บทที่ 9 มื้อเช้าจากเทพนารี
[ขยับไปสำนวนจีนเต็มขั้นนะครับ ชอบหรือไม่ชอบอย่างไรวิจารณ์ได้ครับ]
เช้าวันต่อมาคาบสอนของ'เสิ่นซิ่ว'มาถึงอีกครั้งหนึ่ง 'เนี่ยหลี' 'ตู้เจ๋อ' และ'ลู่เปียว'นั้นรู้สึกว่าบทเรียนของนางไร้แก่นสารและน่าเบื่อหน่ายยิ่ง นางเพียงแต่พูดไร้สาระอยู่หน้าชั้นเรียนไปวันๆ และแน่นอนว่าระหว่างชั้นเรียนของนาง พวกของ'เนี่ยหลี'ทั้งสามต้องยืนเรียนอยู่หลังห้อง เด็กนักเรียนทั้งหลายนั้นนั่งซุบซิบกันระหว่างห้องเรียนกำลังจะเริ่ม
'เหย่จื่อหวิน'เองหาได้สร้างกำแพงขึ้นระหว่างนางกับเพื่อนนักเรียนอื่นๆไม่ นางผูกสัมพันธ์กับพวกนักเรียนหญิงอย่างรวดเร็ว ในยามปกตินั้น 'เสิ่นเยว่'จะนั่งอยู่มุมห้องด้วยความทะนง ด้วยศักดิ์ฐานะเช่นเขา เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนนักเรียนในชั้นเรียน อย่างไรเขาก็เข้าชั้นเรียนนี้เพียงเหตุว่า'เหย่จื่อหวิน'อยู่ที่นี่เท่านั้นเอง
เมื่อการทดสอบในอีกสองเดือนมาถึง ทั้งเขากับ'เหย่จื่อหวิน'ก็จะได้เลื่อนชั้นไปยังห้องเรียนผู้ฝึกภูติเบื้อต้น 'เสิ่นเยว่'เหลือบมอง'เนี่ยหลี'ที่ยืนอยู่หลังห้องด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน
“ถ้าขยะอย่างแกบรรลุระดับสำริดหนึ่งดาราได้ภายในสองเดือน ตะวันคงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว”
เด็กชายพึมพำอย่างหยามหยัน
'เนี่ยหลี' 'ตู้เจ๋อ' และ'ลู่เปียว'ยืนคุยกันอยู่ข้างหลังห้อง มีนักเรียนสามัญชนหลายคนร่วมวงสนทนาด้วย ด้วยองค์ความรู้ของ'เนี่ยหลี' เด็กชายนั้นสามารถชี้แนะการฝึกฝนของทุกผู้คนได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เอง'เนี่ยหลี'จึงเป็นหัวหน้ากลุ่มนี้โดยปริยาย แม้แต่'ตู้เจ๋อ'ที่เก่งกล้าที่สุดในหมู่นักเรียนสามัญชนยังยอมรับฟังคำของ'เนี่ยหลี'
เพียงไม่กี่วัน 'เนี่ยหลี'นำทั้งสองออกเก็บเกี่ยวเงินทองได้ถึงหนึ่งหมื่นหกพันเหรียญ 'ตู้เจ๋อ'ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะสามารถทำเงินได้มากเพียงนี้ เด็กชายเชื่อมั่นและยอมรับในตัว'เนี่ยหลี'สุดหัวใจ ด้วยเห็นว่า'เนี่ยหลี'นี้เก่งกล้านัก
“เนี่ยหลี ก้าวต่อไปคือเช่นไร”
'ตู้เจ๋อ'ถาม
ในเมื่อ'เนี่ยหลี'บอกก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาไม่ออกล่าฝูงแพะอีก พวกเขาต้องทำสิ่งใดต่อไป?
“พวกเจ้าจะได้รู้หลังเลิกชั้นเรียน”
'เนี่ยหลี'ว่าพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย
เด็กชายวางแผนทุกสิ่งไว้หมดแล้ว ขั้นแรกคือหาซื้อหินวิญญาณเพื่อทดสอบพรสวรรค์ของทั้งหมดแล้วเริ่มฝึกฝนในทันใด 'เนี่ยหลี'ยังคงมีหนี้พนันติดค้างกับ'เสิ่นซิ่ว' เด็กชายจำเป็นต้องบรรลุชั้นสำริดหนึ่งดาราภายในสองเดือน
'เนี่ยหลี'ผลักความคิดทั้งหลายไปด้านข้าง มองตรงไปยัง'เหย่จื่อหวิน'ผู้ซึ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าสตรี เด็กชายควรตีสนิทกับนางเช่นไร? ต้องทำอย่างไรนางจึงเกิดจิตปฏิพัทธ์แก่มัน ขณะที่เนี่ยหลีจมอยู่ในห้วงความคิด 'เซียวหนิงเอ๋อร์'ผู้นั่งอยู่หน้าชั้นเรียนก็ลุกพรวดขี้นแล้วเดินตรงมาทาง'เนี่ยหลี'
'เซียวหนิงเอ๋อร์'เป็นเพียงหญิงนางเดียวในรุ่นที่งดงาม โดดเด่นเทียมเทียบกับ'เหย่จื่อหวิน'ได้ ทุกท่วงท่าของเด็กหญิงทั้งสองนั้น ดึงดูดความสนใจของทุกคนในชั้น นิสัยของ'เหย่จื่อหวิน'นั้นนุ่มนวลยิ่ง นางไม่เคยดูถูกดูแคลนหรือหยามหยันคนผู้ใดมาก่อน นั่นทำให้เด็กหญิงสามัญชนหลายคนพยายามผูกมิตรกับเธอ ในขณะที่'เซียวหนิงเอ๋อร์'นั้นให้ท่าทีที่เย็นชาและโดดเดี่ยวประดุจนางงามน้ำแข็ง แม้แต่เด็กหญิงยังมิอาจชิดใกล้ อย่าว่าแต่ผู้ชาย 'เนี่ยหลี'นั้นยั่วโมโหนางหรือไม่?
“เจ้าเนี่ยหลีตายแน่”
เด็กจากตระกูลสูงหลายคนซุบซิบเช่นเรื่องขำขัน
การที่'เซียวหนิงเอ๋อร์'บุกไปหา'เนี่ยหลี'ย่อมไม่ใช่เรื่องดี นางงามน้ำแข็งเช่นนี้จะมีความสัมพันธ์กับ'เนี่ยหลี'ได้อย่างไร ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้ ตะวันคงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว พลังบำเพ็ญของ'เซียวหนิงเอ๋อร์'นั้นใกล้บรรลุชั้นสำริดหนึ่งดาราแล้ว หากทั้งสองมีข้อขัดแย้งระหว่างกัน 'เนี่ยหลี'นั่นเองต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไร้ทางสู้
เหล่าเด็กจากสกุลสูงทั้งหลายล้วนรอชมฉากละครชั้นดี ในหมู่พวกมันมีเด็กหลายคนที่ชมชอบ'เซียวหนิงเอ๋อร์'อยู่ ด้วยว่านางนั้นหาได้ด้อยกว่า'เหย่จื่อหวิน'แม้แต่น้อย วันนี้'เซียวหนิงเอ๋อร์'ตบแต่งตัวในชุดคลุมลูกไม้ตาข่าย ผมยาวดำขลับกระจายอยู่กลางหลัง สวมกำไลไว้บนข้อมือขาวเนียน ขับเน้นความงามให้เด่นล้ำขึ้นอีก
ปกตินั้น'เซียวหนิงเอ๋อร์'มักสวมเสื้อคลุมหนังรัดรูปด้วยว่ามันสะดวกต่อการฝึกฝน การแต่งกายเช่นนั้นขับเน้นให้นางมีความงามที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ดีวันนี้นางกลับดูเหมือนกำลังจงใจแต่งกายให้ใครบางคนเห็น นางยิ่งงดงามกว่าวันปกติ นั่นทำให้คนอื่นๆยากจะละสายตาเมื่อได้เห็นนาง
การแต่งกายเช่นนี้เป็นครั้งแรกของนางเช่นกัน 'เนี่ยหลี' 'ตู้เจ๋อ' และ'ลู่เปียว'ยืนคุยกันเองเมื่อ'เซียวหนิงเอ๋อร์'มาถึงโต๊ะของเด็กชาย 'เซียวหนิงเอ๋อร์'นั้นมีบรรยากาศประหลาดอยู่รอบกาย เมื่อนางเดินมาถึง 'ตู้เจ๋อ'และ'ลู่เปียว'ยืนขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน 'เซียวหนิงเอ๋อร์'ผู้เย็นชานั้นมีท่าทีขับไล่คนไกลพันลี้ ทั้งสองเป็นห่วง'เนี่ยหลี'ยิ่ง 'เซียวหนิงเอ๋อร์'มอง'เนี่ยหลี'ที่นั่งอย่างสบายอารมณ์ สายตาของเขามอง'เหย่จื่อหวิน'เป็นระยะๆ ทำให้'เซียวหนิงเอ๋อร์'หมดกำลังใจ ในสายตาของเขามีเพียง'เหย่จื่อหวิน' เด็กชายไม่รู้สึกถึงเธอด้วยซ้ำ
คืนวานหลังการรักษาของ'เนี่ยหลี' 'เซียวหนิงเอ๋อร์'รู้สึกว่าร่างกายของนางนั้นดีกว่าเดิมมาก การนอนหลับยามค่ำคืนเป็นเช่นฝันดีตื่นหนึง 'เซียวหนิงเอ๋อร์'เข้าไปค้นหาในหอสมุดเมื่อยามเช้าเพื่อหาที่มาของพลังเคลื่อนปราณ แต่นางกลับประหลาดใจว่ามีเพียงคำบรรยายสั้นๆเท่านั้นว่าเป็นทักษะสุดโกงที่สืบทอดมาจากยุคของอาณาจักรลมหิมะ
นอกจากนี้ทักษะเพาะสร้างพลังที่'เนี่ยหลี'ปรับปรุงแก้ไขยิ่งก้าวล้ำ พลังวิญญาณของนางเพิ่งขึ้นถึงสองจุดภายในครึ่งชั่วโมง ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าการฝึกฝนทั้งวันเสียอีก ในความคิดของ'เซียวหนิงเอ๋อร์' ตัวตนของ'เนี่ยหลี'นั้นลี้ลับและทรงพลัง ที่ทำให้นางยินดียิ่งกว่าคือมีเพียงนางที่รู้ถึงพรสวรรค์ของ'เนี่ยหลี' คนอื่นๆที่หัวเราะเยาะเขาเป็นเพียงกบในกะลาเท่านั้น นางยืนอยู่ข้างโต๊ะของ'เนี่ยหลี'และมองไปยังเด็กชายที่กำลังพูดคุยและหัวเราะเสมือนไม่เกิดอะไรขึ้น นักเรียนหลายคนเริ่มซุบซิบกัน
“เจ้าว่าหนิงเอ๋อร์จะลงมือกับเนี่ยหลีหรือไม่?”
“เนี่ยหลีมีพลังวิญญาณเพียงห้าจุด มันต้องถูกไล่ออกจากห้อง”
“ฮ่าๆ ไอ้เจ้านี่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง หาเรื่องอาจารย์หญิงแล้วยังยั่วโมโหเซียวหนิงเอ๋อร์ ชีวิตมันบัดซบแล้ว”
แม้แต่'ลู่เปี่ยว'กับ'ตู้เจ๋อ'ยังมอง'เซียวหนิงเอ๋อร์'ด้วยสายตากังวล
ทั้งสองไม่ทราบว่าเหตุใดสตรีที่หยิ่งทะนงเช่นนางเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา ทั้งคู่เริ่มแช่งชักหักกระดูก'เนี่ยหลี'ในใจ กล่าวหาว่าเด็กชายนั้นแกว่งเท้าหาเสี้ยน หากนางต้องการกำราบเด็กชาย แน่นอนว่าพวกเขาจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่แม้พวกเขาสามคนรวมกันก็ช่วยไม่ได้ พวกเขาไม่มีทางสู้พลังวิญญาณเจ็ดสิบแปดจุดของนางได้
ณ ขณะนั้น 'เหย่จื่อหวิน'กับ'เซียวหนิงเอ๋อร์'มองไปทาง'เนี่ยหลี' เด็กหญิงนั้นสงสัยว่า'เนี่ยหลี'ไปยั่วโมโห'เซียวหนิงเอ๋อร์'ได้อย่างไร เขาทำอะไรบางอย่างกับ'เซียวหนิงเอ๋อร์'หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นตัวน่ารังเกียจก็ควรถูกสั่งสอนแล้ว ทุกคนล้วนสงสัยใจ พวกเขาเห็น'เซียวหนิงเอ๋อร์'นั่งลงหน้าโต๊ะของ'เนี่ยหลี' เด็กชายพลันรู้สึกประหลาดใจ 'เนี่ยหลี'เงยหน้าขึ้นถามว่า
“มีอะไรหรือ?”
'เนี่ยหลี'ไม่รู้ว่าเขาควรเรียก'เซียวหนิงเอ๋อร์'อย่างไรดี
เมื่อย้อนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เด็กชายพลันรู้สึกประหลาด เมื่อใกล้ชิดกับนาง เขาได้รับรู้ว่าเด็กหญิงนั้นหาได้เย็นชาและโดดเดี่ยวอย่างที่ทุกคนคิดไม่ นางเป็นเด็กหญิงที่น่ารักและอ่อนโยนยิ่ง มือขวาของ'เซียวหนิงเอ๋อร์'พลันขยับแล้วนางเอาห่อกระดาษออกจากแหวนวิติก่อนพูดเบาๆว่า
“นี่คืออาหารเช้าที่ข้าทำ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชมชอบรับประทานสิ่งใด จึงทำมาหลายสิ่งอยู่”
'เซียวหนิงเอ๋อร์'วางห่อกระดาษนั้นลงบนโต๊ะเบาๆ
เกิดอะไรขึ้น?ทั้งชั้นเรียนนั้นเงียบงันจนได้ยินเสียงเข็มตกกระทบพื้น ทั้งห้องได้ยินเสียงนั้นชัดเจนหากแต่ยังสงสัยว่าพวกเขาฟังผิดไปหรือไม่ 'ลู่เปี่ยว'กับ'ตู้เจ๋อ'ตะลึงจนตาค้าง ปากอ้าจนแทบยัดไข่ไก่ลงไปได้ทั้งพวก ทั้งสองไม่เชื่อสายตาตนเอง
'เซียวหนิงเอ๋อร์'เป็นหนึ่งในสองเทพธิดาของชั้นเรียน แม้จะเทียบกันทั้งโรงเรียนก็ยังเป็นระดับต้นๆของชั้นเรียน ความงามและท่าทีเย็นชาของนางกอปรกันเป็นบุคลิกที่มิอาจล่วงเกิน หากแต่วันนี้เกิดอันใดขึ้น พวกมันได้เห็นสิ่งใด? 'เซียวหนิงเอ๋อร์'จัดอาหารเช้าให้'เนี่ยหลี' ทั้งยังจัดมาหลายชุด ตะวันขึ้นทางทิศตะวันตกหรือไร? นี่เป็นความจริง? ความคิดของทุกคนในชั้นตะลึงงัน ยืนอ้าปากค้างอยู่เช่นนั้นเอง
“ฉันฝันไปแน่ๆ ต้องตื่นได้แล้ว”
นักเรียนคนหนึ่งพึมพำ
“แว้ก”
อีกหลายคนเองก็ทดลองหยิกตัวเอง หากแต่ความเจ็บปวดนั้นแจ่มชัด ยืนยันได้ว่าเป็นโลกแห่งความจริง
“ไม่มีเหตุผลเลย”
นักเรียนจากครอบครัวใหญ่หลายคนคร่ำครวญ
พวกมันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกมันไม่เชื่อสายตาตัวเองที่ได้เห็นการแต่งตัวที่งดงามและท่าทีอ่อนช้อยจากเด็กหญิง พวกมันคิดว่า'เซียวหนิงเอ๋อร์'กับ'เนี่ยหลี'นั้นมีปัญหากัน แต่พวกมันไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยการที่นางทำอาหารให้กับเนี่ยหลี หากนางให้กับพวกมันบ้าง แม้จะเป็นอาหารหมู พวกมันก็ยังจะบอกว่าอร่อย
'เซียวหนิงเอ๋อร์'นั้นไม่ค่อยมีเพื่อนหญิงนัก เธอเมินเฉยต่อเด็กชายที่เข้าหา ยกเว้นเพียงแต่เศษสวะเช่น'เนี่ยหลี' นางยินยอมลดตัวลงทำอาหารเช้าให้กับ'เนี่ยหลี' นี่มันไร้เหตุผลชัดๆ หรือเป็นเพราะ'เนี่ยหลี'ต่อต้านอาจารย์หญิง'เสิ่นซิ่ว'แล้วโดนลงโทษให้ยืนหลังห้องเรียน
ถ้าเป็นเช่นนั้น แม้พวกมันต้องยืนเรียนตลอดหลายปี พวกมันก็ยินดีจะโต้แย้งกับอาจารย์ 'เซียวหนิงเอ๋อร์'ไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น นางเพียงต้องการแสดงความขอบคุณต่อ'เนี่ยหลี' ไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่นๆ คนที่สงสัยและเหยียดหยัน'เนี่ยหลี'ล้วนโง่เขลา สักวันพวกมันจะได้เห็นว่าสายตาพวกมันต่ำไปแล้ว ในโลกนี้ มีเพียงนางรู้ถึงพรสวรรค์ของ'เนี่ยหลี' แม้แต่'เหย่จื่อหวิน'กับ'เสิ่นเยว่'ยังคงตกตกลึง ทั้งสองเชื่อสายตาตนเอง สิ่งที่เกิดขึ้นยากจะเชื่อเหลือเกิน
“เป็นไปได้อย่างไร”
ใบหน้าของ'เสิ่นเยว่'บิดเบี้ยว ‘เด็กหญิงที่หยิ่งทะนงเช่นนางชมชอบเศษสวะอย่าง'เนี่ยหลี' ทั้งยังเข้าหาเขา?’
ในใจ'เหย่จื่อหวิน'นั้นนึกสงสัยในตัว'เนี่ยหลี'ยิ่ง นางกับ'เซียวหนิงเอ๋อร์'เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็ก หากแต่ตระกูลปีกมังกรของคนแซ่เซียวนั้นตกต่ำลง สองครอบครัวจึงไม่ได้ติดต่อกันอีก นับแต่นั้น'เหย่จื่อหวิน'เองก็ไม่มีเพื่อนอีกเลย นางยังคงระลึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับ'เซียวหนิงเอ๋อร์'
เมื่อนางพบว่า'เซียวหนิงเอ๋อร์'เข้าเรียนในสถานศึกษา 'เหย่จื่อหวิน'จึงจัดการให้บิดาส่งนางเข้าเรียนเช่นกัน ด้วย'เซียวหนิงเอ๋อร์'เอง 'เหย่จื่อหวิน'จึงตระหนักถึง'เนี่ยหลี' เพราะเหตุใด'เซียวหนิงเอ๋อร์'จึงชิงเป็นฝ่ายเข้าหา'เนี่ยหลี'ผู้อ่อนด้วย นางไม่เข้าใจเหตุผลของ'เซียวหนิงเอ๋อร์'
“ฉันนั่งกับเธอด้วยได้ไหม?”
'เซียวหนิงเอ๋อร์'มอง'เนี่ยหลี' ก่อนมองเลยไปถึงเพื่อนทั้งสองคน สายตาของทั้งสองมองมายัง'เนี่ยหลี' แม้ว่าเขาทั้งสองไม่กล้าคิดมิดีมิร้ายกับ'เซียวหนิงเอ๋อร์' แต่มีหญิงงามอยู่ใกล้ย่อมดีกับสายตา'เนี่ยหลี'เงียบไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ากล่าวว่า
“เชิญ”
แม้ไม่รู้เหตุผล แต่เมื่อได้เห็นนาง 'เนี่ยหลี'ก็อดคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนไม่ได้ เรือนร่างนวลเนียนไร้กระดูก ผิวขาวดุจหยกล้ำค่าทำให้เด็กชายรู้สึกแปลกๆ 'เซียวหนิงเอ๋อ'เปิดห่ออาหารออกมา ภายในเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิด เพียงเห็นก็กระตุ้นความอยากอาหาร กลิ่นของมันยิ่งอบอวลไปทั่วทุกมุมห้อง
“ตู้เจ๋อ ลู่เปียว พวกเธอก็มากินด้วยกันสิ”
'เซียวหนิงเอ๋อร์'ว่า
ทั้งสองอดยินดีไม่ได้เมื่อได้ยินนางเรียกขาน นางงามหิมะนางนี้ไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คนอื่นๆว่า
“เราได้ผลประโยชน์แล้ว”
'ลู่เปียว'หัวเราะพลางหยิบอาหารขึ้นชิ้นหนึ่งใส่ปาก ก่อนอุทานว่า
“อร่อย!”
เห็นท่าของ'ลูเปียว''ตู้เจ๋อ'เองก็ไร้วาจา
'เซียวหนิงเอ๋อร์'ยิ้มอย่างน่าหลงใหล ยิ่งทำให้ทุกคนในห้องนั้นตื่นตะลึง พวกมันยากจะได้เห็นรอยยิ้มของนาง ฟ้าประหนึ่งจะถล่มลงต่อหน้าของพวกมัน 'เนี่ยหลี'ถอนหายใจในใจ ชีวิตของเขานั้นผูกความเป็นตายกับ'เหย่จื่อหวิน'ตั้งแต่ชาติก่อน ระหว่างเขากับ'เซียวหนิงเอ๋อร์'นั้นเป็นได้เพียงเพื่อนเท่านั้น
ที่มา:https://my.dek-d.com/Pink_Silk/writer/viewlongc.php?id=1406709&chapter=9