ตอนที่ 54 คำจำกัดความ ความแข็งแกร่งสัตว์อสูร
ทุกคนต่างมองไปที่'เย่ว์หยาง'อย่างมุ่งหวังไม่มีข้อจำกัด ใครจะรู้กันว่าแค่ประโยคเดียวที่'เย่ว์หยาง'พูดออกมาถึงกับทำให้ทุกคนทรุดลงกับพื้น
"ความจริงแล้ว ข้าก็ไม่ได้ทำอะไร แต่นอนอยู่ในนั้น เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงนี่ไวจริงเหรอ?"”
'เย่ว์หยาง'กวาดสายตามองดูสีหน้าทุกคนด้วยท่าทีไร้เดียงสาบนใบหน้า พอเห็นสีหน้า'เย่ว์หยาง' ที่แค่ดูแล้วมันน่าตบจริงๆ หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองอยากจะบีบคอเขาให้ตาย
นอนที่ไหนมันก็ดีอยู่หรอก แต่ทำไมเขาต้องไปนอนที่วิหารราศีเมษ? นอนที่วิหารราศีเมษหมายความว่าเอาตัวเองไปเสี่ยงในการต่อสู้นองเลือด แล้วยังทำลายสถิติหลังจากเกือบเสียชีวิต ในโลกนี้ยังมีคนน่ารังเกียจเหมือนเจ้าเด็กนี่อีกไหม?
“ท่านไม่ได้เข้าไปดูหรอกหรือ?”
'เย่คง'สับสน เป็นไปได้ว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นอะไรเลยหรือ? เขาไม่ได้ต้องการเข้าไปดูไคเมรา 3 หัวหรอกหรือ?
“ข้าเข้าไปข้างใน แต่ไม่ได้ออกมา เนื่องจากข้าเบื่อ ก็เลยแอบเข้าไปงีบ”
'เย่ว์หยาง'โกหกหน้าตาเฉยแม้ตาก็ยังไม่กระพริบ เป็นไปไม่ได้ หนึ่งในผู้คุ้มกันเกราะทองที่ยืนอยู่ใกล้หัวหน้าผู้คุมกันส่งเสียงคัดค้านลั่น
“ถ้าเจ้าเข้าไปข้างใน เจ้าจะต้องถูกไคเมรา 3 หัวกินภายในคำเดียว แล้วเจ้ายังรอดอยู่ได้อย่างไร?”
หนึ่งในผู้นำทหารรับจ้างผู้ได้พนันว่า'เย่ว์หยาง'จะต้องตายในที่สุดส่ายหัวอย่างไม่ยอมเชื่อถือ
“แม้แต่โล่ห์ป้องกันสรรพสิ่งคงอยู่ได้นาน 10 นาที ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในนี้ได้ถึง 3 ชั่วโมง เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
“โล่ห์ป้องกันสรรพสิ่งที่คงอยู่ได้นาน 10 นาที ไม่เพียงพอทำให้ข้าเดินไปมาแถวๆ นี้ ขณะที่ไคเมรา 3 หัว มันไม่ได้สนใจข้าตั้งแต่เริ่มแรกแแล้ว ข้าเองก็ไม่ได้สนใจมัน 2 เราแค่ต่างคนต่างหลับไปตามความพอใจของตน”
ฝีมือโกหกของ'เย่ว์หยาง'ยอดเยี่ยมจริงๆ เขาพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
“ไคเมรา 3 หัว มีลักษณะเหมือนอะไร?”
เจ้าหน้าคุ้มกันเกราะทองอีกคนถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“หัวมังกรอยู่ด้านซ้าย, หัวสิงห์อยู่ตรงกลาง หัวแกะอยู่ทางขวาและมันมีหางเป็นงู โอ ใช่แล้ว ตรงคอของเจ้าหัวแกะจะแขวนไว้ด้วยกระดิ่งทองเช่นกัน”
เมื่อ'เย่ว์หยาง'โกหก มีความจริงปนอยู่กับเรื่องโกหก คนธรรมดาไม่สามารถจำแนกความแตกต่างทั้งสองได้ แม้ว่าทุกคนยังจะสงสัยเขา แต่ก็ไม่มีสามารถพบความขัดแย้งในคำพูดของเขา แม้แต่ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
“แล้วต่อมาเจ้าออกมาได้อย่างไร?”
ทหารรับจ้างหัวล้านถามอีก
“ฮุยไท่หลางคอยหลอกพวกปีศาจหัวแกะ และพอผ่านทางเข้ามาได้ พวกปีศาจหัวแกะไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวไคเมรา 3 หัว ฮุยไท่หลางกัดพวกมันจนตายทีละตัว จากนั้นก็หลอกล่อโกเล็มรบออกไปห่างๆ ข้าจึงเข้าไปได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานของพวกมันยังต่ำมาก ตามทางผ่านจึงยังไม่ได้กวาดล้างอุปสรรคหลังจากที่ข้าหลับไปไม่กี่งีบ ข้ารอจนรู้สึกเบื่อจริงๆ”
ทุกคนแทบกระอักเลือดกับสิ่งที่'เย่ว์หยาง'พูด ถ้าเจ้าเด็กตัวแสบนี่เข้าไปงีบข้างในได้ งั้นความสำเร็จก็เป็นของหมาป่าสัตว์เลี้ยงของเขาสินะ?
“โกหก, หมาป่าตัวเดียวไม่มีทางฆ่าปีศาจหัวแกะได้ทุกตัวหรอก มีปีศาจหัวแกะอยู่ข้างในเป็นโขยง”
นักรบคนหนึ่งผู้เสียเงินเดิมพันตะโกนลั่น
“เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเจ้าหลับอยู่ที่นั่น ไม่ใช่ว่าหลับอยู่ในวงแหวนเทเลพอร์ตนะ?”
บางคนตั้งคำถาม
“ไม่ต้องสนว่าท่านจะพูดอะไร, ตราบใดที่ท่านออกมาได้ ก็นับว่าดีแล้ว”
'เย่คง'ไม่ได้สนใจว่าเย่ว์หยางจะไปงีบที่ไหน ตราบใดที่คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้ปลอดภัย นั่นก็ดีแล้ว
ถ้าเขาตายไป ตระกูลเย่ว์ไม่มีทางปล่อยเย่คง และแม้แต่พ่อแม่ของเขาอาจจะรักษาชีวิตพวกเขาไม่ได้ ในช่วง 3 ชั่วโมงที่'เย่ว์หยาง'ไม่ได้ออกมา จิตใจเขารู้สึกเหมือนถูกทรมานจนแทบจะฆ่าตัวตาย
ตอนที่คุณชายสามผู้นี้ออกมาอย่างปลอดภัยและไม่บาดเจ็บ ทำให้'เย่คง'สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านก็เล่นสนุกในวิหาร 12 นักษัตรไปแล้ว กลับกันเถอะ”
พี่น้องตระกูลหลี่รู้สึกกลัวมากจนร่างกายของทั้งคู่เริ่มมีเหงื่อไหล
“ใช่ ใช่แล้ว เราควรจะกลับกันเดี๋ยวนี้”
'เย่คง'พูดแทรกขึ้นมา เป็นการบอกนัยๆ ว่าไม่ยอมให้คุณชายสามผู้นี้เข้าไปในวิหาร 12 นักษัตรต่อ มันเป็นเรื่องของความกลัว เขาไม่อยากคอยอย่างทุกข์ทรมานอีกต่อไป
“อย่าเพิ่งไปจากตรงนั้นสิ! พวกเจ้าไม่กี่คนจงใจร่วมมือกันหลอกลวงผู้คนแน่ๆ”
หัวหน้าทหารรับจ้างคนหนึ่งที่สูญเสียเงินของเขาโกรธจนตาแดงตะโกนออกมา
“พวกที่พนันกันก็เป็นพวกท่าน ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม ทำไมพวกเจ้าทุกคนถึงมารุมล้อมตรงนี้เพื่อดูเราวิ่งเข้าไปในวิหาร 12 นักษัตรเล่า? ทำไมเจ้าถึงสนด้วยเล่าว่าเราจะทำอะไรกัน? เราเข้าไปงีบในนั้นไม่ได้เหรอ ถ้าเราอยากจะทำอย่างนั้น?”
ตอนนี้'เย่คง'โกรธบ้างแล้ว คนพวกนั้นเยาะเย้ยพวกเขาจนถึงบัดนี้ ปากพวกเขาก็น่ารังเกียจมาก ตอนนี้คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์นั้นกลับออกมาได้อย่างไม่คาดฝัน
พวกเขาบังอาจใช้การนอนและการหลอกลวงมากล่าวหาพวกเขา และไม่มีการเห็นแก่หน้าใดๆ เลย? จะไร้ยางอายบ้างก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ไม่ควรจะเกินเลยขนาดนี้
“…”
พวกทหารรับจ้างพอได้ยินแล้ว ก็รู้สึกมีสีหน้าลำบากใจ แน่นอนว่า การพนันทำให้คนพวกนี้มารวมตัวกัน แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าเด็กผู้นี้ด้วย
แต่สถานการณ์เช่นนี้ ไม่สามารถจะกลบเกลื่อนกันแบบพอไปทีได้ และพวกเขาต้องการความแน่ใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มิฉะนั้นคนที่ชนะก็จะไม่ไว้ใจและคนที่แพ้ก็จะไม่ยอมรับ
ภายในกลุ่มคนที่ล้อมวงมาดู หัวหน้าทหารรับจ้างเป็นผู้สูญเสียเงินมากที่สุด พูดว่า
“มาพนันกันอีกอย่างหนึ่ง ข้าพนันว่าเขาเอาแต่หลับอยู่ในวงแหวนเทเลพอร์ตตอนเขาเข้าไป และเขาไม่ยอมย่างเท้าเข้าไปในวิหารราศีเมษเลย ใครต้องการพนันกับข้าบ้าง ข้าจะเดิมพัน 2 เหรียญทอง”
ถึงแม้ว่าทุกคนรู้ว่า'เย่ว์หยาง'อยู่ข้างในนั้น 3 ชั่วโมง พวกเขาก็ไม่กล้าพนันว่าเขานอนหลับอยู่ในวงแหวนเทเลพอร์ตหรือว่าในวิหารราศีเมษ หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาเป็นผู้เคยท้าประลองที่วิหารราศีเมษมาหลายครั้งจึงรู้ความลับมาบ้าง ถ้ามีผู้ไม่ยอมเข้าวิหารราศีเมษภายในครึ่งชั่วโมง ผู้ท้าประลองนั้นจะถูกผู้คุมกฎการประลองจับโยนออกมาจากวิหาร 12 นักษัตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ภายในวิหารเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย
ภายในครึ่งชั่วโมง ถ้าโกเล็มรบและปีศาจหัวแกะยังไม่ถูกกำจัด หรือถ้าไม่มีคนเข้าไปในวิหารราศีเมษ ก็ดูเหมือนว่าเป็นความล้มเหลวในการท้าประลองโดยสิ้นเชิง เขามั่นใจว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้เข้าไปในวิหารราศีเมษแน่ มิฉะนั้นคงไม่มีทางอยู่ในนั้นได้ถึง 3 ชั่วโมง แน่นอนว่า ในฐานะหัวหน้าผู้คุ้มกันประตูลัดเข้าวิหาร 12 นักษัตร เขาจะไม่ปล่อยให้ความลับนี้รั่วไหล
“ข้าจะพนันกับเจ้า”
'เย่ว์หยาง'ยิ้มกว้าง
“ท่านกล้าหรือ?”
ถ้าเจ้าสำนักเมืองโล่วฮัวอยู่ที่นี่ 'เย่ว์หยาง'จะไม่สนใจพวกทหารรับจ้างที่พูดไร้สาระพวกนี้เสีย 'อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้น 'เย่ว์หยาง'ตัดสินใจใช้โอกาสนี้เหยียบย่ำพวกทหารรับจ้างที่หยิ่งผยองพวกนี้
ถ้าพวกเขาหนีไป นั่นยังจะดีกว่า น่าจะลองให้'ฮุยไท่หลาง'ประกาศศักดาของมัน และส่งเสริมให้มันเป็นมือเป็นเท้าคนแรกของเขาต่อหน้าผู้คนนี่แหละ
แน่นอนว่า 'ฮุยไท่หลาง'สัตว์อสูรชั้นทองแดง ระดับ 4 ไม่สามารถสู้กับไคเมรา 3 หัวได้ แต่ ถ้ามันต้องต่อสู้กับสัตว์อสูรของทหารรับจ้าง ความแข็งแกร่งของมันมีมากเหลือเฟือ
“เจ้าบ้าไปแล้ว จะเป็นอย่างไร ถ้าเจ้าแสดงหลักฐานว่าเจ้าได้เข้าไปในวิหารราศีเมษแล้วเอาชนะปีศาจหัวแกะได้? เจ้ามีอาวุธของพวกมันไหม? เจ้ามีข้อพิสูจน์ใดๆ หรือไม่? ถ้าเจ้ามีอะไรในกระเป๋าของเจ้าก็ควักออกมา”
หัวหน้าทหารรับเจ้ามองดูมือที่ว่างเปล่าของ'เย่ว์หยาง' และรู้สึกว่าโอกาสชนะมีสูงมาก ถ้าเจ้าเด็กแสบนี่เข้าไปในวิหารราศีเมษได้จริงๆ เขาคงไม่เอาของพิสูจน์ติดตัวมาด้วยโดยไม่จำเป็น
“แน่นอนว่าข้ากล้าอยู่แล้ว แต่ว่าเจ้าเล่า? แต่ถ้าเจ้ากล้าก็รวบรวมเดิมพันของเจ้ามาเลย 10 เหรียญทองขึ้นไปเป็นอย่างไร?”
'เย่ว์หยาง'ยิ้มราวกับจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์
“…”
หัวหน้าทหารรับจ้างเริ่มสูญเสียความมั่นใจ 10 เหรียญทองไม่ใช่เงินน้อยๆ จะเป็นอย่างไรถ้าเจ้าเด็กนี่เอาของพิสูจน์ตัวเองมาได้จริงๆ?
“โลกนี้มีคนคุยโตมากเกินไปแล้ว คนที่กล้ามีน้อยและอยู่ไกล...เอ่”
'เย่ว์หยาง'มองดูหัวหน้าทหารรับจ้างอย่างเหยียดหยาม สีหน้าของเขาเหมือนจักรพรรดิมองดูขันที ท่าทีหยามหน้ากันแบบนี้ทำให้ผู้คนยากจะทนรับได้ หัวหน้าทหารรับจ้างและเพื่อนร่วมทีมแทบอยากจะเฉือนเขาเป็นชิ้นๆ
“ลูกพี่! ข้าหมั่นไส้เจ้าหนุ่มนี่”
“เราจะร่วมพนันกับเขา!”
“เจ้าเด็กนี่กวนโมโหยิ่งนัก ถ้าเราไม่สั่งสอนเขาสักเล็กน้อย เขาจะคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งที่สุดในโลก”
ทหารรับจ้าง 2-3 คนร้องออกมาว่าพวกเขาโกรธมากแค่ไหน พวกเขาควักเงินของตัวเองออกมาให้หัวหน้าทหารรับจ้างและสาบานว่าพวกเขาจะเดิมพันจนหมดตัวกันไปข้างหนึ่ง
การอยู่ในโลกนี้ ชีวิตของผู้คนก็หมายถึงแก่งแย่งหาชื่อเสียง ถ้าคนอื่นๆ เอาแต่เฝ้ามองพวกเขา และไม่มีอะไรจะทำ จะนับพวกเขาว่าเป็นลูกผู้ชายได้หรือ?
แม้ว่าทอง 10 เหรียญจะมาก ทุกคนก็ยังสามารถรวบรวมมาได้ และใช้เงินเดิมพันทั้งหมดนั้นมาสู้กับเจ้าเด็กผู้นี้จนกว่าพวกเขาจะได้ผลสรุป ไม่ใช่ทหารรับจ้างทุกคนที่รวมกันแล้วจะเกิดความห่าม
คนจำนวนมากกว่า ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ได้แต่มองจากด้านข้างและดูการเฉลยฉากสำคัญ พวกเขายังคงให้หัวหน้าทหารรับจ้างยืมเงินไปเดิมพัน แต่เพราะพวกเขาเห็นว่าเพิ่มเงินเดิมพันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ใครจะกล้าพนันกับคนที่อยู่ภายในวิหารราศีเมษถึง 3 ชั่วโมงก่อนจะออกมาได้กันเล่า ใครจะกล้าพนันกับเขา? ต่อให้ไม่ต้องคิดว่าเขาท้าประลองไคเมรา 3 หัว หรือว่าฆ่าปีศาจหัวแกะหรือไม่ แค่หลับอยู่ในนั้นได้ถึง 3 ชั่วโมงได้ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว
ในรอบหลายๆ ปีที่วิหาร 12 นักษัตรเปิดให้มีการท้าประลอง ใครเคยได้ยินมาบ้างว่ามีบุคคลสุดยอดระดับ 1 จะเข้าไปหลับอยู่ในนั้นได้ถึง 3 ชั่วโมงได้ ไม่เลย มีเพียงโจรน้อยผู้นี้เท่านั้น
“เรื่องนี้ ข้าเป็นพยานได้”
หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองไม่ได้ขอของพิสูจน์จาก'เย่ว์หยาง' เขารู้ว่าโจรน้อยชนะแน่นอน กลัวแต่ว่าพวกทหารรับจ้างจะไม่พึงพอใจในผลนั้น เขาจึงเสนอตัวเป็นพยาน
“เอาออกมา, เอาหลักฐานพิสูจน์ยืนยันออกมา เจ้าควรจะพิสูจน์ว่าหลังจากนั้นเจ้าเข้าไปในวิหารราศีเมษได้อย่างไร?”
เขารู้สึกว่า'เย่ว์'ไม่ได้นำของที่จำเป็นออกมาในฐานะเป็นเครื่องยืนยัน เพราะเห็นว่า'เย่ว์หยาง'ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ต่อให้'เย่ว์หยาง'มี เขาก็สามารถปฏิเสธและพูดว่ามันไม่ใช่
ที่สำคัญ ไม่มีใครเคยเห็นของรางวัลในวิหารราศีเมษ ถ้าเขากล่าวหาว่ามันไม่ใช่รางวัลจากวิหารราศีเมษ ใครจะพิสูจน์ว่าใช่ล่ะ? 'เย่ว์หยาง'ยื่นมือเขาออกมา บนมือทั้งคู่มีผลึกซึ่งมีอักขระโบราณอยู่รอบๆ เปล่งสีขาวออกมา ผู้คนที่ล้อมรอบไม่รู้จักอัญมณีชนิดนี้และไม่เข้าใจว่า
“นี่คืออะไร?”
หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองเห็นแล้วถึงกับสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ
“พระเจ้าช่วย! ท่านเอาอักขระบอดมาได้จริงๆ หรือนี่? เอามาได้อย่างไรกัน?”
“นะ..นะ..นี่คืออักขระบอดหรือ?”
ทุกคนมองกันและกันอย่างผิดหวัง ไม่มีใครยอมเชื่อว่า'เย่ว์หยาง'ได้รับอักขระบอดที่ว่ากันว่าถูกปกป้องไว้โดยนักรบหัวแกะหลายสิบตน เขาเป็นนักสู้ระดับเริ่มต้นไม่ใช่หรือ?
นอกจากนี้ อสูรของเจ้าเด็กนี่ยังอ่อนแอที่สุดในโลก ต้นดอกหนามต้นหนึ่ง เขาเอาอักขระบอดมาได้อย่างไร?
“นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาโกหก นี่ต้องเป็นของหลอกลวง อักขระบอดนี่ต้องเป็นของนำมาจากที่อื่น จากนั้นก็ทำทีเอาของนี้มาหลอกลวงพวกเราให้หลงกล ข้าไม่เชื่อ ต่อให้ข้าตาย ข้าก็ไม่เชื่อเรื่องอย่างนี้”
หัวหน้าทหารรับจ้างโวยวายอย่างเดือดดาล จนดูเหมือนกอริลลาที่ผสมพันธุ์ไม่สำเร็จ แม้แต่สหายของเขาก็ยังมองอย่างเหยียดหยาม
“หุบปาก! นี่คืออักขระบอด มันเป็นวัตถุพิเศษที่พบได้แต่ในวิหาร 12 นักษัตรเท่านั้น มันใช้ได้แต่ในหอทงเทียน ทันทีที่ใช้ออกในหอทงเทียน มันจะเปลี่ยนรูปเป็นหินธรรมดาทันที เจ้าแพ้แล้ว ตอนนี้วางทอง 10 เหรียญได้แล้ว”
หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองยิ้มเย็นชาและขัดจังหวะเสียงร่ำไห้ของหัวหน้าทหารรับจ้าง
“นี่เป็นไปไม่ได้ เขาไม่น่าได้รับอักขระบอดเลยนี่! เขาเป็นนักสู้ระดับ 1 ขั้นเริ่มต้น แล้วมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง? โกหกแน่ๆ”
หัวหน้าทหารรับจ้างปวดใจราวกับมีเลือดหยาดหยดในใจ เขาไม่สามารถยอมรับความจริงตรงหน้าได้
“เจ้าแพ้แล้ว ถ้าเจ้าไม่ยอมทิ้งทอง 10 เหรียญไว้ ข้าจะให้เจ้าทิ้งหัวไว้แทน”
หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองเตือนเขา
“แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจว่าเย่ว์หยางเอาอักขระบอดมาได้อย่างไร แต่นี่คือของจริง ยิ่งไปกว่านั้น นักรบผู้ใดก็ตามที่สามารถเอาสมบัติออกมาจากห้องโถงด้านข้างของวิหารราศีเมษได้ นับได้ว่าเป็นผู้ท้าประลองที่มีชื่อเสียง และควรได้รับการยอมรับนับถือด้วย ตอนที่พ่อหนุ่มคนนี้เอาอักขระบอดออกมาได้ เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าโดดเด่นกว่าตอนที่ข้าได้ลองท้าประลองในวันก่อนๆ นั้น ถ้าเจ้ายังคงดูถูกเขาอีก ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”
สายตาหัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองคมกล้าเหมือนกระบี่ เขาแผ่รังสีอำมหิตออกไปทันทีข่มขวัญจนทหารรับจ้างทุกคนกลัวจนสั่น
“แค่ 10 เหรียญทองไม่ใช่หรือ? เจ้ายาจก แค่นับเป็นรางวัลที่ข้าให้เจ้าเถอะ”
หลังจากลากเรื่องออกมาเรื่อยๆ 'เย่ว์หยาง'ค่อยทำตัวอ่อนน้อมอีกครั้ง เขาให้กองจดหมาย แหวนและมีดสั้นแก่หัวหน้าเกราะทอง
“นี่คือสิ่งของที่ข้าได้มาจากหม้อพลังงาน ทั้งหมดคือทรัพย์สินของผู้ท้าประลองก่อนหน้านี้ เนื่องจากท่านผู้นี้ไม่ซื่อสัตย์ในการพนันขันต่อของเขา ข้าขอผ่าน ข้ารบกวนท่านมอบของพวกนี้ให้ครอบครัวพวกเขาด้วย”
มือของหัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองสั่นเทา
ขณะที่เขารับรายการของเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นแหวนแต่งงาน ถึงกับน้ำตาร่วงและพูดกับเย่วหยางด้วยอารมณ์พลุกพล่าน
“เจ้าของแหวนนี้ ผู้เข้าประลองคนนี้ คือพี่ชายข้า เขาตายในการต่อสู้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ข้ามักต้องการไปสู้ที่ห้องโถงขวาเพื่อเก็บสิ่งที่เหลือในนั้น แต่ความแข็งแกร่งของข้ามีไม่พอ และความปรารถนาของข้าก็ทำไม่สำเร็จมาตลอด 10 ปี ในนามพี่สะใภ้และหลานชายของข้าผู้ไม่เคยเห็นได้เห็นหน้าบิดาเขา ข้าขอขอบคุณท่านจริงๆ”
เขาพาผู้คุ้มกันเกราะทอง 5 คนตั้งแถว และให้ทหารสดุดีเขาเป็นเวลานาน 'เย่ว์หยาง'ยิ้มและเตรียมตัวจะแยกจากมา หัวหน้าทหารรับจ้างโวยวายลั่นอย่างสิ้นหวัง
“เดี๋ยวก่อน ข้าต้องการพนันกับเจ้าเพิ่มอีก ข้าต้องการประลองกับเจ้า มาตัดสินแพ้ชนะด้วยการสู้กัน”
“เจ้าโง่! เจ้าไม่มีทางเอาชนะได้แม้แต่ฮุยไท่หลาง อย่าทำขายหน้าอีกต่อไปเลย”
'เย่คง'ยิ้มเยาะขณะได้ยินเขาพูด เขาเยาะเย้ยอย่างไม่เกรงใจว่า
“หมาป่ารบของเจ้าก็แค่หมาป่ารบระดับ 4 ชั้นธรรมดา ฮุยไท่หลางคือหมาป่าปีศาจหลังเหล็กระดับ 4 ชั้นทองแดง อสูรชั้นทองแดงแข็งแกร่งกว่าอสูรชั้นธรรมดาอย่างน้อยก็ 1 ชั้นแล้ว หมาป่ารบธรรมดาระดับ 4 ยังจะกล้ายกหัวสู้กับฮุยไท่หลางได้อย่างไร? ฮุยไท่หลาง ยืนขึ้น แล้วให้เขาดูซิ ดูซะ หมาป่ารบของเจ้านี่จะได้กลัวจนฉี่แตกไปเลย”
“อะฮู้วว”
'ฮุยไท่หลาง'ที่กำลังพักอยู่บนพื้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย ในที่สุดฝูงชนก็ตระหนักว่าหมาป่าตัวนี้ ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
ปกติมันจะเก็บตัวเงียบสร้างภาพเป็นสุนัขเลี้ยงคุณภาพต่ำ ผู้ที่รู้ได้ก็ต่อเมื่อสายตามันทอแววดุร้าย สัตว์อสูรของทหารรับจ้างระส่ำทันที สัตว์อสูรชั้นต่ำถูกขู่ขวัญจนร่วงลงกับพื้นทันที ไม่กล้าขยับต่อไป 'ฮุยไท่หลาง'เชิดหน้าหอนใส่ท้องฟ้า หมาป่ารบที่หัวหน้าทหารรับจ้างมีก็ลดหัว หางตกทันทีเพื่อแสดงว่ามันยอมแพ้
'เย่ว์หยาง'เตะ'ฮุยไท่หลาง'ตรงๆ
“เจ้าลากมันออกมาทำไม แกหยุดทำตัวเด่นต่อไปไม่ได้ใช่ไหม? ตอนนี้ไม่มีสาวๆ อยู่แถวนี้ รอจนมีสาวสวยอยู่แถวนี้แกค่อยเสนอหน้าเป็นดีที่สุด”
ฝูงชนแทบเป็นลม เขาจงใจเตะหมาป่าปีศาจหลังเหล็กชั้นทองแดง ระดับ 4 เจ้าเด็กนี่...บ้าหรือเปล่า? 'เย่คง', 'หลี่เชีย'และ'หลี่เกอ'คุ้นเคยกับภาพนี้แแล้ว และทำเหมือนว่ามองไม่เห็น
“ท่านหมายความว่าอย่างไร เมื่อท่านบอกว่าสัตว์อสูรระดับทองแดงแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรชั้นธรรมดาในระดับเดียวกัน? อย่างนั้น อย่างนั้นอสูรชั้นเงินและชั้นทองพอเทียบกับสัตว์อสูรชั้นธรรมดาจะแข็งแกร่งมากกว่าขนาดไหน?”
'เย่ว์หยาง'ไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อน และไม่คุ้นเคยกับความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสัตว์อสูรในโลกนี้ เขาเกรงว่า'เย่ว์ปิง'จะสงสัยจึงไม่กล้าถามนางเรื่องราวความรู้ทั่วไปเหล่านี้ หากว่าเจ้าเด็กผู้น่าสงสารรู้ข้อมูลพื้นฐานนี้แล้ว
อย่างนั้น'เย่ว์หยาง'อาจถูกเปิดโปงหากเขาถามคำถามเหล่านี้กับนาง แน่นอน 'เย่ว์หยาง'รู้ว่าสัตว์อสูรชั้นทองแดงแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรชั้นธรรมดา
และอสูรชั้นทองและเงินแข็งแกร่งกว่าอสูรชั้นทองแดง แต่เรื่องแข็งแกร่งมากขนาดไหน เขาไม่รู้ จะกำหนดความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรได้อย่างไร?
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=54