ตอนที่ 49 ทายปริศนา
พอเห็นร่างดุจเนินเขาของมัน ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความสามารถคายพิษและพ่นไฟของมัน แรงกดดันที่มันแผ่ออกมาก็เหลือเชื่อแล้ว ตามที่จอมยุทธแห่งเมืองโล่วฮัว สตรีชุดไหมบอก
"เขาควรไปเอาคทาแห่งความเงียบจากห้องโถงซ้ายมือก่อน จากนั้นไปที่ห้องโถงด้านขวาเพื่อเอาอักขระบอด อย่างนี้ถึงจะยับยั้งหัวมังกรทางซ้ายและหัวแพะด้านขวา จากนั้นค่อยสู้กับหัวไคเมราหัวกลาง คือหัวสิงห์เพลิง แม้ว่าหัวกลางจะใหญ่ที่สุด ดูเหมือนคุกคามที่สุดและอาจเจอไฟที่ผิวของมัน แต่ในความเป็นจริงมันเป็นหัวที่อ่อนแอที่สุด ควรเรียกว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดของไคเมรา 3 หัว โคเงา"”
ภายใต้คำแนะนำของ'เย่ว์หยาง' ได้กำจัดปีศาจหัวแกะได้อย่างรวดเร็วทำให้คุกคามพวกมันได้ เป็นไปตามคาด เมื่อโคเงาตรงเข้ามาที่ทางเข้า ปีศาจหัวแกะก็หยุด
พวกมันคำรามเสียงต่ำและแออัดอยู่ในทางเดิน แต่ไม่กล้าบุกเข้ามาข้างใน เห็นได้ชัดเจนว่าพวกมันกลัวไคเมรา 3 หัว 'เย่ว์หยาง'รู้สึกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็ว
เขารีบวิ่งไปตามด้านข้างของห้องโถงใหญ่ และวิ่งราวกับลมพัดตรงไปที่ห้องด้านซ้าย เขาเตรียมตัวหาทางเข้าห้องด้านข้าง แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเขาขยับ ไคเมรา 3 หัวก็ตื่นขึ้นทันที มันลืมตาทั้ง 6 ขึ้นและเมื่อเห็นเย่ว์หยางผู้บุกรุก
มันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เสียงของมันทำให้แผ่นดินสะเทือนแทบระเบิด ปีศาจหัวแกะที่ทางเดิน ต่างหนีหายด้วยความกลัวทันที ร่างขนาดยักษ์ของไคเมรา 3 หัวลุกขึ้นยืนและดูเหมือนภูเขาย่อมๆ ที่มีเลือดเนื้อเคลื่อนไหวได้ หัวมังกรพิษอ้าปากของมัน
หลังจากคำรามอย่างน่าสยดสยอง มันก็พ่นพิษเหลวออกมาจากปากใหญ่ และมันพ่นไปทั่วพื้นทั้งหมด 'เย่ว์หยาง'เตะ'ฮุยไท่หลาง'กระเด็นไป 10 เมตร และสั่งให้โคเงารีบถอยออกมา
เขารู้สึกว่าท้องฟ้ามืดคลึ้มทันที จากนั้นของเหลวสีเขียวจำนวนมากถูกพ่นมาที่เขา โชคดี เขามีโล่ห์ที่ป้องกันได้สมบูรณ์ ถ้าไม่ใช่เพราะมัน เขาคงเปียกโชกไปด้วยพิษแล้ว เมื่อของเหลวสีเขียวถูกพื้นศิลา คลื่นควันสีเขียวก็พวยพุ่งออกมา ภายใต้ควันเขียว ศิลาดำที่สมบูรณ์ถูกควันเขียวกัดกร่อนจนเกิดเสียงฉ่า เหมือนน้ำตาลถูกละลายด้วยน้ำร้อน
"โอว..ตายแล้ว!"”
'เย่ว์หยาง'ตกใจ ไม่แปลกใจที่สัตว์อสูรธรรมดาจะถูกฆ่าภายในชั่ววินาที เมื่อพวกมันพบกับจ้าวสัตว์อสูรทอง นี่ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริง พิษของไคเมรา 3 หัวรุนแรงกว่าพิษของดอกหนามถึงร้อยเท่า เป็นไปได้ว่าเจ้าไคเมรา 3 หัวนี้คงมีความสัมพันธ์กับเอเลียนมั้ง?
