ตอนที่ 43 หอทงเทียนจ๋า ข้ามาแล้ว
วงแหวนเทเลพอร์ตเพื่อเข้าหอทงเทียนจะไม่เหมือนกับที่อื่น โดยทั่วไป วงแหวนเทเลพอร์ตขนาดเล็กในที่ทำการของเมืองต่างๆ จะดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ทางการของอาณาจักรใช้พลังงานของแก้วผลึกเพื่อเปิดประตูลัดไปถึงปลายทางที่ระบุไว้ภายใน 30 วินาที
อย่างไรก็ตาม ค่ายช่างอู่แตกต่างออกไป ที่นี่ข้อมูลหอทงเทียนจำเป็นต่อการเข้าถึงประตูลัด นักรบที่ได้รับอนุมัติบัตรผ่านและวางบัตรตรงช่องที่มีแสงกระพริบบนเสาแก้วผลึกเพื่อให้ประตูลัดทำงาน ทันทีที่นักรบเข้าไปในประตูลัดที่ทำงานแล้ว พวกเขาจะถูกเทเลพอร์ตสุ่มส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ
เมื่อยืนอยู่หน้าเสาแก้วผลึก บุรุษอ้วนชักชวน'เย่ว์หยาง'ให้ไป โลกใต้บาดาล เพื่อไปพบเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนอ้วนทุบหน้าอกตัวเองด้วยความภูมิใจ บอกว่าบิดาของเขาเป็นผู้จัดการของหอการค้าโลกใต้บาดาล และว่าเขาเป็นนักสู้ระดับสูงในหอทงเทียนอีกด้วย
"พี่ชาย, อย่าห่วง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น มาหาข้าได้ คนยิ่งใหญ่อย่างข้านี่แหละจะปกป้องเจ้าได้แน่นอน"”
คนอ้วนที่ยังไม่แสดงพลังอะไร จู่ๆ ก็ปล่อยรังสีอำมหิต
“…”
'เย่ว์หยางยินดีที่จุดหมายของเทเลพอร์ตของพวกเขามีตำแหน่งต่างกัน มิฉะนั้นเขาคงทรมานหูอีกต่อไป พอได้กำหนดเวลาเทเลพอร์ต เขาวางบัตรแก้วที่แม่นางทรงโตให้เขาที่ช่องเรืองแสงของเสาแก้วผลึก มีแสงพุ่งกระจายตรงเข้ามาหาเย่ว์หยางราวกะว่ามันมีชีวิต
ทันใดนั้น มันก็จางหายไปจนมองไม่เห็น เมื่อ'เย่ว์หยาง'สงบใจตนเองมองดู ภาพตัวของเขาเองเริ่มโผล่มาบนบัตรแก้วที่ว่างเปล่า ช่างน่าประหลาด หน้าของ'เย่ว์หยาง'ปรากฏบนนั้นไม่ค่อยชัด มันเป็นเงาตะคุ่มเห็นได้ไม่ชัด
นอกจากคู่นัยตาที่เรืองแสงเหมือนหมาป่า ทุกอย่างถูกปกคลุมอยู่ในความมืด พร้อมกับการออกแบบนี้ ตัวอักษรต่างๆ ที่แสดงคุณสมบัติของเขาก็ยังถูกจัดไว้ในบัตร บนสุดเป็นชื่อ ไตตัน ตามมาด้วยเผ่าพันธุ์ มนุษย์ เพศ ชาย และทักษะความสามารถ ไม่รู้ ไม่มีการประเมินผลความแข็งแกร่งของเขา
ที่ด้านหลังบัตร นอกจากจะมีอักษรโบราณที่สวยงามและลึกลับ ยังมีหมายเลขแถวที่ทำความชอบให้ประเทศ บันทึกผลชนะ-พ่ายแพ้ คะแนนภารกิจและอื่นๆ อีก
ทันใดนั้น เสาแก้วผลึกเทเลพอร์ตทุกต้นสว่างจ้าอาบทุกคนจนตกอยู่ในทะเลแสง ไม่กี่วินาทีต่อมา แสงก็แตกกระจายจากแก้วผลึกพุ่งตรงขึ้นไปในท้องฟ้า เมื่อแสงหายไป นักรบทุกคนที่ติดต่อกับเสาแก้วผลึกจะถูกเทเลพอร์หายไปไม่เหลือร่องรอย 'เย่ว์หยาง'รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยระหว่างเทเลพอร์ต
ในที่สุดเมื่อเขารู้สึกตัว ก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องโถงธรรมดา มีนักรบไม่กี่คนนั่งอยู่ข้างใน เดิมทีพวกเขาเหลือบมองเย่ว์หยางที่แต่งตัวเหมือนโจรน้อยด้วยความรังเกียจ
แต่เมื่อพวกเขาเห็น'ฮุยไท่หลาง'ที่กระดิกหางอยู่แทบเท้าของเขา พวกเขาจึงเปลี่ยนจากอาการเยาะเย้ยเป็นยับยั้งมากยิ่งขึ้น หมาป่าปีศาจหลังเหล็กชั้นทองแดงไม่ใช่อะไรที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อน แต่เพราะเจ้าโจรน้อยสามารถพาสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งตระเวณไปมาได้ ก็หมายความว่า เขามีความแข็งแกร่งเป็นอย่างดี
"โอ้โฮ, เบ้อเริ่มเลย!"”
'เย่ว์หยาง'อุทานขณะที่เดินตรงไปยังลานของนักรบนอกห้องโถง แม้ว่าเย่ว์ปิงได้บอกเขาว่าหอทงเทียนเป็นที่เฉพาะตั้งอยู่กลางทะเล และทะเลก็มีเกาะอื่นล้อมรอบ
เขาก็ยังคงนึกภาพไม่ออก ด้านนอกออกไป เป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ไม่มีที่สุด มีคำกล่าวกันว่าที่นี่มีทะเลพายุที่สร้างพายุเฮอริเคนได้อย่างไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินเรือผ่านมันไป ด้วยความแม่นยำเกือบเหมือนนาฬิกา
ทันทีที่เรือออกจากท่า เฮอริเคนก็จะเริ่มก่อตัว พายุทอร์นาโดจะทิ้งตัวลงมาจากเมฆ ดูดน้ำทะเลขึ้นมาทำลายเรือ เป็นพันๆ ปีมาแล้ว ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถแล่นเรือตรงไปที่ทะเลเปิดของหอทงเทียนได้อย่างปลอดภัยเลย
นักสำรวจที่พยายามออกจากเรืองจะตกเป็นอาหารของราชาสัตว์อสูรชั้นทองประเภทปลา ถ้ามีผู้ปรารถนาเข้าไปหรือออกมาจากหอทงทียน
พวกเขาต้องใช้วงแหวนเทเลพอร์ทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีทางเลือกอื่น ทะเลภายในซึ่งถูกเกาะล้อมรอบเรียกว่าทะเลต้องห้าม ทะเลที่นี่ถูกควบคุมโดยกฎโบราณที่ไม่ให้สัตว์อสูรประเภทนกบินผ่านมันได้
แม้แต่ขนนกที่เบาพอวางอยู่บนผิวทะเลฟ้าต้องห้าม จะจมลงทันที ถ้ามีคนต้องการไปถึงหอทงเทียนบนเกาะน้อย พวกเขาจะต้องผ่านสะพานแขวนชีวิต ที่กล่าวกันว่าถูกสร้างโดยเทพโบราณเพื่อไปให้ถึงฐานหอคอยโดยปลอดภัย
"แน่นอน หอทงเทียนคือสถานที่ดีแน่นอน"”
มีข่าวลือว่าหอทงเทียนมีหลายชั้นไล่ๆ กันไป มีศัตรูผู้แข็งแกร่งที่จะต้องเผชิญหน้า อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์หยาง'ไม่ได้ใส่ใจกับจำนวนชั้นที่หอทงเทียนมี สำหรับเขา ชอบสนุกมากกว่า จะได้พัฒนาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่มีผู้แข็งแกร่งที่สุด มีแต่แข็งแกร่งกว่า
ถ้าเขาสามารถฝึกฝนที่หอทงเทียนอย่างต่อเนื่อง ตัวเขาจะมีฝีมือก้าวหน้าอย่างคงเส้นคงวา นั่นคือความพอใจในชีวิตสำหรับเขาแล้ว สำหรับสัตว์เวทใต้สมุทรและเทวทูตสวรรค์ ไม่มีความแตกต่างระหว่างพวกเขาจน'เย่ว์หยาง'ต้องกังวล
ตราบใดที่ไม่มีใครขัดใจกันและกันและอยู่อย่างสงบ ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนกัน ถ้าใครหาเรื่องเขา เขาจะฆ่ามันเสียต่อให้มาจากสวรรค์ก็ตาม เกาะโซ่ที่เย่ว์หยางอยู่ แบ่งแยกพื้นที่ใหญ่ 4 ส่วนออกจากกัน คือ เหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก
พื้นที่ตะวันออกเป็นพื้นที่ๆ เขาอยู่อาศัยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรต้าเซี่ย 'เย่ว์หยาง'ประเมินดูว่า แค่พื้นที่ตะวันออกก็ขนาด 10 เท่าของเมืองไป๋ฉือ อาคารทั้งหลายที่นี่ดูสง่างาม ถนนกว้างขวางและมีศาลาอยู่ในทุกที่
ทุกๆ สถานที่ฟ้องให้รู้ว่าเป็นฝีมือของเจ้าแผ่นดินที่แข็งแกร่ง แม้แต่แปลงที่ดินว่างเปล่าก็ถูกตกแต่งอย่างมีรสนิยม ด้วยศาลาเล็ก, งานศิลป์, สนามหญ้า, หินดำ, ป่าไผ่ สะพานข้ามลำธารและทะเลบัวงดงามเหมือนทัศนียภาพจากบทกวี
ถ้าเอาเมืองไป๋ฉือกับที่นี่มาเปรียบเทียบกันแล้ว ก็คงเป็นได้แค่หมู่บ้านคนยากจนซอมซ่อในชนบทเท่านั้น
“เกาะที่เป็นจุดแบ่งล้อมรอบด้วยทะเลภายในที่นี้ ใหญ่พอๆ กับฮ่องกง”
'เย่ว์หยาง'เดินไปเป็นเวลาชั่วโมงครึ่งก็มาถึง
“สะพานแขวนชีวีต”
ที่หน้าหอทงเทียน พอมองดูใกล้ๆ ก็เห็นสีที่ขาวบริสุทธิ์และอักษรโบราณของหอทงเทียนระยิบระยับยังคงความงดงามไม่มีร่องรอยของการสึกกร่อนไปตามอายุ จนทำให้ดูสง่างามยิ่งขึ้น พอแหงนหน้ามอง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นยอดของหอนี้ จากที่เขาสามารถเห็นได้
'เย่ว์หยาง'ประมาณเส้นผ่าศูนย์กลางของมันน่าจะเกินกว่า 3 กิโลเมตร แค่เพียงตัดสินจากส่วนที่ไม่ถูกเมฆบัง หอนี้อย่างน้อยน่าจะสูง 2-3 พันเมตร พระเจ้าคงทรงทราบว่าพลังชนิดไหนถึงสร้างหอสูงนี้ได้
แต่เป็นไปไม่ได้แน่นอนสำหรับมนุษย์ธรรมดา ที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างใดๆ ที่ตกแต่งภายในได้ใหญ่พอๆ กับหอทงเทียน เป็นเรื่องราวที่ทุกคนอธิบายไม่ได้จนทุกวันนี้
มันลึกลับเหนือธรรมชาติ นักสู้ผู้มีระดับผู้ใดผู้หนึ่งที่มีคุณสมบัติขึ้นไปชั้นสองหรือชั้นสามก็เดินต่อเข้าไปข้างในได้เลย ผู้มาใหม่อย่าง'เย่ว์หยาง'เข้ามาในหอครั้งแรก ไม่จำเป็นต้องเข้าไปไกลเกิน เขาสามารถเข้าไปที่ชั้นที่มีประตูลัดตรงทางเข้าออกได้เลย
“บัตรแก้วหรือ? ผู้ใดแนะนำเจ้ามาที่นี่?”
ที่หน้าทางผ่านเข้าประตูลัด นักรบวัยกลางคนตรงเข้ามารับหน้าเด็กใหม่พอเห็นบัตรแก้วก็แปลกใจเล็กน้อย
“เป็นสตรีที่รับหน้าที่ลงทะเบียนในค่ายช่างอู่”
'เย่ว์หยาง'รูว่าบัตรแก้วนี้ ใช่ว่าจะได้รับกันง่ายๆ แต่เขาก็พอใจจะแกล้งโง่ต่อไป อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครปฏิเสธของดีๆ แน่
“อะไรนะ? ค่ายช่างอู่ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่สตรีทำหน้าที่ลงทะเบียนแม้แต่คนเดียว คนที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนคือผู้เฒ่าลู่ไม่ใช่หรือ? คนที่เจ้าเห็นไม่ใช่ชายชราผมขาว แต่เป็นสตรีงั้นหรือ? แล้วนางดูเหมือนอะไร?”
นักรบวัยกลางคนแม้จะสับสนมากหลังจาก'เย่ว์หยาง'พูดและรู้สึกเป็นปริศนานิดหน่อย แต่ก็ยังถามเขาต่อ
“นางอวบอั๋น...”
'เย่ว์หยาง'อธิบายลักษณะสาวทรงโตให้ดูเล็กน้อย ใจของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้ เขาไม่สามารถบอกหน่วยวัดความงามที่ประหลาดของแม่นางทรงโตได้
นางเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งแน่นอน แต่ว่านางเป็นใครกันแน่? นางไม่ใช่คนธรรมดาที่รับหน้าที่ลงเบียนให้นักรบหรือ? เป็นไปได้ว่านางคือหลานสาวของผู้เฒ่าลู่คนนั้นหรือเปล่า? หลังจากได้ยินคำอธิบายของ'เย่ว์หยาง' ใบหน้าของนักรบวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เขารีบโบกมือแล้วพูดว่า
“โปรดอย่าถือสาคำพูดล่วงเกินของข้าเลย ถือเสียว่าข้าไม่เคยถาม เชิญรีบเข้าไปเถิด”
พอเห็นเขากลัวจนลนลาน ตอนนี้'เย่ว์หยาง'ยิ่งสับสนกว่าเดิม หรือว่าแม่นางทรงโตจะเป็นแม่เสือกินคน? ต้องกลัวกันขนาดนั้นด้วยหรือ? ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
ภาพของหญิงงามอกโตหุ่นยั่วยวนก็ปรากฏเข้ามาในใจเขา สตรีงามทรงโตหุ่นยั่วยวนคงทำให้คนอยากจะเอาชนะใจนางก็ได้ ถ้าหากเขารุกเร้านางได้และได้ยินนางครางด้วยเสียงกระเส่าของนาง คงจะน่าชอบใจมากๆ ขณะคิดแต่เรื่องลามกอยู่เต็มหัว
'เย่ว์หยาง'ก็ก้าวเข้าประตูลัดของหอทงเทียนแล้ว วินาทีต่อมา เขาพบว่าตนเองอยู่ในโลกใหม่ทั้งหมด
“ฮ่าฮ่า หอทงเทียนจ๋า, ข้ามาแล้ว!”
'เย่ว์หยาง'ตื่นเต้น นี่คือสถานที่ๆ เขาจะได้ใช้พลังอำนาจในอนาคต ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวออกไป
เขาได้ยินเสียงเจ็บปวดดังมาจากใต้เท้าเขาว่า
“พี่ชาย เจ้าเอาเท้าออกไปจากตัวข้าก่อนได้ไหม?”
”
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=43