ตอนที่แล้วตอนที่ 3 ความสามารถพิเศษของสัตว์ในตำนาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นก่อกำเนิด

ตอนที่ 4 เทพธิดากระบี่ฟ้า


'เย่ว์หยาง'นอนอยู่บนเตียงทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้เขาอาจจะเสแสร้งได้ แต่ภายหลังถ้าเขาพบกับลุงสี่หรือญาติและเพื่อนคนอื่นๆ ที่เขาไม่รู้จัก เขาคงโดนเปิดเผยตัวตนแน่

'เย่ว์หยาง'รีบหาของที่เจ้าเด็กที่จมน้ำตายผู้น่าสงสารเหลือทิ้งไว้เท่าที่จะทำได้ อาจมีสิ่งที่อธิบายถึงฐานะของเขาเพิ่มขึ้นก็ได้ ถ้าจะให้ดีที่สุด ต้องเป็นบันทึกหรือของอะไรทำนองนั้น

หลังจากค้นหาดูทั้งวัน ที่โต๊ะ ตู้เสื้อผ้าและแทบจะพลิกห้องหาดูทุกๆ ที่ มีบันทึกอยู่เล่มเดียวจริงๆ แต่ช่วยได้ไม่มากนัก เจ้าคนน่าสงสารเขียนไว้แค่เรื่องฝึกสมาธิในการอัญเชิญและข้อมูลการฝึกเพลงทวนตระกูลเย่ว์

'เย่ว์หยาง'ตระหนักได้ว่าคนน่าสงสารผู้นี้พากเพียรอย่างหนักจริงๆ เขาไม่สามารถทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่การฝึกเพลงทวนตระกูลเย่ว์ของเขาก้าวหน้าเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม จากบันทึกนี้ 'เย่ว์หยาง'พบว่าคนผู้น่าสงสารนี้ไม่เปิดเผยความก้าวหน้าในการฝึกฝนให้คนอื่นทราบ เขาย่อมต้องการทำให้ครอบครัวเขารู้สึกตื่นตะลึงในวันที่เขาทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญสำเร็จ

ช่วงระหว่างนี้ทุกคนจึงเข้าใจว่าเขาไม่มีอะไรดี คนน่าสงสารยังบันทึกไว้อีกว่าเพลงทวนตระกูลเย่ว์เป็นวิชาอาวุธที่สืบทอดในตระกูลเย่ว์มาหลายชั่วคนแล้ว

เมื่อใช้ผสานกับสัตว์อสูรนักสู้ที่แข็งแกร่ง มันจะทรงอานุภาพอย่างยิ่ง เขายังเขียนไว้ในบันทึกอีกว่าเป็นเรื่องน่าเสียใจที่คัมภีร์วิชาทวนสูญหายไปครึ่งหนึ่ง

เนื่องจากคนร้ายได้ฆ่าบรรพบุรุษตระกูลเย่ว์คนหนึ่งผู้มีวิทยายุทธกร้าวแกร่งสูงเยี่ยมตายเมื่อ 1 พันปีมาแล้ว  ถ้าตระกูลเย่ว์มีคัมภีร์เพลงทวนของตนเองทั้งหมด เขาเชื่อว่าพวกเขาคงไม่ถูกจัดอยู่ในลำดับ 3 ของตระกูลใหญ่ทั้งหมด

พวกเขาคงถูกจัดอยู่ในลำดับแรก แม้ว่ามีกระบวนเพลงทวนเหลืออยู่ครึ่งเดียว แต่เพลงทวนตระกูลเย่ว์นับได้ว่าเป็นวิชาอาวุธที่มีชื่อ แม้จะไม่ใช่วิชาที่ทรงพลังที่สุด

แต่วิชานี้ได้สร้างนักรบที่แข็งแกร่งออกมาเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น บิดาของคนผู้น่าสงสารนี้คือนักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเย่ว์ เป็นอัจฉริยะที่ 100 ปีจะมีปรากฏสักครั้ง น่าเสียดายที่ท่านจากโลกนี้ไปเร็ว ทำให้ความระส่ำระสายเกิดขึ้นกับตระกูลเย่ว์อย่างกระทันหัน

“เพลงทวนเหรอ?”

'เย่ว์หยาง'ถึงกับศีรษะพองโตเมื่อได้เห็นมัน แม้ว่าเขาจะเป็นคนเก็บตัวและไม่เคยฝึกศิลปะต่อสู้มาก่อน แต่เขาก็รู้จักวิชาต่อสู้มาบ้าง มีบทกวีพรรณนาไว้ว่า

“ใช้เวลาเป็นเดือนเรียนรู้วิธีควงพลอง, 1 ปีในการกวัดแกว่งดาบ และทั้งชีวิตในการฝึกเพลงทวน แม้แต่เพลงกระบี่ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังอาจไม่เข้าใจถ่องแท้”

บรรดาระดับความยากของอาวุธทั้งหมด ทวนฝึกให้ชำนาญได้ยากที่สุด ถ้าไม่ฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลานาน ก็ยากที่จะประสบผลสำเร็จใดๆ ได้  เพลงทวนมีเคล็ดการฝึกมาก อีกทั้งตระกูลหรือสำนักที่ฝึกเพลงทวน ต่างก็มีเคล็ดวิชาพิเศษเฉพาะตน

อาจกล่าวได้ว่าไม่มีเวลามากพอ ต่อให้ท่านใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อให้เข้าใจวิชาเพลงอย่างถ่องแท้  ถ้าไม่ใช่วิชาทวนนี้ แต่เป็นวิชาดาบหรือกระบี่ เย่ว์หยางอาจลองพยายามอย่างเพื่อฝึกฝนก็ได้

แต่เพลงทวนนี้... คนผู้น่าสงสารนี้ได้ฝึกมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงฝึกฝนอยู่ในระดับเริ่มต้น 'เย่ว์หยาง'ตัดใจลืมเรื่องวิชาเพลงทวนไปก่อน สิ่งที่ต้องการตอนนี้คือความสามารถ ไม่ใช่การใช้วิชาอาวุธที่เขาต้องใช้เวลาฝึกทั้งชีวิต

นอกจากนี้ ความสำคัญของอาวุธและวิทยายุทธในแผ่นดินมังกรทะยานก็น้อยลงด้วย ความเชี่ยวชาญวิทยายุทธ แม้แต่คนธรรมดายังทำได้ยากมากๆ มันยากที่จะบรรลุระดับ 3 ไปได้ไม่ว่าเจ้าจะฝึกหนักมากเพียงใดก็ตาม

เพราะเหตุนั้นแม้วิชาอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดอย่างเพลงทวนตระกูลเย่ว์ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้มีอานุภาพมากที่สุดแล้ว นอกจากนี้ เพลงทวนตระกูลเย่ว์จำเป็นต้องใช้เสริมกับสัตว์อสูร จึงจะเปล่งอานุภาพได้เต็มที่

ความสามารถในการใช้อาวุธก็เหมือนกับวิทยายุทธจีนโบราณ ท่านจะสามารถพัฒนาความสามารถทางกายให้ก้าวหน้าย่อมทำได้ด้วยการฝึก

อย่างไรก็ตาม การอัญเชิญจะคล้ายกับการยิง  พลังของท่านจะขึ้นอยู่กับชนิดปืนที่ท่านถือ ไม่ว่าฝีมือท่านจะดีขนาดไหนก็ตาม การอัญเชิญไม่จำเป็นต้องฝึกอย่างหนัก ท่านจะเป็นผู้ทรงอานุภาพได้หากว่าสัตว์อสูรของท่านทรงพลัง

แม้แต่คนที่ฝึกใช้อาวุธมาหลายสิบปีอาจไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ในการรบ คนที่ฝึกอาวุธมานั้นอาจแพ้คนที่ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรสำเร็จ ก็ได้ นี่เป็นเพราะผู้ทำสัญญาแค่เรียกงูพิษหรือสุนัขป่าออกมาฆ่าคนผู้ฝึกใช้อาวุธก็สามารถทำได้ ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ จึงไม่มีใครยอมเสียเวลาฝึกฝนอาวุธอย่างหนัก ทุกคนกลับฝึกทักษะในการอัญเชิญแทน

นอกจากนี้ วิชาอาวุธที่ทรงพลังที่สุดได้ถูกไฟเผาผลาญไปนานถึง 3,000 ปีแล้ว  วิชาอาวุธที่สืบทอดกันมาหลายปีก็เป็นวิชาพื้นฐานอย่างง่าย วิชาทวนลับของตระกูลเย่ว์เป็นวิชาอาวุธที่เก่าเป็นลำดับห้า

ในแผ่นดินมังกรทะยาน นี่คงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าวิชาอาวุธและวิทยายุทธตกต่ำลงขนาดไหน ในประวัติศาสตร์ทวีปมังกรทะยาน ก่อนหน้านี้ 3 อาณาจักรใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขามุ่งเน้นการฝึกใช้อาวุธให้แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม

พวกเขายังคงเน้นการฝึกอาวุธจนถึงบัดนี้ พวกเขากลายเป็นราชวงศ์ที่อ่อนแอที่สุดในท่ามกลาง 3 อาณาจักรใหญ่ตอนนี้ เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะตามทันยุคสมัยใหม่ได้....

“เอ๊ะ? เขามีคู่แข่งความรัก 2 คนหรือนี่?”

แม้'เย่ว์หยาง'จะอ่านบันทึกมาทั้งวัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตระกูลของเขา ในที่สุด ใครคือศัตรูหัวใจของคนผู้น่าสงสารนี้ คนหนึ่งเป็นญาติของเขา ชื่อ'เย่ว์เยี่ยน' แก่เป็นลำดับที่ 4 ในตระกูล

เขาเกิดทีหลังเจ้าคนผู้น่าสงสารแค่ไม่กี่วัน แต่เพราะเรื่องนั้น ทำให้เขาเสียโอกาสหมั้นกับธิดาตระกูลเสวี่ย เสียโอกาสหมั้นหมายเพราะเกิดต่างกันไม่กี่วันทำให้'เย่ว์เยี่ยน'ขื่นขมและไม่พอใจ

ดังนั้นเขาจึงมักเยาะเย้ยและกลั่นแกล้งเจ้าคนที่น่าสงสารอยู่เสมอ ศัตรูหัวใจอีกคนเป็นบุตรของนายกเทศมนตรี'เตาเฟิง' ชื่อ 'เซี่ยชวียนเริ่น' 'เซี่ยเชวียนเริ่น'ผู้นี้ว่ากันว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง

เขาแสดงทักษะโดยธรรมชาติได้ตอนอายุ 6 ปี และตอนอายุ 10 ปี ก็ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จ แต่แม้จะมีประวัติที่ทรงพลังดังกล่าว เขาปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย เมื่อตระกูลเขาพยายามจัดการแต่งงานเชื่อมสายใยระหว่างตระกูลกับตระกูลเสวี่ย

เขายังคงปฏิเสธแม้ว่าการหมั้นระหว่างเจ้าคนผู้น่าสงสารกับธิดาตระกูลเสวี่ยถูกยกเลิกไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ อาจกล่าวได้ว่า'เซี่ยเชวียนเริ่น'เกลียดเจ้าคนผู้น่าสงสารนี้เข้ากระดูกเลยทีเดียว การได้อ่านบันทึกของเขาจนจบ

ทำให้'เย่ว์หยาง'รู้สึกเวทนาชีวิตของเจ้าคนผู้น่าสงสารนี้จริงๆ นอกจากแต่งงานไม่ได้ ยังสร้างศัตรูความรักไว้อีก 2 คน

“แค่คนงามที่มีความสามารถก็นับว่าเป็นคนงาม ถ้าคนเราไม่มีความสามารถอะไร อย่างนั้นเขาก็แค่เป็นคนที่หาภัยมาให้คนอื่นๆ”

'เย่ว์หยาง'ตัดสินใจว่าจะไม่คิดถึงเรื่องธิดาตระกูลเสวี่ยอีกต่อไป ต่อให้นางงดงามเหมือนเทพธิดาก็ตาม เขาก็จะไม่สนใจนาง ในโลกนี้ยังมีสาวงามอีกมาก

ทำไมต้องไปยึดติดกับผู้หญิงคนเดียวด้วย? ทำไมเขาต้องตัดใจทิ้งป่าทั้งผืนเพื่อต้นไม้เพียงต้นเดียวด้วยเล่า? ถ้าเขามีฝีมือความสามารถ สาวงามคนใดจะไม่ต้องการเขา? เหตุผลที่ทำให้ธิดาตระกูลเสวี่ยถอนหมั้น คงไม่ใช่เพราะเจ้าคนที่น่าสงสารผู้นี้ไม่มีอะไรดีมั้ง?

ถ้าเจ้าคนที่น่าสงสารเป็นจักรพรรดิ เขาคงมีสาวงามเป็นพันๆในฮาเร็ม ถ้าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ผิดพลาดก็แค่ทำงานตนเองต่อไปเฉยๆ แล้วก็ยังคงมีภรรยาได้

ถ้าเขาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย การมีภรรยาสักคนช่างเป็นเรื่องธรรมดา จะมีสัก 3 คนก็ยังได้ ถ้าเขาต้องการ แต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ตัวอย่างเช่นชาวนา มันก็แปลกที่ธิดาตระกูลเสวี่ยจะไม่ทำเรื่องวุ่นวายหรือพยายามจะตัดเจ้าน้องชายเขา

