ตอนที่แล้วตอนที่ 31 จองนาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 33 ปาฏิหาริย์

ตอนที่ 32 กระทิงเถื่อนชั้นทองแดง


"อัญเชิญ เสือดำปีศาจ"”

นางโจรตางามรีบวางฝ่ามือลงบนคัมภีร์เงิน เตรียมเรียกสัตว์อสูรครั้งที่ 3

"สายไปแล้ว"”

บุรุษนัยตา 3 เหลี่ยมออกมาจากประตูไวเหมือนประกายไฟ กล่าวอย่างย่ามใจ โดยไม่ต้องเคลื่อนไหวเพื่ออัญเชิญแม้แต่น้อย สิ่งมีชีวิตที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟสีดำปรากฏอยู่ด้านหลัง

'เย่ว์หยาง'เคยเห็นภาพสัตว์อสูรต่างๆ ในหนังสือที่เย่ว์ปิงเอามาจากโรงเรียนครั้งก่อน และเขารู้ว่าสัตว์เล็กๆ ต่อหน้าเขาคล้ายกับอสูรไฟ ตามคำอธิบายใต้ภาพสัตว์อสูร

สัตว์อสูรไฟมีการโจมตีแข็งแกร่งไม่มาก แต่มันสร้างลูกไฟได้ดี เห็นอสูรไฟตามอยู่ข้างหลังบุรุษตา 3 เหลี่ยมโดยไม่ต้องทำการอัญเชิญทำให้นักรบรับจ้างส่งเสียงเอ็ดอึง แทนที่จะทึ่งในความแข็งแกร่งของเขา

แต่พวกเขากลับดูหมิ่นมัน ทั้งทหารรับจ้างและนักรบมีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ คือ พอเริ่มสู้อย่างเป็นทางการทั้ง 2 ฝ่ายต้องต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา นี่เจ้าคนเลวที่น่าชังและหน้าด้านแอบเรียกสัตว์อสูรออกมาทำร้ายคู่ต่อสู้ของพวกเขา

คนตา 3 เหลี่ยมผู้นี้ชื่อว่า'เสียหั่ว' แอบเรียกอสูรไฟมาตั้งแต่ยังอยู่ในป่าบันเทิง เขาแอบซ่อนสัตว์อสูรและตนเองเอาไว้ และรอให้'อูอี้'เสียเปรียบก่อนจะเปิดเผยสัตว์อสูรของเขา

ทั้งที่เป็นการเผชิญหน้าตัวต่อตัว ความจริงที่ว่ามีการแทรกแซงเข้ามาก็น่ารำคาญพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเรียกสัตว์อสูรไว้ก่อน นี่คือสิ่งที่คนยอมรับไม่ได้จริงๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าทหารรับจ้างนึกขึ้นได้ว่า เจ้าบัดซบผู้นี้รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้  ไม่อย่างนั้นก็คงลุยจนฆ่าเขาแน่ๆ ขณะที่ยังมีผึ้งมารปรากฏอยู่ด้านหลังของ'เสียหั่ว'อีก

ทุกคนระอาและเบื่อหน่ายความขี้โกงที่พวกเขาไม่มีแม้แต่พลังจะสาบแช่งเขา  คนไร้ยางอายแบบนั้นสมควรถูกฟ้าผ่า  ไม่ควรจะได้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เลย

ถ้าเสียหั่วบอกว่า อสูรไฟของเขาไม่ได้ถูกเรียกมาเพื่อสู้กับผีเสื้อมอมเมาของนางโจร บางทีคงมีทหารรับจ้างโง่ๆ เชื่อเขาเพียงไม่กี่คน อย่างไรก็ตาม

ตอนนี้ผึ้งมารสีเหลืองดำปรากฏออกมาแล้ว แม้พวกคนโง่ๆ ก็ยังเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น คำว่าคนมีคุณธรรมของคนอย่างเจ้าขยะ เสียหั่วนี้ เห็นได้ชัดว่าแอบเรียกสัตว์อสูรออกมาสู้กับนางโจรตางาม บวกกับที่เขาประกาศก่อนหน้านี้ขอใช้สิทธิ์ในคืนแรกกับนาง

พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าขึ้นมาทันทีว่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนดีและทำชั่วมาไม่น้อย แต่พอเทียบกับเจ้าเสียหั่วผู้นี้แล้ว พวกเขากลายเป็นนักบุญไปเลย

พวกเขาเคยเห็นการเล่นละครอ้างศีลธรรมที่ไร้ค่ามาก่อน แต่ไม่คิดว่าจะมีกรณีร้ายแรงเช่นนี้ สัตว์อสูรแมลงอย่างผีเสื้อมอมเมากลัวไฟและน้ำแข็งที่สุด แน่นอนว่าอสูรไฟสามารถฆ่าผีเสื้อมอมเมาได้ในทันที

อีกอย่าง แมงมุมแม่มดมีศัตรูตามธรรมชาติก็คือผึ้งมาร ผึ้งมารสามารถหลบใยแมงมุมได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังไม่กลัวพิษเขี้ยวแมงมุม  เหล็กในของมันทำให้แมงมุมแม่มดกลายเป็นอัมพาตได้และแม้แต่ฆ่าก็ยังได้

พอเห็นสัตว์อสูรของ'เสียหั่ว' นางโจรตางามเริ่มประหม่าด้วยความกังวล นางออกคำสั่งให้ผีเสื้อมอมเมารีบบินขึ้นไป  แล้วค่อยเตรียมบินกลับมาอยู่ภายในโล่ห์แสงจากนั้นค่อยเก็บไว้ในคัมภีร์เงิน

อย่างไรก็ตาม สายเกินไปเสียแล้ว อสูรไฟยิงลูกไฟสีดำออกไปเป็นแนวโค้งแผ่กว้างไล่ตามตามผีเสื้อมอมเมา จนในที่สุดมันก็แตกระเบิดปีกผีเสื้อมอมเมา

*บึ้ม!*

ผีเสื้อมอมเมาถูกเผาไหม้กลายเป็นจุลและควันกระจายหายไป พอไม่มีผีเสื้อมอมเมาคอยควบคุมมัน  หุ่นศิลาก็เริ่มเคลื่อนไหวได้ทันที มันก้าวเข้ามาพลางเงื้อกำปั้นหินขนาดมหึมาซัดไปที่เสือดำปีศาจที่นางโจรตางามเพิ่งจะเรียกออกมา ไม่ค่อยมีโอกาสที่ความเคลื่อนไหวอุ้ยอ้ายของมันจะโจมตีถูกเสือดำปีศาจซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ามีความสามารถในการพรางตัว

อย่างไรก็ตามเสือดำปีศาจยังไม่มีวิธีโต้ตอบหุ่นศิลา ได้แต่หลบไปหลบมาอย่างรวดเร็ว หมัดหุ่นศิลากระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง ด้วยแรงระเบิดเสียงดังราวกับสายฟ้าฟาด ถึงกับทำให้พื้นสั่นสะเทือน

ในอีกด้านหนึ่ง แมงมุมแม่มดตกอยู่ในความกลัว และเริ่มหนีตรงไปที่โลห์แสง  หลังจากกระโดดหลบต่อเนื่องแล้ว ในที่สุดมันก็มาถึงโล่ห์แสงได้ก่อนที่ผึ้งมารจะไล่ตามทัน

แม้ว่ามันจะหนีได้พ้น แต่ก็ยังไม่หยุดสั่นเพราะความกลัว  เห็นได้ชัดว่าแมงมุมแม่มดกลัวศัตรูโดยธรรมชาติของมัน

"อ้อ..เรียกสัตว์อสูรมาสู้กันอย่างนี้  น่าสนใจดีนี่"”

'เย่ว์หยาง'มองดูอย่างดีใจอย่างมาก  ในที่สุดเขาก็ได้มีโอกาสเห็นการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรที่มีผู้อัญเชิญเรียกออกมา การต่อสู้ ไม่เพียงต้องใช้กำลังต่อสู้

แต่ต้องใช้ไหวพริบเช่นกัน สัตว์อสูรไม่ใช่ว่าจะมีประสิทธิภาพไปเสียทุกอย่าง  การใช้พวกมันด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่พึงทำ ยกตัวอย่าง ผีเสื้อมอมเมาไม่มีทางต่อต้านอินทรีสงครามได้

แต่มันมีผลต่อหุ่นศิลา แมงมุมแม่มดเป็นศัตรูของอสูรสัตว์ปีก  แต่ผึ้งมารกลับเป็นสิ่งที่ยกเว้น  อีกด้านหนึ่ง อสูรไฟสามารถใช้ลูกไฟยิงไปเพื่อฆ่าผีเสื้อมอมเมาได้  แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ก็ยังไม่ถึง 1 ใน 100 ของหุ่นศิลา

หลังจากเห็นการต่อสู้นี้แล้ว 'เย่ว์หยาง'ก็ได้ข้อสรุป สำหรับสัตว์อสูรทุกตัว  แม้ว่าตัวหนึ่งจะอยู่ยงคงกระพัน  แต่ก็ยังมีอีกตัวหนึ่งที่สามารถปราบมันได้ ไม่มีอะไรที่ไร้เทียมทาน ต่อให้เป็นสัตว์อสูรคงกระพันในโลกนี้

อย่างไรก็ตาม การผสานการต่อสู้และกลยุทธ์ตอบโต้สัตว์อสูรชนิดต่างๆ ก็มีหลากหลายวิธีนับไม่ถ้วน ตอนนี้'เย่ว์หยาง'เข้าใจสาเหตุที่นักรบต้องใช้ผู้มีคัมภีร์อัญเชิญ

เพื่อความได้เปรียบดังว่ามานี้ เหตุผลง่ายๆ  ประการแรก นักรบกับคัมภีร์อัญเชิญทั้งหมดมีสัตว์อสูรผู้พิทักษ์และภักดีอย่างยิ่ง ซึ่งมันจะฟื้นขึ้นมาได้แม้เมื่อมันตายแล้วก็ตาม ประการที่สอง คัมภีร์อัญเชิญเล่มหนึ่ง สัตว์ที่ได้ทำสัญญาจะไม่ค่อยมีข้อจำกัดมากนัก

พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากสัตว์อสูรมากขึ้นโดยนำมาใช้ดำเนินกลยุทธ์ต่อสู้  ในการต่อสู้  ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเสียหั่วแทรกแซงเข้ามากระทันหัน  'อูอี้'คงโดนเสือดำปีศาจฉีกเป็นชิ้นในการปะทะทางกลยุทธ์โดยรวมไปแล้ว

ขณะนี้ สถานการณ์ของนางโจรไม่ดีเอาเสียเลย

"รีบไปเลย  อูอี้จะอัญเชิญสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมาได้ในไม่ช้านี้  ข้าต้านรับต่อไปอีกไม่นาน"”

นางไม่สามารถทำให้แมงมุมแม่มดออกมาได้อีกแล้ว

ดังนั้น นางจึงรีบส่งม้วนเวทที่สร้างมาอย่างประณีตให้เย่ว์หยาง

"นี่คือ 'ม้วนเวทส่งพลัง' ถ้าเจ้าเปิดมันออกและถ่ายเทพลังภายในเข้าไป  เจ้าจะปลดปล่อยพลังที่คล้ายกับพลังอัญเชิญสัตว์อสูรได้"

"อัญเชิญสัตว์อสูรเหรอ? "”

'เย่ว์หยาง'ทำเป็นไร้เดียงสาขณะกระพริบตาไปที่นางโจร

"อา...เจ้าไม่รู้แม้แต่วิธีอัญเชิญสัตว์อสูร?"”

นางโจรรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงบนกระหม่อมของนาง  นางคิดในใจเอาเองว่า

"เป็นไปได้ว่าที่เจ้าเด็กผู้นี้แสดงออกมาทั้งหมด ก็เพื่อไล่จีบสาวๆ งั้นหรือ? เขาถึงได้ไม่รู้วิธีเรียกสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว?"”

ไม่น่าสงสัยเลย  เขาเพิ่งจะสมัครเป็นทหารรับจ้างมาเพียงไม่กี่วันนี่เอง ตอนนี้  พวกเขาจบสิ้นแล้ว

"เจ้าอยากจะหนีหรือ? มันไม่ง่ายอย่างนั้น"”

เสียหั่วเยาะเย้ย เขาทำท่าทางแปลกประหลาด และใช้มีดกรีดฝ่ามือจนเป็นแผล แล้วหยดเลือดลงบนภาพ ภาพวาดเปล่งแสงสีแดง มีจุด 2 จุดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วระเบิดตัวเหมือนกับพลุดอกไม้ไฟ ทำให้เกิดแสงสีแดงกระจายไปทุกทิศทาง

ในขณะเดียวกัน คลื่นความคิดถูกส่งเข้ามาในใจของ'เย่ว์หยาง' ศัตรูของเจ้าบังคับให้เจ้าสู้เดิมพันชีวิตกัน ก่อนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายในการต่อสู้  ไม่ว่าใครก็ไม่อาจออกไปจากปริมณฑลของดินแดนแห่งคาวเลือดและความตายได้

มิฉะนั้น เจ้าจะต้องเผชิญกับเทวทัณฑ์  เส้นทางเดินปราณทุกเส้นในตัวเจ้าจะฉีกกระชากจนเจ้าขาดใจตาย มือนางโจรตางามเริ่มสั่น  เห็นได้ชัดว่านางได้รับสารข้อความเดียวกันในเรื่อง สู้เดิมพันชีวิตของ'เสียหั่ว'

'เสียหั่ว'จำเป็นต้องตอบสนองความต้องการเพื่อเริ่มต้นสู้เดิมพันชีวิตครั้งนี้  หน้าของเขาซีดขาวราวแผ่นกระดาษ และมือที่เปื้อนเลือดของเขาดูเหมือนจะถูกกลืนโดยสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มองไม่เห็น  แผลมีเลือดออกอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเริ่มเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง

"เจ้าจะได้รับเกียรติ  ว่าจะต้องตายเพื่อข้าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า"”

'เสียหั่ว'กดมือเปื้อนเลือดของเขาเข้าไปในศีรษะอสูรไฟ  มันระเบิดบึ้ม ทำให้เลือดเนื้อกระจายไปทั่วทุกทิศทาง

"ทำได้ดี เหอะ เหอะ ในที่สุดข้าก็อัญเชิญมันได้สำเร็จ  ในที่สุด...ก็ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว"”

'อูอี้'เริ่มมีเลือดออกมาเต็มใบหน้า  มันดูน่าสยดสยองมาก  พลังวิญญาณเขาเริ่มท่วมท้นออกมา และด้วยพลังอัญเชิญที่ทรงพลังมหาศาล ทำให้ร่างกายเขาทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว  สิ่งที่แปลกก็คือ เลือดที่ออกมาจากตัวเขากลายเป็นลำแสงที่ไหลเข้าไปในแก้วผลึกสีแดงบนฝ่ามือเขา

ในที่สุด หลังจากแก้วผลึกแดงดูดซับเลือดและพลังวิญญาณจนพอแล้ว มันเริ่มเปล่งแสงสีแดงจนครอบคลุม แสงแผ่กระจายไปทั่วอาบบริเวณจนเป็นสีแดง กลุ่มทหารรับจ้างที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดเริ่มรู้สึกถึงอาการกลัวแปลกๆ และฟันกรามของพวกเขาสั่นกระทบกันอย่างควบคุมไม่ได้

พวกทหารรับเจ้าสั่นราวกับว่าถูกแช่อยู่ในโลกหิมะน้ำแข็ง ในที่สุด สัตว์อสูรที่ทรงพลังถูกเรียกออกมาโดยใช้เลือดของอูอี้ก็ปรากฏตัวหลังจากผ่านไป  3 นาที

"มออออออออ"”

เสียงคำรามทำให้ผึ้งมารที่บินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือหัวทุกคนก่อนนี้กลัวจนร่วงตกไปบนพื้นตัวสั่น  มันเริ่มดิ้นและคลานไปรอบๆ ดูเหมือนว่าไม่อาจบินกลับไปในอากาศได้อีก

แม้แต่แมงมุมแม่มดที่ซ่อนตัวอยู่ในโล่ห์แสงอย่างปลอดภัยก็ยังอดทนต่อความกลัวต่อไปไม่ได้  มันกลายเป็นแสงสีเขียววาบกลับไปในคัมภีร์อัญเชิญอย่างจงใจ  มันทอดทิ้งเจ้าของหลบหนีไปจากสนามรบเสียแล้ว

'เย่ว์หยาง'เห็นว่า 'อูอี้'ได้เรียกกระทิงตัวมหึมา ตัวมีผิวสีเขียวเข้มดุจผิวงู นัยตาแดงกล่ำราวกับสีเลือด ทหารรับจ้างแตกกระจายไปกันคนละทิศ  ไม่มีผู้ใดกล้ารั้งอยู่ต่อไปแม้แต่คนเดียว

แม้แต่นักรบที่คอยรักษาความปลอดภัยอยู่บนระเบียงป่าบันเทิงยังกลัวจนหน้าซีด  พวกเขาร้องลั่นด้วยความกลัว

"สวรรค์  สหายอูอี้ผู้นั้นทำเกินไปแล้ว  ถึงกับเรียกกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงออกมาได้"

"กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงหรือ?"”

'เย่ว์หยาง'ถามนางโจรตางามด้วยความสงสัย

"นี่คือกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงในตำนานซึ่งมี เนตรประหาร ไว้ฆ่าคนเพียงแค่จ้องดูหรือนี่?"”

 

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=32

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด