ตอนที่แล้วตอนที่ 33 ปาฏิหาริย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 36 เลื่อนระดับ

ตอนที่ 34 มีอะไรจะแสดงอีกไหม


กระทิงเถื่อนทองแดงวิ่งเข้าหาก่อน  ตาประหารสีแดงเลือดของมันเปล่งแสงออกมา ทุกคนเชื่อว่าโจรน้อยคงเสร็จแน่  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องตายแน่ๆ ตาของกระทิงเถื่อนทองแดงสว่างวาบขึ้น  บ่งชี้ว่ามันปล่อยตาประหารออกมาฆ่าอย่างรวดเร็ว

ในวินาทีต่อมา วิญญาณของโจรน้อยนี่คงถูกกำจัด  จนต้องทิ้งร่างไร้วิญญาณไว้  หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยหลับตาลงแล้ว เขาทนดูต่อไปไม่ได้  ผู้มีคัมภีร์อัญเชิญ 2 คนตายในเมืองไป๋ฉือคงต้องเกิดเรื่องยุ่งแน่นอน บางทีคงได้นองเลือดกันทั้งเมือง  พลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังโจรน้อย 2 คนคงไม่ยอมปล่อยให้ฆาตกรลอยนวลแน่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนึ่งในผู้แข็งแกร่งทั้งคู่  นักสู้ชั้นยอดฝีมือระดับ 4  นางเป็นผู้ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญมาจากหมู่บ้านภมรบุปผา เพิ่มนักสู้ชั้นยอดฝีมือระดับ 4

ผู้ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญชั้นเงินเป็นอะไรที่คนระดับหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเอื้อมไม่ถึง ต้องมีการสืบสวนขนานใหญ่แน่  สำหรับเรื่องที่นักรบอัจฉริยะถูกฆ่า  เป็นไปได้อย่างไรที่หมู่บ้านภมรบุปผาจะไม่โต้ตอบ?

อย่างไรก็ตาม  แม้ว่าหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยรู้ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่ใกล้เขามา  เขาก็ไม่มีทางหยุดยั้ง'อูอี้'และ'เสียหั่ว'จากการร่วมมือกันฆ่าโจรน้อย 2 คนนี้แน่

ทั้งนี้เป็นเพราะพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังอูอี้และเสียหั่วก็แข็งแกร่ง เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่หัวหน้าหน่วยอย่างเขาจะเข้าไปสอดแทรกได้

ตอนแรกเขาได้แต่หวังว่าปรมาจารย์ดาบทองซึ่งเดินทางไปกับเจ้าเมืองไป๋ฉือจะสามารถรับข่าวเหตุการณ์นี้ได้เร็วแล้วรีบกลับมาห้ามภัยพิบัติไม่ให้เกิดขึ้นได้ทันเวลา แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสายไปแล้ว

"ฮ่าฮ่าฮ่า"”

'อูอี้'ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยความพอใจ และสนามต่อสู้กึกก้องไปด้วยเสียงหัวเราะของเขา  เสียงหัวเราะชั่วช้าคล้ายกับเสียงนกฮูก  ได้ยินแล้วทำให้คนหดหู่

อย่างไรก็ตาม เสียงหัวเราะของเขาก็ชงักใน 3 วินาทีต่อมา ก่อนนั้น ถ้ามีคนพูดว่ากระทิงเถื่อนชั้นทองแดงระดับ 5 ไม่สามารถใช้เนตรประหารฆ่าโจรน้อยได้  ทุกคนคงจะคิดว่าคนผู้นั้นบ้าไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์ต่อหน้าต่อตาพวกเขาเอง 'เย่ว์หยาง'โดนประกายแสงจากเนตรประหารเล่นงานแล้ว  ต่อจากนั้นก็กลับคืนสู่สภาพเดิมทันที  ทั้งสนามต่อสู้ต่างตกใจจนเงียบกริบ

กลุ่มทหารรับจ้างถึงกับตะลึงปากอ้าตาค้างจนเอาสัตว์อสูรยัดเข้าไปได้ทั้งตัว ตัวเย่ว์หยางเองรู้สึกว่าผลเช่นนี้คาดไม่ถึงอยู่บ้าง เขาได้คิดกลยุทธ์เอาชนะกระทิงเถื่อนทองแดงไว้แล้ว

ด้วยเหตุนั้นจึงต้องใช้เงาปีศาจ อสูรผู้พิทักษ์ที่สามารถคืนชีพได้เมื่อมันตาย  ให้คอยป้องกันเนตรประหารของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง ในตอนนั้น เมื่อกระทิงเถื่อนทองแดงเริ่มใช้เนตรประหาร  ร่างจริงของ'เย่ว์หยาง'ได้หลบออกไปแล้ว เหลืออยู่แต่เพียงเงาปีศาจ

เขาหวังจะใช้เจ้าเงานี้ทดสอบความแข็งแกร่งของเนตรประหาร มันคือวิธีฆ่าอย่างรวดเร็วใช่ไหม? หรือว่าไม่ได้ผล? ในชั่วเวลาวินาทีนั้น เมื่อเขาพบประสบการณ์ที่กระทิงเถื่อนใช้เนตรประหารฆ่าเงาปีศาจ

'เย่ว์หยาง'สามารถรับรู้ในจิตสำนึกที่แสดงออกมาเป็นภาพจากวิญญาณของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง เหมือนสายฟ้าโจมตีจิตสำนึกของเขาโดยตรงในช่วงเวลาที่ไม่ทันรู้ตัวแล้วก็หายไปทันที ในพื้นที่จิตสำนึกในใจเขา

ภาพเหมือนยมทูตดูเหมือนว่าต้องการจับเงาปีศาจ แต่ไม่สามารถทำได้  ยิ่งไปกว่านั้น  ภาพนั้นปรากฏแก่จิตวิญญาณของ'เย่ว์หยาง'ชัดเจน  เหมือนเขากำลังดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างใกล้ชิด เมื่อการโจมตีล้มเหลว ภาพยมทูตก็หายไปอย่างรวดเร็ว จนเหมือนไม่มีอะไร ในทันทีนั้น

'เย่ว์หยาง'ก็สว่างวาบในใจ เข้าใจถึงสิ่งทีแปลกและมหัศจรรย์มากมายในจักรวาล และยังมีความก้าวหน้าในภายในเพราะการแทงตลอดความจริงนี้

การแทงตลอดความเป็นจริงนี้  ทำให้ทักษะญาณทิพย์ของเขายกระดับขึ้นอย่างลึกลับ แรงกระตุ้นนั้นผุดขึ้นมาในใจ'เย่ว์หยาง'โดยไม่ได้ตั้งใจว่า ถ้าเขาใช้โซ่ล่องหนตอนนี้  บางทีเขาอาจจับภาพยมทูตนั้นได้ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาจับภาพยมทูตนั้นได้?

'เย่ว์หยาง'ไม่ค่อยมั่นใจ แต่เขาเชื่อว่ามันก็ไม่เลวและคุ้มค่ากับการลองดู เป็นที่น่าเสียดายที่ตอนนี้ เขาระมัดระวังเกินไป เลยไม่ได้ใช้โซ่ล่องหนจับภาพเหมือนยมทูต แม้ว่าเขาจะพลาดโอกาสเคลื่อนไหว

'เย่ว์หยาง'ก็ยังตื่นเต้นในใจจนบอกไม่ถูก ทักษะญาณทิพย์ของเขายกระดับขึ้นไปแล้ว อยู่ๆ เขาก็เห็นทักษะลึกลับมากมายของเงาปีศาจ  ตัวอย่างเช่น ทักษะให้กลุ่มเงาปีศาจรวมตัวกันสร้างเป็นรูปเงายักษ์ ช่วงเวลาที่เงายักษ์คงอยู่ได้นั้นสั้นสามารถคงอยู่ได้เพียง 1 นาที

แต่ละครั้งที่เพิ่มเงาปีศาจมา 1 ตน เวลาจะขยายออกไปได้ 30 วินาที  อย่างไรก็ตาม  เงายักษ์แบบนี้มีระยะเวลาสั้น แต่แข็งแกร่งมาก เกือบเท่ายักษ์ไตตัน

เมื่อ'เย่ว์หยาง'ซ้อนเงาต่อตัวกันถึง 5 ตน มันจะเปลี่ยนรูปเป็นเงายักษ์ จากนั้นใช้มันมาเสริมพลังตัวเขาเอง  เขาถึงกับตื่นตะลึงเมื่อพบว่าความแข็งแรงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100 เท่า! แม้ว่าข้อจำกัดเวลาจะไม่ใช่ 3 นาที  แต่'เย่ว์หยาง'ในตอนนี้ มั่นใจเต็มเปี่ยมที่จะเผชิญหน้ากับหุ่นศิลาแล้ว

"สุดยอด!  เป็นไปได้ว่าการแปลงกายเป็นอุลตร้าแมนก็ให้ความรู้สึกอย่างนี้ใช่ไหมนี่?"”

หลังจากใช้เงายักษ์เสริมพลังเข้ากับตัวเขาแล้ว เย่ว์หยางใช้มือรวบเขาที่แหลมคมของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงไว้แน่น  เขาไม่สามารถจะระงับอารมณ์ตัวเองได้ จึงแผดเสียงคำรามออกมาอย่างหนักหน่วงและทรงพลัง

"ฮาาาาาาาาาาาห์!"”

เสียงดุจอสนีบาตดังสนั่นกึกก้องผ่านท้องฟ้า ราวกับสวรรค์ถล่มแผ่นดินทลายจนทุกคนถึงกับหน้าซีดเผือด กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงที่มีร่างกายดุจกำแพงถูกเหวี่ยงพลิกหงายกับพื้นด้วยเรี่ยวแรง'เย่ว์หยาง'

เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่'เย่ว์หยาง'ใช้พลังของเงายักษ์ เขาจึงใช้พลังมากเกินไป  อีกทั้งยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจความรู้เรื่องศูนย์ถ่วงของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงมากพอ

เขาของกระทิงเถื่อนทองแดงเป็นอวัยวะที่แข็งจนไม่มีอะไรเปรียบเทียบถึงหักเสียงดังเป๊าะ  เดิมที'เย่ว์หยาง'ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น  กะว่าจะยกตัวมันทุ่มใส่หุ่นศิลา

แต่ใครก็คงคาดไม่ถึง แทนที่จะยกมันขึ้นกลับจบลงแบบนั้น  'เย่ว์หยาง'ทำเขาของมันหักโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเพราะ'เย่ว์หยาง'เคลื่อนไหวผิดพลาด

ในความเป็นจริงพวกเขาคิดว่า'เย่ว์หยาง'จงใจหักเขากระทิงเพื่ออวดความแข็งแกร่งของเขา ชั่วขณะนั้น นักรบที่รายล้อมดูทั้งหมดตกตะลึงจากความรู้ของพวกเขาเอง ตระหนกจนหน้าซีดถอดสี

"สวรรค์  เรี่ยวแรงของคนๆ เดียวหรือนั่น?"

"เฮ้อ....ตูจะเป็นลมซะให้ได้"

"ภาพหลอน  นี่เป็นภาพหลอน  ข้าไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้ ข้าไม่มีทางเชื่อเรื่องอย่างนี้แน่ๆ  มันเป็นไปไม่ได้  เป็นไปไม่ได้แน่ๆ"”

'อูอี้'ไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่เห็นเป็นเพียงภาพหลอน  ต้องเป็นสัตว์อสูรที่โจรน้อยอัญเชิญออกมาแน่นอน ซึ่งมันมีความสามารถสะกดจิตทำให้เขาเห็นภาพหลอนได้

เรี่ยวแรงของคนธรรมดาไม่อาจทุ่มกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงระดับ 5 ลงกับพื้นแน่นอน แม้ว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่จะหักเขาของมันได้  เขากระทิงเป็นส่วนที่แข็งที่สุดของร่างมัน  แข็งกว่าเหล็กกล้าอย่างน้อย 10 เท่า  เป็นไปได้อย่างไรที่จะใช้มือหักมันได้

แม้เมื่อเป็นแบบนั้น ไม่ว่าโจรน้อยจะแข็งแรงขนาดไหนก็ตาม ไม่มีทางที่จะรอดชีวิตไปได้หลังจากโดนเนตรประหารเล่นงานไปแล้ว  แค่เฉพาะความแข็งแกร่งที่เหนือกว่ากระทิงเถื่อนชั้นทองแดงอาจเทียบเท่ากับนักสู้ชั้นผู้แก่กล้าระดับ 6  ที่แทบจะไล่หลังนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิด

พวกเขาอาจต้านรับการโจมตีได้  นักรบโดยทั่วไปไม่สามารถต้านทานพลังโจมตีของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงได้  เนตรประหารที่ไม่สนการป้องกันทางกายทุกอย่างและมุ่งจัดการวิญญาณของนักรบเพียงเท่านั้น  เป็นไปได้ว่าโจรน้อยผู้นี้แท้ที่จริงคือนักสู้ชั้นผู้แก่กล้าระดับ 6?

นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้  เห็นกันอยู่แล้วว่าเขาเป็นนักสู้ฝึกหัดระดับ 1 เท่านั้น ถ้าให้เขายอมเชื่อว่าโจรน้อยคือนักสู้ชั้นผู้แก่กล้าระดับ 6   อย่างนั้น'อูอี้'อาจยินยอมเชื่อว่าบิดาของเขาเองเป็นสตรี ฉากถัดไปที่เหลือ  นักรบโดยรอบตะลึงจนนิ่งเหมือนหิน ราวกับมีลมกัดเซาะความรู้สึกเป็นจริงของพวกเขา

ทุกคนรู้สึกว่า พวกเขาเหมือนกับยอมปล่อยให้ลมโหมพัดปัดเป่าความตะลึงงันให้หายไป ผลลัพธ์เช่นนี้ยอมรับไม่ได้เลยจริงๆ  นั่นเป็นเพราะ  ยักษ์ศิลาที่เดิมทีพุ่งตรงเข้าโจรน้อยพร้อมกับเงื้อกำปั้นยักษ์เตรียมทุบเขาให้เป็นเนื้อแหลกเหลว  กลับหักหลังผู้อัญเชิญเดิม

เมื่อ'เย่ว์หยาง'เอื้อมมือไปลูบมันเบาๆ ยักษ์ศิลาซึ่งไม่มีความรู้สึกนึกคิด ได้ยกกำปั้นของมันขึ้นแล้วทุบอย่างแรงลงไปที่กระทิงเถื่อนทองแดงที่ยังนอนอยู่บนพื้นดิน ทันทีที่โจรน้อยเหยียดแขนออกไป  ยักษ์ศิลาก็กลายเป็นสัตว์อสูรอัญเชิญของเขา

นี่....เป็นไปไม่ได้ หุ่นศิลาเป็นสัตว์อสูรประเภทหุ่นเชิดย่อมไม่มีทางทรยศผู้อัญเชิญนี่คือข้อดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกมัน  เนื่องจากมันไม่มีสติปัญญา มีแต่เพียงสัญชาตญาณต่อสู้  พวกมันไม่รู้จักพฤติกรรมที่เรียกว่า ทรยศ

ทันทีที่สัญญาได้รับการยืนยัน พวกมันจะมีความจงรักภักดีต่อผู้ทำสัญญาชั่่วนิรันดร์ สิ่งที่ทำให้'อูอี้'สิ้นหวังสุดๆ ก็คือหุ่นศิลานั้นที่ตอนนี้กำลังทุบกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงอย่างเหี้ยมโหดนั้นไม่ได้หักหลังเขาเลย

หุ่นศิลายังคงเป็นสัตว์อสูรอัญเชิญของเขา  เพียงแต่มันถูกควบคุมโดยพลังที่เขาไม่รู้จัก  จึงทำให้มันไม่ฟังคำสั่งเขา  แล้วทำงานเองโดยพลการ  โดยเข้าเล่นงานกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง สัตว์อสูรอัญเชิญที่ใช้พื้นที่อัญเชิญอย่างจำกัดจำนวน ยังไม่เชื่อฟังคำสั่งผู้เป็นนาย

หุ่นศิลานี้ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่สุดของเขามิใช่หรือ? 'อูอี้'อยากร้องไห้จริงๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เขาอยากตาย  แต่ไม่มีเวลาหยิบมีดออกมาฆ่าตัวตาย นั่นเป็นเพราะพลังของโจรน้อยยังอยู่แค่ผู้ฝึกหัดระดับ 1 มายืนอยู่ต่อหน้าเขา  กำลังดูถูกเขาด้วยท่าทีเหยียดหยาม

ขณะนั้นเอง  'อูอี้'รู้สึกเหมือนตัวเองกระจ้อยร่อย  ถ้ามีผู้ใดบอกว่าศัตรูของเขาเหมือนพยัคฆ์ร้ายกินคน  จากนั้นแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนหนูตัวน้อยที่ไม่คู่ควรแม้แต่จะเข้าไปติดอยู่ตามซอกฟันนักล่าชนิดนี้เลย  ตลอดทั้งชีวิตเขา นี่เป็นครั้งแรกที่'อูอี้'รู้สึกว่าตัวเองกระจ้อยร่อยขนาดนี้  อ่อนแอและหวาดกลัว  ความกลัวแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

"เจ้าเก่งไม่ใช่หรือ?  ทำไมไม่หัวเราะเยาะข้าอีก?  ยังจะเอาอะไรอย่างอื่นออกมาเล่นกับข้าอีกไหม?"”

'เย่ว์หยาง'เหยียบร่าง'อูอี้'ผู้กำลังสั่นไปทั้งตัว โดยไม่สนใจมองคนรอบๆ เขากระทืบไม่ยั้งอย่างโหดเหี้ยม

“… …”

พอเห็นนักสู้ชั้นผู้ฝึกหัดระดับ 1 เอาชนะนักสู้ชั้นวีรบุรุษระดับ 3 ได้ทุกคนยิ่งตะลึงงันจนพูดไม่ออก

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=34

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด