ตอนที่ 33 ปาฏิหาริย์
"ใช่...อูอี้อัญเชิญกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงออกมาได้จริงๆ มันเป็นสัตว์อสูรชั้นทองแดง ตอนนี้เราเสร็จแน่"”
เสียงของนางโจรเต็มไปด้วยความกลัว
"อสูรผู้พิทักษ์ของข้าคือ เซียนดอกไม้ มันไม่มีพลังโจมตีใดๆ เลย มันไม่ใช่คู่มือของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง ถ้าข้ารู้ตัวเร็วกว่านี้ ข้าคงเรียกเสือดาวปีศาจตั้งแต่เริ่มโจมตี เมื่อเป็นเช่นนั้น บางทีคงจะเป็นไปได้ที่จะฆ่าอูอี้... ตอนนี้, บอกข้าที, ข้าควรทำอย่างไรดี?"”
นางโจรตางามมองไปที่'เย่ว์หยาง' อย่างจนปัญญา ขณะที่เขาคือความหวังสุดท้ายของนาง
ขณะนี้ 'เย่ว์หยาง'เห็นได้ว่าดวงทั้งคู่ของนางที่จับจ้องเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ท่าทีดังกล่าวดูน่ารักน่าเวทนาคล้ายกับมองเห็นนางพญา'เฟ่ยเหวินหลี'ผู้ติดเป็นนักโทษอยู่ในผนึกหลุมดำที่เขาเจอมาก่อนหน้านี้
*เฮ้อ....!*
ในที่สุดช่วงเวลาที่พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยโฉมสะคราญก็มาถึงจนได้
ทันใดนั้น 'เย่ว์หยาง'เปิดเผยความรู้สึกกล้าที่จะปกป้องออกไป เขาจับไหล่ที่อ่อนนุ่มของนางโจรตางามอย่างเบามือปลอบนางด้วยเสียงนุ่มนวลว่า
"ก็แค่วัวไม่ใช่หรือ? วีรบุรุษคนกล้าผู้นี้จะฆ่ามันแทนเจ้า"”
คำปลอบโยนของ'เย่ว์หยาง'ไม่ได้ตั้งใจจะให้มีผลอะไร แต่กลับทำให้นางโจรตางามทำตาแดงๆ มีน้ำตาคลอเบ้า เสียงของนางอัดอั้นตันใจ เต็มไปด้วยอารมณ์ ขณะที่นางกล่าวว่า
“คนโง่ นี่ไม่ใช่กระทิงธรรมดา ถ้ากระทิงเถื่อนชั้นทองแดงจ้องมองเรา เราก็จะตายอย่างแน่นอน ตอนนี้เราจะทำไงดี? เราต้องคิดหาทางให้ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะตายในที่อย่างนี้ ข้ายังไม่อยากตาย ข้ายังไม่ได้แก้แค้นศัตรูลึกๆ ของข้า ข้าไม่ต้องการตายเลยจริงๆ เจ้าเป็นอัจฉริยะไม่ใช่เหรอ? รีบคิดหาทางให้ได้สิ”
"มั่นใจเถอะน่า ข้ามีแผนโต้ตอบไว้แล้ว"”
'เย่ว์หยาง'หยิบมีดเล็กที่ใช้สำหรับปอกผลไม้ออกมา
"เจ้าต้องการหลับหูหลับตาสู้เหรอ?"”
นางโจรตางามคิดว่า'เย่ว์หยาง'ต้องการวิ่งออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าเพื่อฆ่า'อูอี้'
ถ้า'อูอี้'ตาย กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงที่เขาอัญเชิญออกมาก็จะหายวับไปด้วย ไม่คงอยู่ต่อไป อย่างไรก็ตาม เวลาอย่างนี้ จะฆ่า'อูอี้'ได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ? ไม่ต้องพูดถึง'เสียหั่ว' โจรน้อยที่เพิ่งเป็นทหารรับจ้างได้ไม่กี่วันจะมีฝีมือพอสู้กับอูอี้ได้หรือ?
นางโจรตางามรู้สึกว่า ถ้า'เย่ว์หยาง'วิ่งออกไปมั่วๆ ก็เท่ากับว่าเข้าหาความตาย แม้ว่าเขาไม่ได้วิ่งเข้าไปหาความตาย แต่ก็คงถูกกระทิงเถื่อนทองแดงย่ำหรือจ้องจนตาย
และถ้าสามารถหลบได้ก็อาจโดนหุ่นศิลาเล่นงาน เขาอาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ โดยอินทรีสงครามที่เริ่มคืนสภาพแล้ว แม้ว่าเขาจะเข้าไปถึงตัวอูอี้ได้สำเร็จ การต้องสู้กับนักสู้ชั้นวีรบุรุษระดับ 3 ด้วยมีดปอกผลไม้ราคา 50 เหรียญทองแดงนี้ ทหารรับจ้างที่ไหนเค้าทำกัน?
