า'อ้วนไห่'โม้ต่อด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“เจ้าโง่, ข้าไม่ต้องการคุยกับเจ้า เข้าแดนปีศาจกันเถอะ แม้จะรักษาให้ประตูลัดคงอยู่ด้วยเวทก็ตาม ข้าเกรงว่ามันน่าจะทนอยู่ได้ราวครึ่งชั่วโมง เราต้องรีบไปดูและเรียนรู้แดนปีศาจให้มาก..”
ก่อนที่'เย่คง'จะพูดจบ เจ้า'อ้วนไห่'ก็ร้องลั่นราวกะโดนผีหลอก
“ไปแดนปีศาจเหรอ? เจ้ามีป้ายประกาศิตของหัวหน้าไหม? ว้าว, เจ้ามีจริงๆ ด้วย น้องเรา, เจ้าไม่เสียทีที่เป็นเป็นน้องของคุณชายไห่ผู้นี้จริงๆ สุดยอด ไปกันเถอะ, เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเกิดมาในโลกนี้เพื่อฆ่าปีศาจ? ขอร้องล่ะ, พาข้าไปด้วย อย่างน้อยที่สุดข้าจะยอมให้เจ้าเป็นลูกพี่ไปสักระยะนึงก่อน”
เขาตบหน้าอกตนเองจนไขมันกระเพื่อม พอเห็นอย่างนั้น 'เย่ว์หยาง'ไม่ต้องการไป เขาจึงใช้วิธีป่าเถื่อนดื้อๆ ดึงแขน'เย่ว์หยาง'ตรงเข้าไปในประตูลัดทันที
“……”
'เย่คง'รู้สึกไม่ชอบเจ้า'อ้วนไห่'เป็นอย่างมาก คนที่ไม่มีความแข็งแกร่งแต่ชอบให้คนอื่นเรียกว่าลูกพี่ แต่พอเห็นว่าเขาใช้พลังถึกดึง'เย่ว์หยาง'เข้าแดนปีศาจไปแล้ว
เขารีบติดตามพวกเขาไปทันทีเจ้า'อ้วนไห่'และ'เย่คง'ทั้งผลักทั้งดัน'เย่ว์หยาง' ใช้แรงดึง'เย่ว์หยาง'จนถึงแดนปีศาจ ในสายตาของพวกคลั่งต้องการรบกับแดนปีศาจได้ลามไปที่'เย่ว์หยาง'แล้วความจริง, 'เย่ว์หยาง'ก็อยากรู้อยากเห็นอยู่บ้างมันคงไม่เจ็บปวดที่จะรับความรู้เพิ่มแม้ว่าเขาจะเอาชนะไม่ได้
อย่างดีก็แค่วิ่งหนี ในแดนปีศาจนั้นกว้างใหญ่ไพศาล เขาคงไม่โชคร้ายตลอดจนไปพบปีศาจระดับสูงชั้นจ้าวปีศาจตั้งแต่แรกได้หรอกนะ?เป็นเรื่องอันตรายที่พา'เย่ว์ปิง'เทเลพอร์ตเข้าแดนปีศาจมา
แต่เขาคงไม่รู้สึกว่าจะพานางออกไปจากสนามรบนี้ได้ง่ายแน่ เขาหันหัวกลับมา 'เย่ว์หยาง'เห็นหน้าของ'เย่ว์ปิง'ซีดเล็กน้อยยังหลับสนิทอยู่และรู้สึกว่าความอ่อนโยนเกิดขึ้นในใจตนเองอย่างไม่เคยมีมาก่อนถ้าเขาพานางมาด้วย
เขาจะอยู่ตรงนั้นกับนาง ที่สำคัญที่สุด นางคือน้องสาวของเขาเนื่องจากเขาพานางเข้าแดนปีศาจมาด้วย เขาจะต้องพานางกลับไปที่หอทงเทียนอย่างปลอดภัยให้ได้ กลับไปบ้านน้อยที่อบอุ่นไปอยู่ใกล้ๆ แม่สี่
“ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการตาย หลังจากเข้าไปแล้ว อย่าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า ตรวจสอบสถานการณ์ก่อนที่จะทำอะไรลงไป”
'เย่ว์หยาง'รู้สึกว่า 'เย่คง'และคนอื่นๆ จะปล่อยให้เกียรติยศและความเป็นคนเลือดร้อนครอบงำจนรีบเร่งเข้าไปตายทันทีที่เข้าประตูเทเลพอร์ต ต่อให้มีร้อยคนก็ตาม ก็มีแต่จะเสนอตัวไปเป็นอาหารจานด่วนให้กองทัพปีศาจเสียเปล่า'เย่คง'และคนอื่นๆ ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจความจริงข้อนี้
แต่ขณะที่พวกเขาตรวจสอบสีหน้าจริงจังของ'เย่ว์หยาง'อีกครั้ง ก็เห็นความอบอุ่นลางๆ อยู่ในความเยือกเย็นนั้น แม้ว่าความอบอุ่นนั้นจะเป็นแค่หนึ่งในพันที่'เย่ว์หยาง'แสดงออกขณะมอง'เย่ว์ปิง'
ในตอนนี้ แต่พวกเขายังคงรู้สึกว่าความอบอุ่นนั้นได้แผ่ซ่านจากหัวใจผ่านไปทั่วสรรพางค์กายขณะที่'เย่ว์หยาง'ก้าวเข้าไปในประตูเทเลพอร์ต
เขารู้สึกว่ารอบๆ ข้างเปลี่ยนไปเป็นสีดำหลังจากขับไล่ความมึนงงได้แล้ว เขาพบว่าตัวอยู่ในแดนนรกซึ่งมีท้องฟ้าสีแดงเลือดรอบๆ พระจันทร์สีเลือด มีแสงสีแดงแปลกฉายออกไปในความมืดมิดย้อมท้องฟ้าจนเป็นสีแดงคล้ายเลือดเนื้อสดข้างหน้าพวกเขา บนยอดเขาหินสีดำแดง มีปีศาจนับไม่ถ้วนยืนอัดแน่นอยู่บนนั้น
ขณะที่'เย่ว์หยาง'เห็นภาพข้างหน้านี้ เขาถึงกับตกใจปากอ้าตาค้าง พวกปีศาจที่อยู่ในที่นี้ลองคำนวณดูแล้วอย่างน้อยเป็นร้อยเป็นพัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่าพวกมัน ต่อให้มันหยุดเฉยๆ ยืดคอให้ทุกคนฆ่ามันก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงกำลังเสริมที่จะตามมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดศึกครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะมีแต่หาเรื่องเจ็บตัวอย่างเดียว
"ทุกคน! ระวังตัว! ขุนพลปีศาจมาถึงแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะฆ่าขุนพลปีศาจได้ เนื่องจากโดยทั่วไปปีศาจเหล่านี้จะมีคัมภีร์อัญเชิญอยู่ด้วย เราต้องสู้รบให้แตกหัก โดยเน้นไปที่ฆ่าปีศาจที่อ่อนแอให้ได้มาก"”
เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ปล่อยลำแสงสีขาวป้องกันการโจมตีมาเป็นเวลานานแล้ว ลำแสงฉายออกมาต่อหน้านาง ปีศาจใดๆ ที่สัมผัสมันก็จะสลายหายไปทันที สามารถกำจัดปีศาจได้ทันทีจนไม่เหลือแม้แต่เศษเถ้า ลำแสงสังหารนั้นมีผลพอที่จะทำลายปีศาจในกองทัพพวกมันได้หลายร้อยตนภายในชั่ววินาที ในพื้นที่ๆ ปีศาจชุมนุมหนาแน่นจะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่ทันที
"ท่านหญิงโล่วฮัวจงเจริญ!"”
พวกมนุษย์นักรบทุกคนส่งเสียงให้กำลังใจ พร้อมกับขวัญและกำลังใจของพวกเขาก็เพิ่มพูนขึ้นในทันที
“…..”
อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์หยาง'รู้ชัดว่า ลำแสงสีขาวนี้ เจ้าสำนักโล่วฮัวไม่สามารถปล่อยได้มากกว่า 2-3 ครั้ง
แม้หลังจากรอสะสมให้พลังฟื้นคืนจนถึงเดี๋ยวนี้ นางคงเข้าถึงพลังได้เพียงระดับนี้เท่านั้น ตอนนี้ศัตรูกำลังเคลื่อนตรงเข้ามาหาในจุดที่นางอยู่ นางแทบจะหมดพลังที่เก็บกักเอาไว้แล้ว ไม่มีเวลาพอที่จะรวบรวมพลังอีกครั้งแล้ว
"พยายามให้ดีที่สุดฆ่าศัตรู ฆ่ากลุ่มปีศาจเล็กน้อยที่รวมตัวกันเป็นร้อยซะ แล้วข้าจะปูนบำเหน็จพวกเจ้าให้เป็นนักฆ่าปีศาจ และอนุญาตให้กลับไปหอทงเทียนได้"”
เจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ไม่ได้ตั้งเงื่อนไขให้ยาก วัตถุประสงค์ของนางคือนำพาพวกยอดฝีมือรุ่นเยาว์ไปฆ่าในดินแดนปีศาจเหมือนเป็นการฝึกหัด และไม่ยอมให้ยอดฝีมือรุ่นเยาว์เหล่านี้ต้องตายไปในการศึกเพื่อเกียรยศขณะฆ่าปีศาจฝึกอบรมความกล้าหาญ
จิตตานุภาพและการให้เกียรติผู้เยาว์เหล่านี้คือวัตถุประสงค์สูงสุดของนางเพื่อความแข็งแกร่งหรือความสำเร็จ พวกเขาจะสามารถผ่านการทดสอบตามปกติได้
"เย่คง, เจ้าไม่ต้องเคลื่อนไหว ให้ทำได้หลังจากข้าตรวจสอบสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน"”
'เย่ว์หยาง'รู้สึกไม่สบายใจเนื่องประสาทของเขารู้สึกได้ถึงอันตราย ถ้าปีศาจหลายร้อยหลายพันที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดเป็นพวกระดับ 3 และต่ำกว่า
เขาคงไม่มีความรู้สึกถึงอันตรายเช่นนี้ ต่อให้มีขุนพลปีศาจระดับ 5 เขาคงไม่รู้สึกว่าขนลุกตั้งชันอย่างนี้แน่ในส่วนมืดมิด ต้องมีปีศาจอื่นที่ซ่อนความแข็งแกร่งอย่างมากไว้ และรอช่วงเวลาที่ดีพร้อมที่จะโจมตีพวกเขาปีศาจตนนี้อาจเป็นระดับสูงหรือต่ำกว่าชั้นจ้าวปีศาจ แม้จะไม่นับว่าเป็นตัวเดียวก็ตาม...
จะเป็นเช่นไรถ้าเจ้าสำนัก'โล่วฮัว'ผู้แข็งแกร่งที่สุดในนี้ถูกโจมตี? อาศัยเพียง'เฟิงชิชา', 'หยานโพ่จุน', 'เสวี่ยทันหลาง'กับตัวเขาและภาระที่ถ่วงอยู่อีก 4 คน พวกเขาจะยืนหยัดอยู่ได้นานแค่ไหน? ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น เขายังแบกเอา'เย่ว์ปิง'ที่หมดสติลงมาด้วย...
เขาควรจะทำอย่างไร เพื่อให้หลุดพ้นไปจากสถานการณ์นี้ให้ได้
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=65