ตอนที่ 32 กระทิงเถื่อนชั้นทองแดง
"อัญเชิญ เสือดำปีศาจ"”
นางโจรตางามรีบวางฝ่ามือลงบนคัมภีร์เงิน เตรียมเรียกสัตว์อสูรครั้งที่ 3
"สายไปแล้ว"”
บุรุษนัยตา 3 เหลี่ยมออกมาจากประตูไวเหมือนประกายไฟ กล่าวอย่างย่ามใจ โดยไม่ต้องเคลื่อนไหวเพื่ออัญเชิญแม้แต่น้อย สิ่งมีชีวิตที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟสีดำปรากฏอยู่ด้านหลัง
'เย่ว์หยาง'เคยเห็นภาพสัตว์อสูรต่างๆ ในหนังสือที่เย่ว์ปิงเอามาจากโรงเรียนครั้งก่อน และเขารู้ว่าสัตว์เล็กๆ ต่อหน้าเขาคล้ายกับอสูรไฟ ตามคำอธิบายใต้ภาพสัตว์อสูร
สัตว์อสูรไฟมีการโจมตีแข็งแกร่งไม่มาก แต่มันสร้างลูกไฟได้ดี เห็นอสูรไฟตามอยู่ข้างหลังบุรุษตา 3 เหลี่ยมโดยไม่ต้องทำการอัญเชิญทำให้นักรบรับจ้างส่งเสียงเอ็ดอึง แทนที่จะทึ่งในความแข็งแกร่งของเขา
แต่พวกเขากลับดูหมิ่นมัน ทั้งทหารรับจ้างและนักรบมีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ คือ พอเริ่มสู้อย่างเป็นทางการทั้ง 2 ฝ่ายต้องต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา นี่เจ้าคนเลวที่น่าชังและหน้าด้านแอบเรียกสัตว์อสูรออกมาทำร้ายคู่ต่อสู้ของพวกเขา
คนตา 3 เหลี่ยมผู้นี้ชื่อว่า'เสียหั่ว' แอบเรียกอสูรไฟมาตั้งแต่ยังอยู่ในป่าบันเทิง เขาแอบซ่อนสัตว์อสูรและตนเองเอาไว้ และรอให้'อูอี้'เสียเปรียบก่อนจะเปิดเผยสัตว์อสูรของเขา
ทั้งที่เป็นการเผชิญหน้าตัวต่อตัว ความจริงที่ว่ามีการแทรกแซงเข้ามาก็น่ารำคาญพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเรียกสัตว์อสูรไว้ก่อน นี่คือสิ่งที่คนยอมรับไม่ได้จริงๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าทหารรับจ้างนึกขึ้นได้ว่า เจ้าบัดซบผู้นี้รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ ไม่อย่างนั้นก็คงลุยจนฆ่าเขาแน่ๆ ขณะที่ยังมีผึ้งมารปรากฏอยู่ด้านหลังของ'เสียหั่ว'อีก
ทุกคนระอาและเบื่อหน่ายความขี้โกงที่พวกเขาไม่มีแม้แต่พลังจะสาบแช่งเขา คนไร้ยางอายแบบนั้นสมควรถูกฟ้าผ่า ไม่ควรจะได้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เลย
ถ้าเสียหั่วบอกว่า อสูรไฟของเขาไม่ได้ถูกเรียกมาเพื่อสู้กับผีเสื้อมอมเมาของนางโจร บางทีคงมีทหารรับจ้างโง่ๆ เชื่อเขาเพียงไม่กี่คน อย่างไรก็ตาม
ตอนนี้ผึ้งมารสีเหลืองดำปรากฏออกมาแล้ว แม้พวกคนโง่ๆ ก็ยังเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น คำว่าคนมีคุณธรรมของคนอย่างเจ้าขยะ เสียหั่วนี้ เห็นได้ชัดว่าแอบเรียกสัตว์อสูรออกมาสู้กับนางโจรตางาม บวกกับที่เขาประกาศก่อนหน้านี้ขอใช้สิทธิ์ในคืนแรกกับนาง
พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าขึ้นมาทันทีว่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนดีและทำชั่วมาไม่น้อย แต่พอเทียบกับเจ้าเสียหั่วผู้นี้แล้ว พวกเขากลายเป็นนักบุญไปเลย
พวกเขาเคยเห็นการเล่นละครอ้างศีลธรรมที่ไร้ค่ามาก่อน แต่ไม่คิดว่าจะมีกรณีร้ายแรงเช่นนี้ สัตว์อสูรแมลงอย่างผีเสื้อมอมเมากลัวไฟและน้ำแข็งที่สุด แน่นอนว่าอสูรไฟสามารถฆ่าผีเสื้อมอมเมาได้ในทันที
อีกอย่าง แมงมุมแม่มดมีศัตรูตามธรรมชาติก็คือผึ้งมาร ผึ้งมารสามารถหลบใยแมงมุมได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังไม่กลัวพิษเขี้ยวแมงมุม เหล็กในของมันทำให้แมงมุมแม่มดกลายเป็นอัมพาตได้และแม้แต่ฆ่าก็ยังได้
พอเห็นสัตว์อสูรของ'เสียหั่ว' นางโจรตางามเริ่มประหม่าด้วยความกังวล นางออกคำสั่งให้ผีเสื้อมอมเมารีบบินขึ้นไป แล้วค่อยเตรียมบินกลับมาอยู่ภายในโล่ห์แสงจากนั้นค่อยเก็บไว้ในคัมภีร์เงิน
อย่างไรก็ตาม สายเกินไปเสียแล้ว อสูรไฟยิงลูกไฟสีดำออกไปเป็นแนวโค้งแผ่กว้างไล่ตามตามผีเสื้อมอมเมา จนในที่สุดมันก็แตกระเบิดปีกผีเสื้อมอมเมา
*บึ้ม!*
ผีเสื้อมอมเมาถูกเผาไหม้กลายเป็นจุลและควันกระจายหายไป พอไม่มีผีเสื้อมอมเมาคอยควบคุมมัน หุ่นศิลาก็เริ่มเคลื่อนไหวได้ทันที มันก้าวเข้ามาพลางเงื้อกำปั้นหินขนาดมหึมาซัดไปที่เสือดำปีศาจที่นางโจรตางามเพิ่งจะเรียกออกมา ไม่ค่อยมีโอกาสที่ความเคลื่อนไหวอุ้ยอ้ายของมันจะโจมตีถูกเสือดำปีศาจซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ามีความสามารถในการพรางตัว
อย่างไรก็ตามเสือดำปีศาจยังไม่มีวิธีโต้ตอบหุ่นศิลา ได้แต่หลบไปหลบมาอย่างรวดเร็ว หมัดหุ่นศิลากระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง ด้วยแรงระเบิดเสียงดังราวกับสายฟ้าฟาด ถึงกับทำให้พื้นสั่นสะเทือน
ในอีกด้านหนึ่ง แมงมุมแม่มดตกอยู่ในความกลัว และเริ่มหนีตรงไปที่โลห์แสง หลังจากกระโดดหลบต่อเนื่องแล้ว ในที่สุดมันก็มาถึงโล่ห์แสงได้ก่อนที่ผึ้งมารจะไล่ตามทัน
แม้ว่ามันจะหนีได้พ้น แต่ก็ยังไม่หยุดสั่นเพราะความกลัว เห็นได้ชัดว่าแมงมุมแม่มดกลัวศัตรูโดยธรรมชาติของมัน
"อ้อ..เรียกสัตว์อสูรมาสู้กันอย่างนี้ น่าสนใจดีนี่"”
'เย่ว์หยาง'มองดูอย่างดีใจอย่างมาก ในที่สุดเขาก็ได้มีโอกาสเห็นการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรที่มีผู้อัญเชิญเรียกออกมา การต่อสู้ ไม่เพียงต้องใช้กำลังต่อสู้
แต่ต้องใช้ไหวพริบเช่นกัน สัตว์อสูรไม่ใช่ว่าจะมีประสิทธิภาพไปเสียทุกอย่าง การใช้พวกมันด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่พึงทำ ยกตัวอย่าง ผีเสื้อมอมเมาไม่มีทางต่อต้านอินทรีสงครามได้
แต่มันมีผลต่อหุ่นศิลา แมงมุมแม่มดเป็นศัตรูของอสูรสัตว์ปีก แต่ผึ้งมารกลับเป็นสิ่งที่ยกเว้น อีกด้านหนึ่ง อสูรไฟสามารถใช้ลูกไฟยิงไปเพื่อฆ่าผีเสื้อมอมเมาได้ แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ก็ยังไม่ถึง 1 ใน 100 ของหุ่นศิลา
หลังจากเห็นการต่อสู้นี้แล้ว 'เย่ว์หยาง'ก็ได้ข้อสรุป สำหรับสัตว์อสูรทุกตัว แม้ว่าตัวหนึ่งจะอยู่ยงคงกระพัน แต่ก็ยังมีอีกตัวหนึ่งที่สามารถปราบมันได้ ไม่มีอะไรที่ไร้เทียมทาน ต่อให้เป็นสัตว์อสูรคงกระพันในโลกนี้
อย่างไรก็ตาม การผสานการต่อสู้และกลยุทธ์ตอบโต้สัตว์อสูรชนิดต่างๆ ก็มีหลากหลายวิธีนับไม่ถ้วน ตอนนี้'เย่ว์หยาง'เข้าใจสาเหตุที่นักรบต้องใช้ผู้มีคัมภีร์อัญเชิญ
เพื่อความได้เปรียบดังว่ามานี้ เหตุผลง่ายๆ ประการแรก นักรบกับคัมภีร์อัญเชิญทั้งหมดมีสัตว์อสูรผู้พิทักษ์และภักดีอย่างยิ่ง ซึ่งมันจะฟื้นขึ้นมาได้แม้เมื่อมันตายแล้วก็ตาม ประการที่สอง คัมภีร์อัญเชิญเล่มหนึ่ง สัตว์ที่ได้ทำสัญญาจะไม่ค่อยมีข้อจำกัดมากนัก
พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากสัตว์อสูรมากขึ้นโดยนำมาใช้ดำเนินกลยุทธ์ต่อสู้ ในการต่อสู้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเสียหั่วแทรกแซงเข้ามากระทันหัน 'อูอี้'คงโดนเสือดำปีศาจฉีกเป็นชิ้นในการปะทะทางกลยุทธ์โดยรวมไปแล้ว
ขณะนี้ สถานการณ์ของนางโจรไม่ดีเอาเสียเลย
"รีบไปเลย อูอี้จะอัญเชิญสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมาได้ในไม่ช้านี้ ข้าต้านรับต่อไปอีกไม่นาน"”
นางไม่สามารถทำให้แมงมุมแม่มดออกมาได้อีกแล้ว
ดังนั้น นางจึงรีบส่งม้วนเวทที่สร้างมาอย่างประณีตให้เย่ว์หยาง
"นี่คือ 'ม้วนเวทส่งพลัง' ถ้าเจ้าเปิดมันออกและถ่ายเทพลังภายในเข้าไป เจ้าจะปลดปล่อยพลังที่คล้ายกับพลังอัญเชิญสัตว์อสูรได้"
"อัญเชิญสัตว์อสูรเหรอ? "”
'เย่ว์หยาง'ทำเป็นไร้เดียงสาขณะกระพริบตาไปที่นางโจร
"อา...เจ้าไม่รู้แม้แต่วิธีอัญเชิญสัตว์อสูร?"”
นางโจรรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงบนกระหม่อมของนาง นางคิดในใจเอาเองว่า
"เป็นไปได้ว่าที่เจ้าเด็กผู้นี้แสดงออกมาทั้งหมด ก็เพื่อไล่จีบสาวๆ งั้นหรือ? เขาถึงได้ไม่รู้วิธีเรียกสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว?"”
ไม่น่าสงสัยเลย เขาเพิ่งจะสมัครเป็นทหารรับจ้างมาเพียงไม่กี่วันนี่เอง ตอนนี้ พวกเขาจบสิ้นแล้ว
"เจ้าอยากจะหนีหรือ? มันไม่ง่ายอย่างนั้น"”
เสียหั่วเยาะเย้ย เขาทำท่าทางแปลกประหลาด และใช้มีดกรีดฝ่ามือจนเป็นแผล แล้วหยดเลือดลงบนภาพ ภาพวาดเปล่งแสงสีแดง มีจุด 2 จุดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วระเบิดตัวเหมือนกับพลุดอกไม้ไฟ ทำให้เกิดแสงสีแดงกระจายไปทุกทิศทาง
ในขณะเดียวกัน คลื่นความคิดถูกส่งเข้ามาในใจของ'เย่ว์หยาง' ศัตรูของเจ้าบังคับให้เจ้าสู้เดิมพันชีวิตกัน ก่อนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายในการต่อสู้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจออกไปจากปริมณฑลของดินแดนแห่งคาวเลือดและความตายได้
มิฉะนั้น เจ้าจะต้องเผชิญกับเทวทัณฑ์ เส้นทางเดินปราณทุกเส้นในตัวเจ้าจะฉีกกระชากจนเจ้าขาดใจตาย มือนางโจรตางามเริ่มสั่น เห็นได้ชัดว่านางได้รับสารข้อความเดียวกันในเรื่อง สู้เดิมพันชีวิตของ'เสียหั่ว'
'เสียหั่ว'จำเป็นต้องตอบสนองความต้องการเพื่อเริ่มต้นสู้เดิมพันชีวิตครั้งนี้ หน้าของเขาซีดขาวราวแผ่นกระดาษ และมือที่เปื้อนเลือดของเขาดูเหมือนจะถูกกลืนโดยสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มองไม่เห็น แผลมีเลือดออกอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเริ่มเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง
"เจ้าจะได้รับเกียรติ ว่าจะต้องตายเพื่อข้าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า"”
'เสียหั่ว'กดมือเปื้อนเลือดของเขาเข้าไปในศีรษะอสูรไฟ มันระเบิดบึ้ม ทำให้เลือดเนื้อกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
"ทำได้ดี เหอะ เหอะ ในที่สุดข้าก็อัญเชิญมันได้สำเร็จ ในที่สุด...ก็ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว"”
'อูอี้'เริ่มมีเลือดออกมาเต็มใบหน้า มันดูน่าสยดสยองมาก พลังวิญญาณเขาเริ่มท่วมท้นออกมา และด้วยพลังอัญเชิญที่ทรงพลังมหาศาล ทำให้ร่างกายเขาทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว สิ่งที่แปลกก็คือ เลือดที่ออกมาจากตัวเขากลายเป็นลำแสงที่ไหลเข้าไปในแก้วผลึกสีแดงบนฝ่ามือเขา
ในที่สุด หลังจากแก้วผลึกแดงดูดซับเลือดและพลังวิญญาณจนพอแล้ว มันเริ่มเปล่งแสงสีแดงจนครอบคลุม แสงแผ่กระจายไปทั่วอาบบริเวณจนเป็นสีแดง กลุ่มทหารรับจ้างที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดเริ่มรู้สึกถึงอาการกลัวแปลกๆ และฟันกรามของพวกเขาสั่นกระทบกันอย่างควบคุมไม่ได้
พวกทหารรับเจ้าสั่นราวกับว่าถูกแช่อยู่ในโลกหิมะน้ำแข็ง ในที่สุด สัตว์อสูรที่ทรงพลังถูกเรียกออกมาโดยใช้เลือดของอูอี้ก็ปรากฏตัวหลังจากผ่านไป 3 นาที
"มออออออออ"”
เสียงคำรามทำให้ผึ้งมารที่บินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือหัวทุกคนก่อนนี้กลัวจนร่วงตกไปบนพื้นตัวสั่น มันเริ่มดิ้นและคลานไปรอบๆ ดูเหมือนว่าไม่อาจบินกลับไปในอากาศได้อีก
แม้แต่แมงมุมแม่มดที่ซ่อนตัวอยู่ในโล่ห์แสงอย่างปลอดภัยก็ยังอดทนต่อความกลัวต่อไปไม่ได้ มันกลายเป็นแสงสีเขียววาบกลับไปในคัมภีร์อัญเชิญอย่างจงใจ มันทอดทิ้งเจ้าของหลบหนีไปจากสนามรบเสียแล้ว
'เย่ว์หยาง'เห็นว่า 'อูอี้'ได้เรียกกระทิงตัวมหึมา ตัวมีผิวสีเขียวเข้มดุจผิวงู นัยตาแดงกล่ำราวกับสีเลือด ทหารรับจ้างแตกกระจายไปกันคนละทิศ ไม่มีผู้ใดกล้ารั้งอยู่ต่อไปแม้แต่คนเดียว
แม้แต่นักรบที่คอยรักษาความปลอดภัยอยู่บนระเบียงป่าบันเทิงยังกลัวจนหน้าซีด พวกเขาร้องลั่นด้วยความกลัว
"สวรรค์ สหายอูอี้ผู้นั้นทำเกินไปแล้ว ถึงกับเรียกกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงออกมาได้"
"กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงหรือ?"”
'เย่ว์หยาง'ถามนางโจรตางามด้วยความสงสัย
"นี่คือกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงในตำนานซึ่งมี เนตรประหาร ไว้ฆ่าคนเพียงแค่จ้องดูหรือนี่?"”
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=32