ส่วนมาก เขาคงไม่สามารถแตะต้องตัว'อูอี้'ได้แม้ปลายเส้นผมแล้วถูกฆ่าอยู่ตรงนั้น การออกจากโล่ห์แสงแล้ววิ่งออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าเป็นวิธีที่โง่ที่สุด และเป็นการฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่นางโจรตางามคิด
ขณะที่นางคว้าแขน'เย่ว์หยาง'ไว้แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
"ข้ายังมีวิธีโจมตีอื่นอีก แต่ความเป็นไปได้ของผลสำเร็จน้อยมาก เจ้าควรจะหนีไปจากที่นี่ด้วยกำลังที่เจ้ามีทั้งหมด ถ้าเจ้ายังรอดอยู่ได้หลังหนีไปจากดินแดนคาวเลือดและความตายแห่งนี้แล้ว ช่วยทำตามที่ข้าขอร้องข้อหนึ่ง จงไปที่หมู่บ้านผีเสื้อและดอกไม้ บอกประมุขหมู่บ้านว่าข้า...ข้าตายในการต่อสู้"
"พยายามหนีเหรอ? เลิกคิดซะเถอะ!"”
'เสียหั่ว'มองพวกเขาอย่างเยาะเย้ย
ขณะที่หัวเราะอย่างสยองขวัญ นางหยิบหินผลึกสีดำออกมาประคองไว้ด้วยสองมือ บริกรรมด้วยคำสวดแปลกๆ แล้วพ่นเลือดที่เต็มปากไปที่หินผลึกสีดำ ผึ้งมารบนพื้นดินระเบิดเป็นชิ้นด้วยเสียงอันดัง เลือดสีเขียวเข้มและเลือดเนื้อกระจายไปทั่ว
ปรากฏว่ามีเสือดาวปีศาจที่พรางตัวอยู่ในความมืดยามราตรี เลือดที่กระจายไปทำให้มันเผยตัวจากที่ซ่อน หุ่นศิลาเงื้อกำปั้นทันที ในอากาศ อินทรีสงคราม
ซึ่งเร็วกว่าหุ่นศิลามาก โฉบลงมาจู่โจมทันที ตั้งแต่แมงมุมแม่มดหนีไปจากพื้นที่ต่อสู้ ทั้งพิษทั้งใยแมงมุมจึงหายไป แม้ว่าความสามารถต่อสู้ของมันจะลดลงไปบ้างแต่ก็ไม่มาก
อินทรีสงครามยังแสดงความแข็งแกร่งให้เห็นได้ อินทรีสงครามโฉบลงมาราวกับพายุหมุนสร้างบาดแผลที่หลังเสือดาวปีศาจจนถึงกระดูก
*ครืดดด.. ครืดดดด*
กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงใช้กีบเท้ากระทืบพื้น เป็นความหมายว่าใกล้จะเข้าจู่โจมเสือดาวปีศาจ
ทันใดนั้น แสงไฟระเบิดออกมาจากจมูกของกระทิงเถื่อนทองแดงและระเบิดขาหลังของเสือดาวปีศาจดังบึ้ม ต่อจากนั้น กระทิงเถื่อนทองแดงจึงไล่ตามเสือดาวปีศาจที่บาดเจ็บและใช้กระโหลกและเขาที่แข็งราวกับหินขวิดกระแทกราวกับใช้ค้อนยักษ์ เสือดาวปีศาจร้องอย่างเจ็บปวดขณะที่ทั้งตัวมันถูกขวิดถูกกระแทกอย่างโหดเหี้ยม ร่างมันหมุนคว้างกลางอากาศอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อเสือดาวปีศาจหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงก็มาถึงทันที มันจ้องเสือดาวปีศาจเขม็ง ไฟสีแดงพุ่งออกจากตาของมันเร็วกว่าสายฟ้าและเสือดาวปีศาจกลายเป็นซากศพล้มลงกับพื้นทันที
ในชั่วเวลาสั้นๆ เสือดาวปีศาจถูกฆ่าโดยเนตรประหารของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง
"พระเจ้าช่วย!"”
จากหน้าต่างและระเบียงศาลาของป่าบันเทิง นักรบที่รายล้อมอยู่กลัวมากจนเหงื่อชุ่มไปหมด แม้ว่าเนตรประหารของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงจะมีความน่าสำเร็จได้น้อย แต่ความคงอยู่ของการโจมตีทำให้มองข้ามทุกอย่างไปหมดเพราะน่ากลัวเกินไปเนตรประหาร
นอกจากไม่มีผลต่อสิ่งไม่มีชีวิตอย่างหุ่นศิลา เป็นไปได้ว่าอสูรผู้พิทักษ์จากคัมภีร์อัญเชิญด้วยแล้ว นักรบทั่วไปและสัตว์อสูรไม่มีโอกาสรอด
ถ้าพวกเขาถูกทำร้ายด้วยเนตรประหารจากกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง นางโจรตางามผู้กำลังอัญเชิญสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง ถึงกับหมดหวังจนไม่สามารถอัญเชิญให้จบก่อนที่เสือดาวปีศาจจะถูกกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงฆ่าตาย สะดุ้งใจสั่นสะท้านเหมือนถูกฟ้าผ่า
สัตว์อสูรตายมีผลอย่างมากต่อใจของเจ้าของที่เชื่อมโยงจิตใจอยู่ มันหนักเกินกว่าจะทนได้ตามปกติสำหรับนาง แต่ตอนนี้นางอยู่ในระหว่างทุ่มเทจิตใจเพื่ออัญเชิญสัตว์อสูร ดังนั้นจิตใจนางจึงรับผลกระทบอย่างหนัก นางกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งจนเปื้อนหน้า ร่างกายนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ก่อนที่นางจะหมดสติล้มลงกับพื้น นางเข้าไปหาเย่ว์หยางแล้วพูดว่า
"เร็ว... หนี..."”
'เย่ว์หยาง'ยื่นมือออกไปคว้าร่างที่อ่อนปวกเปียกของนางไว้ มือนางอ่อนนุ่มมีกลิ่นหอม ถ้าเขาเคลื่อนไหวให้เร็วกว่านี้ นางคงไม่ต้องรับผลกระทบทางใจจนทำให้หมดสติ
อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์หยาง'ไม่ปรารถนาจะเปิดเผยฝีมือของเขาต่อหน้า
"พี่ชาย"”
ผู้นี้อย่างน้อยที่สุด เขายังไม่ต้องการเปิดเผยฝีมือในตอนนี้ ดังนั้นเขาแค่วางแผนเคลื่อนไหวจนต้องใช้ที่พึ่งสุดท้าย เกี่ยวกับนักรบในศาลาของป่าบันเทิงหรือ'อูอี้'และ'เสียหั่ว'ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
พวกมันก็แค่ศพในสายตาของ'เย่ว์หยาง' พอนางโจรตางามหมดสติแล้ว โล่ห์แสงก็หายไปด้วย คัมภีร์อัญเชิญชั้นเงินเปลี่ยนเป็นลูกกลมสีทองบินเข้าไปในร่างของนางโจรตางาม
เมื่อโล่ห์แสงหายไป หุ่นศิลา, อินทรีสงคราม และกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงทั้งหมดจู่โจมเข้าใส่'เย่ว์หยาง'อย่างบ้าคลั่ง
"ฮ่าฮ่าฮ่า"”
'อูอี้'และเสียหั่วเริ่มหัวเราะอย่างสบายใจ เอาชนะศัตรูโดยสู้ร่วมกันอย่างนี้ ใช้วิธีการโกง พวกมันทำมาเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว พวกมันซ้อมทำความเข้าใจกันและกัน
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะถูกกดดันมากเกินไปจากการเผชิญหน้ากับผู้ใช้คัมภีร์อัญเชิญชั้นเงิน ที่เป็นนักสู้ชั้นยอดฝีมือ ระดับ 4 อูอี้คงไม่อัญเชิญกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงแน่ เขาเรียกมันออกมาเพื่อลดความเสี่ยงอันตรายที่กำลังเผชิญ
"หนวกหูโว้ย"”
'เย่ว์หยาง'เกลียดคนที่หัวเราะแบบนี้มากที่สุด เขารู้สึกว่าการหัวเราะมากเกินเป็นนิสัยประจำตัวเขามาตลอด พอเห็น'อูอี้'กับ'เสียหั่ว'หัวเราะอย่างหน้าด้านมาก เขากลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก คิดว่าเจ้าคนน่าเกลียดทั้ง 2 คนนี้ลอกเลียนแบบนิสัยหัวเราะของเขา
'เย่ว์หยาง'กางนิ้วขึ้นแล้วเรียกคัมภีร์สีทองแดงออกมา แสงสีแดงจางๆ ปรากฏขึ้น ก่อตัวเป็นรูปโล่ห์แสงคลุมนางโจรตางามและเขาไว้ กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงพุ่งเข้าใส่โล่ห์แสงสีแดง แล้วปะทะโล่ห์แสงรุนแรงจนสั่นสะท้าน
แต่แรงสั่นก็หายไปอย่างรวดเร็ว อีกด้านหนึ่งหุ่นศิลาทุบลงมาถึงขนาดบดศิลาใดๆ ก็ได้ก็ยังไม่มีผลต่อโล่ห์แสงสีแดง อินทรีสงครามที่เป็นสัตว์อสูรที่อ่อนแอที่สุดโฉบลงมาจากอากาศ แต่กระเด็นออกไปจากแรงปะทะโล่ห์แสงสีแดง
"เอ.. ยังมีคนใช้คัมภีร์อัญเชิญคนอื่นอีกหรือ? แต่ก็เป็นแค่ระดับ 1 ชั้นเริ่มต้นฝึกหัดหรือ? ฮ่าฮ่า โง่จริงๆ แกมันก็แค่เด็กฝึกหัด ทำไมถึงต้องแส่หาที่ตาย? แกนี่มันตลกจริงๆ.. ต้นดอกหนามหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ไหวแล้วโอ๊ย.. ขำจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว มันเรียกต้นดอกหนามออกมาจริงๆ ด้วย โอว..สวรรค์ ข้าละอยากจะเห็นมันจะใช้ต้นดอกหนามฆ่าหุ่นศิลาและกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงของข้าได้ยังไง"”
'อูอี้'แค่นเสียงไปหัวเราะไปพลางเอามือกุมท้องตัวเองไปด้วย ถึงกับหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
"ข้าเอาไว้เจอกับคนเก่งๆ ดีกว่า ฆ่าเจ้าแมลงตัวน้อยนี่ไปก็ไม่มีความหมายอะไร"”
'เสียหั่ว'เลิกสนใจเย่ว์หยางทันที เมื่อเขาสรุปเอาว่าเย่ว์หยางก็แค่เด็กอ่อนหัด
"ฮ่าฮ่า ข้าตรงกันข้ามกับเจ้า ข้าชอบทรมานแมลงเล็กๆ ให้ตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟังเสียงร่ำไห้ยามที่พวกมันใกล้ตาย มันให้รสชาติที่หลากหลายดี"”
'อูอี้'เลียริมฝีปาก เหมือนกับว่าเขาเป็นผีตายอดตายอยากเห็นของอร่อยอยู่ต่อหน้าและเตรียมจะกิน ในสายตาเขา 'เย่ว์หยาง'เด็กหัดใหม่ระดับ 1 นี้คือแมลงเล็กๆ ที่เขาจะทรมานให้ตาย
แม้ว่า'เย่ว์หยาง'จะเป็นผู้ทำสัญญากับคัมภีร์ 'อูอี้'ก็ยังประมาทเขา เด็กหัดใหม่ที่เอาแต่อัญเชิญสัตว์อสูรทุกๆ วัน พอเผชิญหน้ากับโจรน้อยที่อัญเชิญต้นดอกหนามออกมาเพื่อเตรียมต่อสู้
แม้แต่คนโง่ก็ยังนึกไม่ถึงเลยว่าเขาสามารถใช้ต้นดอกหนามที่อ่อนแอเอามาฆ่าหุ่นศิลาและกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงที่มีเนตรประหาร ซึ่งไม่อาจเอาชนะได้ นักรบทุกคนบนระเบียงศาลาป่าบันเทิงส่ายหัวและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้ แม้ว่าเทพเจ้าลงมายังโลกด้วยตนเองก็ไม่มีทางเปลี่ยนความพ่ายแพ้ของโจรน้อยนี้ให้เป็นชัยชนะได้ โจรน้อยนี้จะต้องแพ้'อูอี้'อย่างแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น ยังมี'เสียหั่ว'ผู้แข็งแกร่งกว่าอูอี้หนุนอยู่ข้างหลัง ทันทีที่โลห์แสงหมดขีดจำกัดเวลา โจรน้อยทั้งคู่จะกลายเป็นเนื้อแหลกเหลวด้วยฝีมือของหุ่นศิลาและกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง
"ก็แค่วัวตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ? มันมีดียังไง?"”
'เย่ว์หยาง'ไม่ได้ยืนอยู่ในโล่ห์แสงแล้ว เขาเดินกร่างออกมาที่โล่ง ปล่อยให้นางโจรตางามและต้นดอกหนามอยู่ภายในโล่ห์แสง
"อา?"”
ความเคลื่อนไหวของเขาทำให้นักรบทุกคนตะลึง จนพูดไม่ออก ผู้ใช้คัมภีร์อัญเชิญไม่น่าจะออกมาจากโล่ห์แสงได้ มิฉะนั้นโล่ห์แสงจะหายไป โจรน้อยผู้นี้ออกมานอกโล่ห์แสงได้อย่างไร? นี่ กลายเป็นว่าทุกคนตาไม่ถึง ดูผิดไปกระทันหันแล้วหรือ? หรือว่าจะเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดต่อหน้าพวกเขา?
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=33