ตอนที่ 5 ผมพึ่งพาเสียงกรีดร้อง
ไม่ว่าผมจะมองเท่าไหร่ ก็เห็นแต่ดินแดนรกแล้งอันไม่สิ้นสุด และเทือกเขาหินซึ่งตั้งเรียงรายหลายเทือกเขาผมมองอีกครั้ง ก็ยังคงเห็นดินแดนรกแล้งอันไม่สิ้นสุด
และเทือกเขาหินซึ่งตั้งเรียงรายหลายเทือกเขามันคือสถานการณ์ ที่ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆตอนที่ผมร่วงลงมา ทัศนวิสัยของผมถูกกลืนกินด้วยน้ำตาของผมเองตาของผมไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการสังเกตุสถานที่ที่ผมจะร่วงลงไปเอาจริงสิ?
ในสถานการณ์แบบนี้นี้มันวันที่สามแล้วนะ รู้ไหม?อย่างน้อยก็ควรจะมีอะไรสักอย่างเปลี่ยนแปลงไปบ้างสิหลังจากที่ผมร่วงลงมา ผมได้เดินเป็นเส้นตรงโดยไม่สนใจว่าจะเป็นกลางวัน หรือกลางคืน อย่างไรก็ตาม ดินแดนแห้งแล้งที่กว้างใหญ่นี้
ก่อนที่ผมจะเดินไปมาจนวนกลับมาที่เดิม เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น ผมได้ทิ้งเครื่องหมายไว้ตามเส้นทางที่ผมเดินไปถึงแม้ว่าผมจะทำแบบนั้นแล้วก็เถอะ
ผมก็ยังคงเห็นฉากเดิมๆ ตรงหน้าผม ฉากของผู้เขาสูงตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้ใกล้มันเข้ามาเลย มันอาจจะเป็นเพียงภาพลวงตา และหลายครั้งแล้วที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่า หัวใจของผมนั้นแหลกสลายสุดท้ายแล้ว
มันช่างน่ายกย่องจริงๆ ที่สถานที่แห่งนี้ ไม่มีอะไรอยู่เลยตามหลักก็คือมันน่าอัศจรรย์มาก ไม่ใช่แค่ผู้คนเท่านั้น แม้แต่สัตว์สักตัวก็ไม่มีเช่นกันอ่า ผมลืมไปเลยสิ่งที่ผมสามารถกินได้มันเป็นศูนย์
ผมเห็นกอหญ้าแห้งเป็นบางครั้ง แต่ก็อย่างที่คิดนั้นแหละ ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถกินมันได้ แต่ขนาดหญ้ายังหายากขนาดนี้!ที่ผมหิวแต่ยังสามารถเดินได้ อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายของผมกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์ไปแล้ว ถ้าหากเป็นร่างกายปกติละก็ ผมคงจะแห้งเหี่ยว
แล้วก็ไม่สามารถยืนได้ไปแล้วผมพยายามทำในสิ่งที่ท่านสึคุบอก คือการเรียกใช้ พลัง ที่ผมได้รับผมผมพยายามเพ่งสมาธิเพื่อที่จะใช้งานมัน แต่เหมือนว่าจะล้มเหลว(?)ผมพยายามรวมพลังงานไว้ในอุ้งมือของผม แต่ว่าไม่เข้าใจเลยสักนิด
ผมรู้สึกได้ถึงการรวบรวมของพลังงาน แต่ว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นผมพยายามวางมือของผมไว้บนพื้น แต่ว่ามันไร้สาระมากผมพยายามลองหลายๆอย่าง แต่ว่ามีแค่วัตถุในมือผมเท่านั้น ที่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวเล็กน้อย
ขึ้นอยู่กับปริมาณของพลังงานที่ผมใช้ นี่คงจะเป็นรูปแบบที่มองออกและเข้าใจได้ง่ายที่สุดแล้วหล่ะมั้งแต่ไม่ได้หมายความว่ามันขยับหรอกนะ มันก็แค่สั่นไปมาบนมือของผมมันลึกลับมาก
แต่ยังไงก็เถอะ ผมไม่คิดว่าผมจะใช้มันเพื่อให้รอดพ้นจากสถานการณ์ปัจจุบันไปได้ถึงอย่างนั้น พลังนี้ก็คือบางสิ่งที่สำคัญ ซึ่งท่านสึคุได้มอบให้กับผม
ผมเชื่อมั่นว่า บุคคลผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นจะต้องไม่ทำอะไรที่ผิดพลาดอย่างแน่นอนผมจะลองพยายามศึกษามันอีกครั้งก็แล้วกัน ผมต้องทำความเข้าใจต่อพลังนี้ ให้ได้โดยเร็วที่สุดว่าแต่ มันร้อนจริงๆเลยตอนกลางวัน มันร้อนอย่างกับเตาอบตอนกลางคืน มันหนาวอย่างกับตู้เย็นนั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึก
แต่ว่าในตอนกลางวัน ผมสามารถมองเห็นไอความร้อนได้ด้วยตาเปล่าเลยหล่ะ ตอนนี้ก็เช่นกันส่วนกลางคืน พื้นผิวของก้อนหินจะค่อยๆกลายเป็นน้ำแข็งใช่ ที่นี่เหมือนจะมีสภาพแวดล้อมที่ร้ายแรงเกินกว่ามนุษย์จะอยู่ได้ผมขอบคุณร่างกายเหนือมนุษย์ของผมอีกครั้งเอาเถอะ
ผมเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่สนสิ่งต่างๆรอบข้างถ้าหากผมไปถึงภูเขาลูกนั้นเมื่อไหร่ มันต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างสิหน่าหวังว่าจะเป็นแบบนั้น ขอร้องละเป็นแบบนั้นเถอะ ผมวิงวอนสิ่งเดียวที่ผมได้ยินก็คือเสียงลม แล้วก็เสียงเดินของผมเอง!นี่มันวันที่สามแล้วนะ!ตอนนี้มันควรจะเป็นเหตุการณ์อะไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้วสิ ใช่ไหม?!
" จริงด้วย เพราะผมไม่ใช่วีรบุรุษอีกแล้ว~ ผมเป็นแค่ลูกเป็ดที่น่าเกลียดเท่านั้นนี่นา "”
ผมเริ่มที่จะพูดคุยกับตัวเอง มันอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการอยู่ด้วยตัวคนเดียว แต่ดูเหมือนว่า จำนวนครั้งที่ผมพูดกับตัวเอง มันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ช่างน่าเศร้าจริงๆตาของผมเริ่มหรี่ลง ผมมองออกไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างไกล ผมอยากที่จะเชื่อว่า ที่แห่งนั้นต้องมนุษย์อาศัยอยู่ว่าแต่ วีรบุรุษสองคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่กันนะ? พวกเขาน่าจะถูกต้อนรับด้วยอ้อมกอดอันอบอุ่นจากเชื้อพระวงศ์ แล้วก็ชนชั้นสูง
แล้วก็กำลังกินอาหารเลิศหรูอยู่แน่ๆเทียบกับผมแล้วผมมองไปข้างหลัง มันไม่มีอะไรเลย นอกจากดินแดนรกร้างสีแดงน้ำตาล เส้นทางที่ผมเดินทางมาทุกๆครั้งที่ผมเห็นภาพหลอน
ผมวิ่งไปหามัน เพื่อที่จะอย่างน้อย ลดระยะทางลงแค่สักนิดก็ยังดีแต่ยังไงผมก็คงจะจำพื้นที่ ที่ผมถูกโยนลงมาไม่ได้อยู่ดีในตอนแรก ผมวางแผนไว้ว่าจะเดินแบบไม่สนใจอะไร
จากนั้นก็เจอใครสักคน หรือไม่ก็ชุมชนเล็กๆนั้นคือสิ่งที่ผมคิด แต่ว่าดูเหมือนว่านั้นจะเป็นสิทธิพิเศษสำหรับตัวละครหลักเท่านั้นแต่ยังไงก็เถอะ นี่มันจะไม่สมบูรณ์แบบไปหน่อยเหรอ
ที่ผมจะไม่เจอแม้แต่เงาของ???
นั้นมันเสียงนั้นมันเบามาก แต่ว่าผมพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะเพ่งสมาธิไปทั่วทั้งร่าง บางที นี่คงจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของผม
ที่ประสาทสัมผัสของผมตื่นตัวถึงขนาดนี้หูของผมไม่ยอมให้เสียงนั่นหนีหายไปผมชะงักฝีเท้าของตัวเองลงผมเงี่ยหูขึ้นด้วยมือของผม แล้วหลับตาลงอย่างเงียบๆที่ไหน
ที่ไหนคือต้นตอของเสียงที่ผมได้ยิน?สมาธิสิ ใช้สมาธิพยายามอย่างกับว่า แม้แต่เสียงของหยดน้ำก็จะไม่ได้รอดผ่านหูไปผมได้ยินเสียงใครบางคนแน่ๆ ผมมั่นใจ
" ? ช่... ด้..ย "
" ทางนั้น!!!!! "”
ผมได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง มันคือเสียงกรีดร้องอย่างแน่นอนผมเบิกตาออกกว้าง อย่างกับว่าจะดูดกลืนคลื่นเสียงเหล่านั้น!ผมยังคงวิ่งได้เร็วอยู่ท้องของผมนั้นว่างเปล่าแบบสุดๆ แต่ว่า!
หลังจากที่ผมมาที่นี่ นี่คือพลังทั้งหมดที่ผมมีผมใช้เท้าเตะพื้นดินเพื่อดีดร่างของผม แล้วก็วิ่งออกไป
ที่มา:https://my.dek-d.com/hitomi-yuriko/writer/viewlongc.php?id=1474392&chapter=5