แต่เฉพาะเลือดของเอเลียนเท่านั้นที่กัดกร่อนนี่นา น้ำลายของมันไม่รุนแรงอะไร ตามคาด นี่สมกับที่ถูกเรียกว่า จ้าวสัตว์อสูรทองระดับ 6 มันน่าหวาดหวั่นจริงๆ ถ้าสัตว์อสูรธรรมดาอย่างโคเงาชั้นทองแดงโดนปากที่เต็มไปด้วยพิษกัดแล้ว
แม้มันจะไม่ตาย แต่ก็อาจพิการก็ได้ ขณะที่สำหรับฝีมืออย่าง'ฮุยไท่หลาง' ถ้ามันบุ่มบ่ามเข้าไปสู้กับไคเมรา 3 หัวตามลำพังก็เหมือนบริการเสริฟอาหารให้มันถึงที่
ถ้าไม่ได้ฟังข้อมูลจากสตรีชุดไหมเมื่อเขาเข้าไปเอาคทาแห่งความเงียบมาก่อนที่จะไปเผชิญหน้ากับกรดชนิดนี้ การสู้กับไคเมรา 3 หัวอาจเป็นการฆ่าตัวตายก็ได้ บุรุษผอมที่ชื่อเย่คง อาจโดนน้ำลายของไคเมรา 3 หัวนี้เล่นงานเมื่อคราวเขาท้าประลองที่วิหารราศีเมษ
"โฮ่ง!"”
หัวสิงห์ที่มีเปลวไฟตรงกลางพ่นลูกไฟที่ระเบิดได้มาตรงเท้าของ'เย่ว์หยาง' ถ้าไม่ใช่เพราะมีโล่ห์ป้องกันไว้ ร่างน้อยๆ ของ'เย่ว์หยาง'คงโดนเป่ากระเด็นไปแล้ว 'เย่ว์หยาง'เหงื่อตกทันที ไม่ใช่แค่พ่นพิษเท่านั้น แต่มันพ่นลูกไฟได้ด้วย เขาคงไม่สามารถรับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ โชคดี ที่หัวแกะด้านขวามันเงียบมากและไม่มีการตอบสนอง
ขณะที่เย่ว์'หยางวิ่ง' เขาคิดอย่างชั่วร้ายว่า ถ้าเขาสามารถจับไคเมรา 3 หัวได้จะไปดำเนินกิจการละครสัตว์คงเก็บค่าเข้าชมได้มาก ในความเป็นจริง ไคเมรา 3 หัว ไม่สนคนขี้ขลาดไร้ยางอายชื่อ'เย่ว์หยาง'เลย
ในฐานะจ้าวสัตว์อสูร ตราบเท่าที่ดินแดนมันไม่ถูกบุกรุก ก็ยังนับว่าดี ขณะที่แมลงตัวจ้อยที่คอยมาไต่ตอม มันไม่ได้สนใจจริงๆ ในสายตาของมัน ผู้ท้าประลองก็คือแมลงตัวน้อยที่ชอบเคลื่อนไหวอย่างโง่ๆ ถือดาบเท่าไม้จิ้มฟันเรียกสัตว์อสูรตัวเท่าหนู ประเมินความสามารถตัวเองสูงเกินไปแล้วเข้ามาโจมตีไคเมรา
เมื่อมันเห็น'เย่ว์หยาง'หายไป มันอ้าปากหาวแล้วนอนลงอย่างสบายอีกครั้งจากนั้นจึงฝันหวานต่อไป ทางเดินด้านซ้ายยาวประมาณ 100 เมตรและเป็นสีดำสนิท
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเย่ว์หยางเคยเข้าไปอยู่ในพื้นที่มืดมิดกับนางพญา'เฟ่ยเหวินหลี'ทำสัญญาวิญญาณโลหิต จนได้ทักษะมองเห็นในความมืดของนางพญา'เฟ่ยเหวินหลี'มาด้วย
เขาจึงเดินในที่มืดมิดได้ในตอนนี้ ด้านข้างห้องโถงใหญ่ ใหญ่มากพอๆ กับสนามบาสเก็ตบอล มีมนุษย์หัวแกะอยู่ข้างในไม่กี่สิบคน มนุษย์หัวแกะเหล่านี้แตกต่างจากพวกข้างนอก
ขณะที่พวกเขาเห็น'เย่ว์หยาง'พรวดพราดเข้ามา พวกมันแปลงร่างทันที ใช้เวทแปลกๆ จากมนุษย์หัวแกะเปลี่ยนเป็นทาคิน (สัตว์ประจำชาติภูฏาน คล้ายแพะไม่มีเครา) เขาของมันคม โค้งงอน่ากลัวกว่าหอกที่ทหารม้าใช้ เมื่อพวกมันลดหัวลง พวกมันจะวิ่งเข้าใส่ผู้บุกรุก
"ฮุยไท่หลาง หันก้นพอแกไปล่อพวกมัน ปล่อยให้พวกมันวิ่งชนซะ.."”
'เย่ว์หยาง'ไม่ใส่ใจว่า'ฮุยไท่หลาง'หลังจากได้ยินเขาพูดคำนี้ มันจะรู้สึกอย่างไร เขาไม่มีเวลาไปยุ่งกับมัน พอเห็นทาคินวิ่งเข้ามาใกล้ เขาสั่งให้โคเงาโดดให้สูงเท่าที่จะทำได้
จากนั้นพอนางย่ำลงพื้นแล้วก็เข้าโจมตีพวกมันทั้งหมดด้านหลัง'ฮุยไท่หลาง' เกือบทันทีทันใด'เย่ว์หยาง' 'เย่ว์หยาง'ตัดสินใจเคลื่อนไหวอย่างดีที่สุด
เพียงแต่ตอนนี้'เย่ว์หยาง'สังเกตว่า เขามีพรสวรรค์ในการต่อสู้ แต่น่าเสียดายที่ว่าเขาไม่สามารถเข้าต่อสู้ได้โดยตรง มิฉะนั้นเขาคงใช้กลยุทธ์ได้ดีกว่านี้ พวกทาคินทุกตัวยกเขาโค้งเกลียวของมันเล็งมาที่'ฮุยไท่หลาง'แล้ววิ่งใส่มันอย่างกะพายุ
มันน่ากลัวมากจนแทบทำจะทำให้'ฮุยไท่หลาง'หัวใจวาย มันไม่กล้าหันก้นให้ทาคินพวกนี้ นั่นมันเหมือนหาที่ตายชัดๆ มันหันก้นหนี พลางภาวนาว่าน่าจะมีขามากกว่า 4 ข้าง โคเงากระโดดสูงขึ้นไปกลางอากาศ ร่างยักษ์ของนางตกลงมาทับพวกมันขณะที่นางดูเหมือนภูเขาลูกหนึ่ง
พลังเตะของโคยักษ์กับแรงกระแทกพื้นดุจอัสนีบาตรตอนที่ลงมาที่พื้นอย่างเต็มกำลัง บวกกับแรงเสริมของเงายักษ์ นางใช้วิชาเฉพาะตัว พลังกระทืบ ด้วยพลัง 100 เท่า
“โฮ่ง!”
พื้นศิลาดำที่ถูกกระทืบถูกทุบ เกิดรอยแยกร้าวเป็นรูปใยแมงมุมไปทั่ว พื้นสะเทือนจนทำให้ห้องโถงสั่นไปทั้งห้อง ขณะที่คลื่นกระแทกกระจายไป
พลังนั้นทำให้'เย่ว์หยาง'ผู้กำลังชมดูอยู่ด้านข้างถึงกับปากอ้าตาค้าง ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ พวกทาคินที่อยู่ใต้เท้าโคเงาบี้แบนกับพื้นทันที ซากศพของทาคินที่ถูกย่ำอยู่ใต้เท้าไม่อาจจะจำแนกได้ บางตัวกลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือนทันที
ขณะที่ทาคินที่อยู่ห่างออกไปจากศูนย์กลางแรงกระแทกออกไป ก็ถูกคลื่นกระแทกจนกระเด็นออกไปหลายเมตรและยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ทาคินอื่นๆ แม้จะอยู่ห่างออกไปถูกคลื่นกระแทกสะกดจนหยุดนิ่งเกิดอาการมึงงงเคลื่อนไหวไม่ได้
โคเงาทำตามคำแนะนำของ'เย่ว์หยาง'อย่างเคร่งครัด ไม่ได้ดำเนินการฆ่าต่อ แต่วิ่งก้าวยาวๆ ไปช่วยฮุยไท่หลางที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 ชั้นทองแดง
แต่ความแข็งแกร่งของโคเงากับ'ฮุยไท่หลาง'ต่างกันคนละระดับ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น 'ฮุยไท่หลาง'ยังถูกตัดสินว่าเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรคุณภาพสูงระดับ 6 ดาว
ถ้ามันถูกแปลงเป็นอสูรระดับ 3 ชั้นทองแดงทั่วๆ ไป มันอาจจะไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าต่อหน้าโคเงาด้วยซ้ำ ทาคินไม่กี่ตัวยังคงไล่กวดฮุยไท่หลางใกล้เข้าไปจนเกือบจะขวิดก้นของ'ฮุยไท่หลาง'ได้แล้ว
แต่ก็ถูกโคเงาที่ไล่ตามมาทันย่ำจนบี้แบน เมื่อภัยคุกคามก้นมันคลี่คลายไป 'ฮุยไท่หลาง'กระโจนใส่ทาคินอีกครั้ง มันกระโจนเข้าหาทาคินตัวที่ใกล้ที่สุดและกัดคอของมัน แววตากระหายเลือดของมัน เหมือนกับจะฟ้องว่า
“ที่ข้ากัด ไม่ใช่ลำคอ แต่เป็นความเดียวดาย”
ทาคินตัวอื่นวิ่งเข้ามาและลดหัวลงวิ่งเข้าหามัน 'ฮุยไท่หลาง'โดดอย่างแคล่วคล่องและใช้กรงเล็บของมันเฉือนทาคิน ก่อนอื่น มันทำลายตาของศัตรูก่อน
จากนั้นใช้วิธียืมแรงโน้มถ่วงกระโจนเข้าหาทาคินตัวที่ใหญ่กว่า หมาป่าอ้าปากอวดเขี้ยวที่แหลมคมของมันแล้วกัดศัตรูของมันจนปางตาย 'ฮุยไท่หลาง'ต่อสู้กับหมอผีหัวแกะที่แปลงกายเป็นทาคินด้วยตัวมันเอง
เป็นไปไม่ได้ที่มันจะทำได้สำเร็จเองได้ทั้งหมด แต่ก็เกินพอที่จะจัดการพวกทาคินได้ครั้งละ 3 ตัว ที่สำคัญที่สุดมันเป็นหมาป่าปีศาจหลังเหล็กแปรสภาพ ที่ดูดซึมไอปีศาจของจ้าวปีศาจฮาซินและยังเต่างจากสัตว์อสูรระดับ 3 ชั้นทองแดงทั่วไปอีกด้วย
'เย่ว์หยาง'ไม่มีเวลาจะไปวุ่นวายกับวิธีการต่อสู้ และในใจเขาแค่ต้องการหาคทาแห่งความเงียบให้พบ เดิมทีเขาคิดว่าคทาแห่งความเงียบน่าจะอยู่ในกลางห้องโถง หรือในหีบสมบัติ
แต่เมื่อเขาเปิดมัน.. ไม่ว่ากรณีไหน ก็ไม่มีเลย คทาแห่งความเงียบถูกแขวนไว้บนผนังสูง ไม่แต่เพียงแค่นั้น คทาไม่ได้มีแค่ด้ามเดียว แต่มีถึง 3 ถ้ามีคนหยิบมันผิด
อาจจะไปกระตุ้นให้กับดักทำงานและชีวิตคนผู้อาจจบลงแค่นั้น จะหาของจริงได้อย่างไร? บนผนังที่แขวนคทาแห่งความเงียบแต่ละด้ามไว้ จะทิ้งตัวอักษรบอกใบ้ไว้ชุดหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นคำแนะนำให้ผู้ท้าประลอง
เมื่อ'เย่ว์หยาง'มองที่มัน เขาแทบอยากเอาศีรษะโขกพื้นนัก ไอ้ของพรรค์นี้ก็เลียนแบบคนอื่นมาไม่ใช่หรือ? เล่นทายเกมปริศนาด้วยชีวิต เขาประท้วงต่อต้านเทพเจ้าที่ไม่ซื่อ ซึ่งร่วมกันสร้างหอทงเทียนขึ้นมา โอวสวรรค์.
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=49