ถ้าเขาพยายามนอกใจ แต่แน่นอนว่า เจ้าคนที่สงสารไม่มีโอกาสนี้อีกต่อไป ธิดาตระกูลเสวี่ยถอนหมั้นไปแล้ว และเจ้าคนผู้น่าสงสารนี้กลายเป็นอาหารปลาในแม่น้ำไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นบทเรียนที่ท่านควรพยายามให้ดีที่สุดเพื่อความมั่งคั่งและประสบความสำเร็จให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยเลือกคนที่จะมาแบ่งปันชีวิตให้ได้

ขณะที่'เย่ว์หยาง'คิดอย่างเพลิดเพลิน เขาค่อยๆ เผลอหลับไป คลับคล้ายคลับคลาว่า เขาคิดว่าเขาเข้าไปในพื้นที่จินตนาการในจิตใจของเขา เมื่อเขาได้ทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชินก่อนนั้น เมื่อเขากำลังคิดถึงวิธีเอากระบี่บินออกมา กระบี่บินนั้นก็เปล่งแสงและเปลี่ยนสภาพเป็นเทพธิดาทรงอาภรณ์ชุดยาวสีขาว

ชุดยาวพลิ้วไสวในสายลมในเรือนร่างระหงของนาง ขาเรียวยาวงดงามเต้นอย่างแผ่นเบาบนภาคพื้น ข้อมือนางเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล นิ้วเรียวงามของนางร่ายรำอยู่ในอากาศ เอวอ้อนแอ้นของนายยักย้ายงดงาม นางร่ายรำอยู่ต่อหน้า'เย่ว์หยาง ได้เห็นฉากดุจสร้างด้วยมนตราอย่างนั้น

'เย่ว์หยาง'แทบจะทำน้ำลายยืดเป็นสายน้ำ เขาอ้าปากกว้างค้างไม่มีทีท่าว่าจะหุบได้ เทพธิดากระบี่ฟ้าเหรอ? กระบี่บินที่เขาเคยหยิบมาจากนักพรตเฒ่าคือเทพธิดากระบี่ฟ้าจริงๆ เหรอ?

เทพธิดาชุดยาวสีขาวยังคงร่ายรำอย่างงามสง่า เหมือนดอกบัวในสระ  ขณะที่มือนางยักย้ายร่ายรำเป็นพันท่วงท่า ความงามของนางไม่อาจพรรณนาเป็นคำพูดได้ รุ้งสายใหญ่ที่งดงามปรากฏที่ด้านหลังของเทพธิดาคล้ายกับดอกไม้เบ่งบานเป็นพันดอกโยกไหวในสายลมคล้ายผีเสื้อโบยบิน

'เย่ว์หยาง'คิดว่าเมื่อจบการร่ายรำที่แสนงามสง่าของเทพธิดาแล้ว เขาพร้อมจะลุกขึ้นยืนปรบมือให้นาง ทันใดนั้นนางเทพธิดาก็ปล่อยลมปราณกระบี่จากนิ้วของนางลงไปพื้นที่ว่างเปล่า

เป็นการโจมตีที่ทรงอานุภาพมาก สามารถแยกฟ้าและดินออกจากกันได้ เห็นวิธีที่เทพธิดาผู้เลอโฉมมีพลังที่อาจสั่นสะท้านโลกได้ 'เย่ว์หยาง'ถึงกับตะลึงจนพูดไม่ออก นี่คือพลังของนางหรือ? น่ากลัวจริงๆในความเป็นจริงสิ่งที่น่ากลัวยังจะตามมาอีก

ทันใดนั้้นเทพธิดาหันกายที่งดงามและในชั่วฟ้าแลบ นางมาหยุดอยู่ตรงหน้า'เย่ว์หยาง'ผู้ยืนตะลึงอยู่แล้ว มือสีขาวมุกของนางมีอำนาจทำลายสวรรค์ ดูเหมือนจะรวบรวมพลังของกระบี่นับพันไว้ในนั้น และนิ้วของนางชี้มาที่หน้าผาก'เย่ว์หยาง'

“เหวอ!”

'เย่ว์หยาง'กลัวตายขณะที่ร้องออกมาด้วยความกลัวเขาก็ตื่นขึ้นทันที หลังจากผ่านไปชั่วขณะเขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นแค่ฝันไป ไม่มีเทพธิดาผู้ชี้นิ้วระเบิดมาที่หัวเขา อย่างไรก็ตาม

เมื่อเขาพยายามจดจำเทพธิดา เขากลับพบว่ามีวิชาลึกลับซ่อนอยู่ในใจส่วนลึกของเขาอย่างสงบ ขณะที่เย่ว์หยางคิดดูตอนนี้ ชื่อที่คุ้นก็แว่บเข้ามาในใจเขา ...ลมปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นก่อกำเนิด...

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=4

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด